อร่อย แต่สังเกตหน้าตาไม่ฟินเลย อารมณ์ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม “ชิมปาท่องโก๋ลอยฟ้า” ของการบินไทยที่นำมาออกบูธ โชว์อีเวนต์ที่ทำเนียบฯ ก่อนประชุม ครม.
สีหน้า แววตา ซ่อนอาการ “อมทุกข์” ไม่มิด
ตามฟอร์มผู้นำที่ตกอยู่ท่ามกลางวิกฤติสารพัดที่ถาโถมเข้าใส่ ซ้ำในห้วงรัฐบาลขาลง
ในสภาพเร่งเครื่องบริหารไม่ขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจปากท้อง ล่าสุดเปิดตัว “ขุนคลัง” ใหม่ แต่ “หน้าเก่า” อย่างนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง “ยาสามัญประจำหลังบ้าน”
มีแค่เสียงตีปี๊บจากทีมแห่พลังประชารัฐ แต่ไร้สัญญาณตอบรับจากนักลงทุนตัวจริงเสียงจริง
เข้าสู่โหมด “นิ่ง” รับสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ทำได้ดีสุดแค่นี้
มุกตลกร้าย หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก แบบที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย ข่าวร้ายเศรษฐกิจแย่ แต่ข่าวดีคือเศรษฐกิจปีนี้จะดีกว่าเศรษฐกิจปีหน้า
ใส่หมวกกันน็อก รัดเข็มขัด สวดมนต์ภาวนากันไป
ด้วยสไตล์ “อนุรักษนิยม” แบบรัฐราชการ จุดเด่นของนายอาคมคือซื่อสัตย์ มือสะอาด
ยากที่เสือหิว เสือโหย จะสอดไส้วาระอันตรายใน ครม.
และก็เช่นเดียวกัน ด้วยการบริหารแบบระมัดระวัง จนเข้าขั้นกล้าๆกลัวๆ ก็ไม่ต้องหวังจะเห็นโครงการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจแรงๆ แบบเงินกำลังจะหมุนไป เลิกคิดได้
“ขุนคลัง” ยาสามัญประจำหลังบ้าน ได้แค่ประคองอาการ
ไม่ตรงกับเงื่อนไขสถานการณ์ มหาวิกฤติเศรษฐกิจโควิดที่กำลังล้อมประเทศไทย ในสภาพไม่ต่างจากเครื่องบินกำลังเจอพายุ
เครื่องยนต์ที่ 1 การท่องเที่ยว ดับสนิท เครื่องยนต์ที่ 2 การส่งออก ใกล้ดับ เครื่องยนต์ที่ 3 การลงทุน กำลังสำลัก ใกล้โหม่งพสุธา
...
แต่กัปตัน กับนักบินผู้ช่วย ไม่สันทัดกรณีเอาเครื่องลงฉุกเฉิน
เศรษฐกิจคือเงื่อนเป็นเงื่อนตายรัฐบาล ภาวะ “ปากท้อง” โยงเป็นเงื่อนไขกับม็อบเบิ้มๆ
สถานการณ์แบบที่นายอานนท์ นำภา แกนนำมวลชน “ประชาชนปลดแอก” ประกาศการชุมนุมใหญ่วันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะไม่กลับ จะค้างคืน ส่วนจะเคลื่อนขบวนหรือไม่ อย่างไร อยู่ที่มวลชน
เป้าหมายคือให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ออกไป
การต่อสู้แบบ “ม้วนเดียวจบ” ไม่ได้หมายความว่าจบในวันเดียว แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออก ไม่แก้รัฐธรรมนูญ
ม็อบรุ่นใหม่ไม่ลุยถั่วมั่วๆเข้าเหลี่ยมไอโอของฝ่าย เสธ.ทีม 3 ป.
แต่ปักธงเป้าหมายชัดๆ “บิ๊กตู่” ต้องออก สภาต้องรื้อรัฐธรรมนูญ
และเหมือนจะต้องตีไพ่ออกมาสลับฉาก พรางกระแสม็อบที่กำลังรุกไล่ กับการที่รัฐบาลส่งซิกปล่อยเกมเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วงปลายปี
โดยเฉพาะเวทีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สนามปราบเซียน
สะท้อนกระแสคนเมืองหลวง ตัวชี้วัดคะแนนนิยมได้ดีสุด
แต่จับทาง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกปัดยังไม่ได้พูดคุยกับคณะกรรมการบริหารพรรค เรื่องแคนดิเดตผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.
ส่ออาการดึงเช็ง มวยยังไม่พร้อมลงสนาม
ตรงกันข้ามกับคู่แข่งทางการตลาดอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่เดินสายโชว์ตัวพร้อมทีมผู้สมัคร ล็อกพื้นที่หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
ตามยุทธศาสตร์ทีมสีส้มที่ประกาศยึดสนามท้องถิ่น
และโดยกระแสที่ประเมินได้จากสถานการณ์วุ่นๆ นักการเมืองท้องถิ่นทีมสีส้มในจังหวัดนนทบุรี โวยใส่ “ธนาธร” อ้างคณะก้าวหน้านนทบุรี ต้องจ่ายเงินคนละ 32,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าจัดทำป้ายหาเสียงขนาดใหญ่ 10 ป้าย ค่าแผ่นพับ 10,000 แผ่น ค่าสมัคร 5,000 บาท ค่าเสื้อ 10 ตัว และอื่นๆ
ตามฟอร์ม แตกคอ ล่อกันเอง เพราะเบียดพื้นที่ แต่อีกมุม
มันสะท้อนยี่ห้อ “ก้าวไกล” ทีมงาน “คณะก้าวหน้า” กำลังครองกระแสความนิยมในหัวเมืองใหญ่ ขยายวงจากเมืองกรุงไปปริมณฑล และเขตพื้นที่เมืองในต่างจังหวัด
ต้องแย่งกันใส่เสื้อสีส้ม ราวกับวินมอเตอร์ไซค์ทำเลทอง
วินอื่นที่เงียบเหงา ต้องฝ่อไปตามๆกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน