รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก-ไอติม พริษฐ์ ถกประเด็นร้อน หลังร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนถูกตีตก พร้อมร่วมกันหาทางออกวิกฤติการเมืองไทย

วันที่ 19 พ.ย.63 ในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และ ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ตัวแทนกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า ถึงกรณีผลการลงมติรับ-ไม่รับ ต่อญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ

ทั้งนี้ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดหวังอย่างแรก คือ การปรับตกร่างฉบับที่ 4 ยกเลิกมาตรา 272 ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สามารถยกมือโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก 2.การตัดสินของรัฐสภาเมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) เป็นเหมือนการปิดประตูต่อการใช้พื้นที่ปลอดภัยพูดคุยเรื่องสถาบันฯ และ 3.หลังจากนี้ต้องมาดูกันว่า ในวาระที่ 2 จะมีการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไปในทิศทางใด

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ตนเองไม่อยากเป็นคนพูดว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่มองว่าต้องมีการเอื้อมมือจากนอกสภาเข้ามาในสภา และต้องมีการเอื้อมมือจากในสภาไปนอกสภาด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ในการพูดถึงหมวด 1 และหมวด 2 คนที่พอจะพูดคุยได้ในสภาก็คือ พรรคก้าวไกล ส่วนนอกสภาก็คือ คณะก้าวหน้า และไอลอว์ นั่นคือ พรรคก้าวไกล เอื้อมมือจากในสภาไปหาคณะก้าวหน้าและไอลอว์ แล้วพากันไปคุยกับนิสิตนักศึกษา นักเรียน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า การแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง เพราะมาตรา 255 ระบุไว้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆ ก็ตาม ห้ามกระทำ 2 อย่าง คือ ห้ามเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง และรูปแบบรัฐ

ส่วนทางออกต่อไป หลังจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของฝ่ายรัฐบาล และฉบับที่ 2 ของฝ่ายค้าน ผ่านเข้าสู่วาระที่ 2 ซึ่งเป็นขั้นตอนแปรญัติ หลังจากที่อ่านโดยละเอียดพบว่าไม่มีการระบุไว้ในหลักการว่าห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 แต่ไประบุไว้ในส่วนของรายละเอียด นั่นหมายความว่า ยังสามารถแปรญัติ และปลดล็อกให้ ส.ส.ร สามารถพิจารณาแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ได้ หากคณะกรรมาธิการที่มีตัวแทนจาก ส.ว. ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน โหวตแปรญัตินี้

...

"หากไม่เป็นตามนี้ ทางกรรมาธิการอย่าคิดแทนประชาชนได้ไหม เพราะหลังจากผ่านวาระที่ 3 แล้วจะต้องมีการทำประชามติอยู่แล้ว เพื่อถามประชาชนว่าจะเอา ส.ส.ร. หรือไม่ แต่แทนที่จะถามแค่ว่าเอา ส.ส.ร. หรือไม่ ถามประชาชนไปเลยไหมว่า จะเอา ส.ส.ร. ที่สามารถพิจารณาได้ทุกหมวด ทุกมาตรา หรือจะเอาแค่ ส.ส.ร. ที่พิจารณาหมวดอื่นที่ไม่ใช่หมวด 1 และหมวด 2"

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรคใหญ่อย่างพลังประชารัฐ และกลุ่ม ส.ว. จะมีการพูดถึงข้อเรียกร้องที่ 3 เรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ระหว่างมีการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า คนอีกกลุ่มอย่าง ไทยภักดี หรือกลุ่มที่มีความเป็นห่วงสถาบันฯ เขาก็ต้องการพืนที่ปลอดภัยเช่นเดียวกันว่า เขาจะรักษาสถาบันฯ ไว้ได้ และจะไม่มีใครมาแตะต้องสถาบันฯ และยังมีพื้นที่ปลอดภัยของกลุ่มคนกลางๆ ดังนั้นเมื่อพูดถึงพื้นที่ปลอดภัยจึงต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยกับคนทุกฝ่าย เพราะหากตัดสินใจไปแล้วก็จะดำเนินต่อไปอีกยาว

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐนูญทุกหมวดนั้น พอพูดคุยกันได้ ส่วนการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ย้ำว่าจะต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน และอย่าพูดว่าแก้ทุกมาตรา เพราะมันจะกระทบต่อมาตรา 1 มาตรา 2 และมาตรา 255

ส่วนกระบวนการนอกสภาตอนนี้ ตนมองว่าบานปลายไปไกลมาก และมีความไม่เหมาะสม จึงอยากให้มาคุยกับแบบสุภาพแบบอารยชน และมองว่าเรื่องท่าทีนั้นสำคัญมาก

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยกับการเพิ่มรายละเอียดให้ชัดเจน และมองว่าคนที่พูดว่าแก้ได้ทุกมาตราเขารู้กรอบอยู่แล้ว ที่ผ่านมา หมวด 1 และหมวด 2 มีความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ล้มล้างการปกครอง.