เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวที่ผมอ่านด้วยความเสียดายระคนอาลัยอาวรณ์อยู่ข่าวหนึ่ง...นั่นก็คือ...ข่าวการประกาศอำลาจากประเทศไทยของห้าง “โตคิว” ที่มาบุญครอง
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับอ้างแหล่งข่าวจากญี่ปุ่นโน่นเลยระบุว่า ห้าง “โตคิว” ในประเทศไทยจะปิดฉากตัวเองในเดือนมกราคม 2564 ซึ่งก็อีกไม่ถึง 2 เดือนแล้ว นับจากวันนี้...หลังจากเกิดปัญหาการขาดทุนครั้งใหญ่ และไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอุดหนุนเลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โควิด-19
ผมเป็นลูกค้าเก่าของห้างนี้ มักจะแวะไปเดินเล่นเสมอในช่วงที่มีเวลาว่าง เพราะไปครั้งเดียวเหมือนยิงนก 2 ตัว คือได้ไปเดินเล่นในศูนย์การค้า มาบุญครอง ที่อยู่ข้างๆกันด้วย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมชอบไปมาบุญครองและห้างนี้เป็นเพราะเส้นทางคมนาคม สำหรับผมค่อนข้างสะดวกมาก...แค่เดินออกหลังโรงพิมพ์ขึ้น BTS ไปสถานี “สยาม” และต่อ “สายสีลม” นั่งย้อนไปสถานีเดียว เดินลงที่สถานี สนามกีฬาแห่งชาติ ก็ถึง โตคิว แล้ว
ผมมีความหลังประทับใจ 3 อย่างอยู่กับห้างนี้ อย่างแรกเลยก็คือแผนก เครื่องเขียน หรือ Stationery เพราะผมยังใช้ปากกาเขียน ต้นฉบับ และจดบันทึกหรือเขียนจดหมายในการสื่อสารต่างๆอยู่
จึงชอบที่จะไปเลือกซื้อปากกาลูกลื่น 3 สี...น้ำเงิน...แดง...ดำที่นี่ แล้วก็ซื้อปากกาเน้นข้อความหรือปากการะบายหนังสือหลากสีต่างๆ ที่จัดวางเอาไว้ให้เลือกอย่างลานตา
อย่างที่สอง...ผมชอบ ศูนย์อาหารเล็กๆ (ชั้น 4 หน้าซุปเปอร์มาร์เกต) ของที่นี่ครับ มีอาหารขายไม่กี่อย่าง แต่ราคาจะถูกกว่าศูนย์อาหารของ มาบุญครอง...มีอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านข้าวแกงที่เหมือนยกร้านข้าวแกงมาจากโรงอาหารของโรงเรียนใด หรือหน่วยราชการใดหน่วยราชการหนึ่ง
...
หน้าตาของข้าวแกงจึงเหมือนข้าวแกงในโรงอาหารโรงเรียน หรือหน่วยราชการ...รสชาติก็เหมือน คือไม่อร่อยมากนัก...แต่ผมชอบ เพราะ ทำให้นึกความหลังสมัยเรียนหนังสือ และรับราชการอยู่ที่สภาพัฒน์
อย่างที่สาม...ห้องน้ำ ครับ ผมชอบห้องน้ำของ โตคิว ที่สุด มีห้องเดียวอยู่ชั้น 3 ด้านในสุดเลย
ที่ผมชอบ ห้องน้ำ ที่นี่ เพราะนอกจากสะอาดสะอ้านพอใช้แล้ว... ยังฟรีไม่ต้องเสียสตางค์ด้วยครับ
อย่าลืมนะครับ เวลาไปมาบุญครอง เวลาเข้าห้องน้ำ เราจะต้องควักกระเป๋าจ่ายสตางค์ด้วย...ผมจำไม่ได้ว่าล่าสุดเขาคิดเท่าไร แต่ตอนเริ่มเก็บตังค์ใหม่ๆ เขาคิด 1 บาทแล้ว ก็ขึ้นเป็น 2 บาท
ก็ไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไรหรอกครับ เผอิญผมเป็นคนไม่ค่อยพกเศษตังค์ ครั้นจะให้แบงก์ 20 ให้เขาทอน เราก็จะได้เศษตังค์กลับมาเต็มกระเป๋า ที่ไม่อยากพกอีกจนได้
เวลาไปเดินมาบุญครองผมจึงจะกลั้นไว้แล้วมาปลดปล่อยรวดเดียวที่ห้องน้ำ “โตคิว” ซึ่งไม่ต้องเสียสตางค์นี่แหละ
ครับ! ทั้งหมดนี้คือความประทับใจเล็กๆน้อยๆที่ผมมีความทรงจำที่ดีต่อห้างญี่ปุ่นห้างนี้ จึงรู้สึกใจหายและอาลัยอาวรณ์อย่างมาก เมื่ออ่านข่าวเจอว่า “โตคิว” กำลังจะร่ำลาไปอีกหนึ่งห้าง...หลังจากที่ อิเซตัน เพิ่งลาไปเมื่อไม่นาน ซึ่งผมก็เขียนอำลาอาลัยให้เช่นกัน
ถ้าจะว่าไปแล้วที่ โตคิว จะคึกคักกว่า อิเซตัน เยอะ เพราะอยู่ติดกับ มาบุญครอง และเป็นด่านหน้าเลยเมื่อลง BTS จึงมีนักท่องเที่ยว เดินเข้าเดินออกพลุกพล่านอยู่ตลอด
แต่เท่าที่ทราบผลประกอบการของโตคิวขาดทุนตั้งแต่การท่องเที่ยวยังเฟื่องแล้วด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ 2 ปีก่อนหน้าโควิดจะมาเยือนก็ขาดทุนอยู่แล้ว...ดังนั้น จึงน่าจะขาดทุนหนักขึ้นไปอีกในช่วงปัจจุบัน
หนังสือพิมพ์หลายฉบับบอกว่า จากนี้ไปจะเหลือห้างญี่ปุ่นอีกห้างเดียวเท่านั้น คือ “ทาคาชิมายา” ที่ ดิ ไอคอนสยาม ซึ่งผมเคยแวะไป 2 ครั้ง ตอนเปิดใหม่ๆ จากนั้นก็ไม่ได้ข้ามฟากไปอีกเลย
ธุรกิจการค้าของ ทาคาชิมายา จะเป็นอย่างไรบ้างก็ยังไม่รู้...ยังไงๆ ก็ยืนหยัดสู้ต่อนะครับ จะได้เหลือห้างญี่ปุ่นไว้เป็นอนุสรณ์ในประเทศไทยบ้าง
สำหรับ ห้างโตคิว ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อ ค.ศ.1985 หรือ 2528 นับถึงบัดนี้ 35 ปี พอดิบพอดีถือว่าคุ้นเคยกับคนไทยพอสมควร
ขออนุญาตใช้ถ้อยคำอำลาอย่างคนใกล้ชิดคนหนึ่ง...ไปดีมาดีเถอะเพื่อน ซาโยนาระ นะเพื่อน เราจะคิดถึงความประทับใจ “3 อย่าง” จากนายเสมอ (โดยเฉพาะ “ห้องน้ำ” ฟรีของนาย)
“ซูม”