เว็บไซต์ worldmeter รายงานข้อมูล การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ณ วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อเกินกว่า 31 ล้านรายไปแล้ว ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 1 ล้านคน รักษาหายแล้วประมาณ 23 ล้านคน หายมากกว่าตาย แต่ด้วยลักษณะการติดเชื้อที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้ ไวรัสโควิด-19 สร้างความหวาดวิตกให้กับชาวโลก ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้จะพ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสแล้วก็ตามจะส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้อง ความยากจน ที่จะตามมาอีกมากมาย จำนวนคนอดตาย ฆ่าตัวตายจะเพิ่มขึ้นมาก เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ปัญหาการเมือง ที่จะตามมา ไม่เฉพาะบ้านเรา แต่เกือบจะทุกประเทศที่พยายามจะ ปลดแอก ความกดดันที่เกิดขึ้นรอบตัว เรียกร้องประชาธิปไตย อิสระ และเสรีภาพ เรียกร้องความเป็นธรรมเท่าเทียม เรียกร้องความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ให้มากที่สุด

ทุกคนต้องเท่าเทียมและเสมอภาคไม่มียกเว้น

ม็อบเมืองไทย ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากการ ยึดอำนาจเมื่อปี 2549 การเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ เป็นเรื่องที่เห็นกันจนชินตาไปแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน จะว่าเงื่อนไขข้อเรียกร้อง เหนือความคาดหมาย เสียเลยทีเดียวก็ไม่ถูกต้องนัก การชุมนุมของ เสื้อแดง ที่ผ่านมา ก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาพอสมควร

คนเลยไปทึกทักเอาว่า ม็อบนักเรียน นิสิต นักศึกษา จะติดกับดักตัวเอง เพราะเงื่อนไขการเรียกร้อง ค่อนข้างจะชัดเกินไป คือแทนที่จะเรียกร้อง ประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ ปฏิวัติรัฐประหาร แค่นั้นก็พอแล้ว ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้สังคมอยู่ด้วยความเป็นธรรมและเท่าเทียม ไม่เลือกข้าง เลือกฝ่าย เลือกปฏิบัติ

...

ไม่ควรมากกว่านั้น

มีการวิเคราะห์ว่า การชุมนุมทางการเมือง ครั้งนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ เป็นม็อบติดหล่ม เป็นม็อบที่ถูกคนบางกลุ่มชักใยอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกับ ม็อบเสื้อแดง ในอดีต ผลสุดท้ายก็ต้องมารับเคราะห์ เสียอนาคต ติดคุกติดตะราง สู้อย่างไรก็ไม่มีวันชนะ

อาจจะคิดได้เช่นนั้น แต่ถ้ามองปัญหานี้ด้วยความละเอียดอ่อน การเพาะต้นกล้าประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็นประชาธิปไตยที่ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศที่เป็นแม่แบบประชาธิปไตยของประเทศไทย กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ที่โตขึ้นมาด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกับคนที่มีวัยร่วงโรย ที่ตื่นขึ้นมาที่โตขึ้นมาจากการเรียนรู้ อบรมสั่งสอนของบรรพบุรุษ แต่เด็กวันนี้โตมากับการคิดได้เอง จะผิดจะถูกเป็นอีกเรื่อง แต่สิ่งที่เรียนรู้ค้นคว้ามาเองแตกต่างจากสิ่งที่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ปลูกฝังกันมาโดยสิ้นเชิง

ปรากฏการณ์ที่ผู้ใหญ่กำลังเลือกข้าง สื่อกำลังเลือกข้าง เพราะผลประโยชน์ตอบแทน กลายเป็นสิ่งที่ยั่วยุให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้บังเกิดความคิดที่แตกต่างจากสิ่งที่พวกเด็กเหล่านี้คิดมากยิ่งขึ้น ผู้ใหญ่จึงต้องใคร่ครวญให้ดี

คิดยาวให้บั่น คิดสั้นให้ต่อ.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th