ป.ป.ช.มีมติไต่สวน “รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์” อดีตรักษาการ ผอ.อคส.กับพวก หลังพบเส้นทางการเงินผิดปกติ ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับเอกชนมูลค่ามโหฬารกว่าแสนล้านบาท ขณะที่ ผอ.อคส.คนปัจจุบัน เตรียมแฉโครงข่ายทุจริต ทั้งคนในและนอก ตามที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กำชับจากกรณีบอร์ดองค์การคลังสินค้า (อคส.) มีมติ ให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผอ.อคส. คนปัจจุบัน ทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง การทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ของ อคส. โดยกลุ่มผู้เกี่ยวข้องโอนเงินของ อคส.ไปเป็นเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยางในฐานะคู่สัญญา โดยไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ อคส.ก่อให้เกิดความเสียหาย เป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการ ผอ.อคส.กับพวก หลังพบพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จากการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบเส้นทางการเงินมีความผิดปกติอย่างมาก

โดยในวันที่ 3 พ.ย. นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผอ.อคส.คนปัจจุบัน เตรียมเดินทางเข้าให้ปากคำที่ ป.ป.ช. หลังจากรับเรื่องนี้ไว้ไต่สวนและสั่งอายัดเงิน 2,000 ล้านบาทแล้ว เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ขณะที่ดีเอสไอสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของ อคส.ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 5-7 ปาก และสรุปส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว

...

มีรายงานว่า นายเกรียงศักดิ์สั่งให้คณะทำงานเตรียมคำให้การและพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงโครงข่ายของผู้กระทำความผิดทั้งหมดตั้งแต่ตัวการ ตัวการร่วมและผู้สนับสนุนให้ความผิดสำเร็จ มีทั้งหมดประมาณ 10 คน ประกอบด้วยคนในและคนนอก อคส. ทั้งนี้ยังมีเอกสารหลักฐานโยงใยไปถึงผู้บงการใหญ่ อยู่เบื้องหลัง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการ ผอ.อคส. ผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง 112,500 ล้านบาท และมีหลักฐานโยงไปถึงผู้สนับสนุนเป็นเจ้าหน้าที่ อคส.อีก 2 ราย ทราบว่าจะมีการโอนเงิน 2,000 ล้านบาท ไปให้บริษัทคู่สัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.ย. แต่ไม่ขัดขวาง ทั้งๆที่เงินจำนวน 2,000 ล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเงินสวัสดิการของพนักงาน หากจะนำไปใช้ต้องขออนุญาตจากกระทรวงการคลังก่อน โดยเจ้าหน้าที่ทั้งคู่กลับลาหยุด ต่อมาได้รับเงินตอบแทนจากการนี้

เย็นวันเดียวกัน นายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า พร้อมให้ปากคำกับ ป.ป.ช. และจะให้ความร่วมมือเต็มที่ ก่อนหน้านี้ก็ให้ปากคำกับดีเอสไอไปแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะเอาผิดกับผู้กระทำผิด เพราะนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ สั่งการให้ดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด ขณะนี้ อคส.เตรียมขั้นตอนดำเนินการต่างๆไว้หมดแล้ว ซึ่งอาจต้องใช้เวลาบ้าง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้ครบถ้วน เอาผิดผู้กระทำผิดให้ได้