ผวาทั้งเชื้อโรค สะเทือนไปทุกเสาหลัก สรุปความตามสถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ ไวรัสโควิด-19 ก็ยังวางใจไม่ได้ ล่าสุด มีดีเจติดเชื้อ ตรวจพบก่อนเข้าเรือนจำ ต้องไล่ไทม์ไลน์สอบสวนโรคกันวุ่นทั้งเมือง

หวั่นเข้าสู่โหมดระบาดระลอก 2 ผับบาร์ สถานบันเทิง ยังไม่ทันฟื้นตัวดี เสียวต้องโดนล็อกตายล็อกดาวน์อีก

ในภาวะที่ปัญหารุมเร้าเป็นมรสุมระลอกแล้วระลอกเล่าโหมใส่ “เรือเหล็ก” ที่หวังว่า “โควิด–19” จะเป็น “ตัวช่วย” เหมือนที่ดับไฟ เบรก “ม็อบเด็ก” เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

เพราะก็อย่างที่เห็น นอกจากไม่เป็นตัวช่วย วันนี้โควิด–19 อาจกลายเป็นตัวเร่งเร้าโหมไฟใส่รัฐบาล

ในยามภาวะการคลัง ถังแตก–ตูดขาด ปมเศรษฐกิจปากท้องยังแก้ไม่จบ “โควิดเอฟเฟกต์” แค่ระลอกแรกก็หนักหน่วงรุนแรง ขืนมาอีกรอบก็เจ๊งโบ๊ง มีโอกาสจะช่วยเร้าแนวร่วมเด็กๆเขย่าอำนาจกันเข้าไปอีก

สารพัดปมกระแทกใส่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม โดยถ้าขมวดปม แรงขย่มเขย่าเหมือนจะพุ่งตรงสู่เสาหลักบ้านเมือง ทั้งฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ และกระบวนการยุติธรรม จนซวนเซกันหมด

ไล่ตั้งแต่รัฐบาล-รัฐสภา ทั้ง ส.ส.–ส.ว. กำลังปั่นป่วนกับคิวรื้อรัฐธรรมนูญ ตามข้อเรียกร้องของเด็กๆ แถมถูกดักทาง กลุ่มประชาชนปลดแอก–พรรคก้าวไกล เดินสอดคล้อง ล็อกอำนาจของสมาชิกสภาสูง

เสนอแก้ไข รธน. “ปิดสวิตช์ ส.ว.”-“ถอดปลั๊กบิ๊กตู่”

แล้วก็เป็นปมที่อาจกลายเป็นจุดชี้ขาด อำนาจ “ลัดวงจร” โดยล่าสุดก็เริ่มเห็นเค้าลางอย่างที่ว่า กับท่าทีพรรคร่วม ค่ายสำคัญอย่างประชาธิปัตย์ โดดร่วมกระแส

ในจังหวะเหมาะได้ “ขี่” ปชป.ก็ย่อมไม่ทิ้งโอกาสนั้น เช่นเดียวกันกับค่ายพรรคร่วมอื่นๆ ก็วางใจไม่ได้

...

ขณะที่ฝั่งกระบวนการยุติธรรม แค่รายการทายาทเครื่องดื่มชูกำลังหนีคดีขับรถชนตำรวจตาย ก็กระเพื่อมไหวไปทั้งองคาพยพ อัยการ–ตำรวจ กระทั่งลากโยงมาที่ฝั่งนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร

ร้อนเข้าถึงตัว “บิ๊กตู่” ต้องแก้ปมวุ่นเหมือนกัน

แล้วที่ไม่รู้จะเป็นมรสุมลูกสุดท้ายหรือไม่กับรายการ นายปรีดี ดาวฉาย สละเรือไขก๊อกจากเก้าอี้ขุนคลัง ตั้งแต่หัววัน ปัญหาไม่ได้เกิดเฉพาะแค่หาคนมาแทน แต่สะเทือนทั้งรัฐบาล และความเชื่อมั่นประเทศ

แม้ผู้นำจะออกมาเรียกเครดิต ยืนยันนโยบายรัฐบาลไทยยังเดินต่อไปเช่นเดิม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิวนี้ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติ บริษัทยักษ์ใหญ่สะดุด รีรอ ปรับแผน กระทั่งส่อถอนยวง

นั่นก็ยังไม่วายมีปมร้อนที่เสี่ยงกลายเป็นเชื้อโรคเข้ามาแทรก เหตุฉาวข่าวลือเรื่องหัวคิว

ปมหมิ่นเหม่เฉี่ยวโกงทั้งในฝั่งบริหารและนิติบัญญัติ

ข่าวรายวัน กลเกมการเมืองที่อ่านทางแล้วก็แค่ลูกเล่น “เคาะกะลา” ลีลา “ตีเมืองขึ้น” ไล่ตั้งแต่ ค่าโง่สารพัด สัมปทานโครงการรัฐ จะยืดอายุ–ต่อสัญญา และเมกะโปรเจกต์ต่างๆที่เปิดศึกกันแทบทุกงาน

ในจุดที่ปมโกงถูกมองเป็นปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง

ขณะที่เสียงจากภายนอก กลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่รวมตัวเคลื่อนไหว ยังมุ่งข้อเรียกร้องไปในทางการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย ร้อนแรงอยู่ใน “กรอบ”

แตกต่างจากความเคลื่อนไหวในอดีต คำว่านายทุน ขุนศึกศักดินา ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อสำคัญ พ่วงกับปมรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ

เพราะโลกความจริงวันนี้ เริ่มมีกระแสที่พูดถึงในหลายวง เกี่ยวกับประเด็น “กลุ่มทุน” กับโครงสร้างของบ้านเมือง ตั้งแต่ฝ่ายบริหาร ฝั่งนิติบัญญัติ กระบวนการยุติธรรม กระทั่งพรรคการเมือง

ล่าสุด ในคิวที่มีข่าวนักการเมืองระดับต้นท่ออัดฉีดของพรรคพลังประชารัฐ นักการเมืองเจ้าสัว “ทุนใหญ่การเมือง” จ้องเสียบเก้าอี้ รมว.คลัง เปิดศึกประลองกำลังกับ “ทุนเร้นรัฐ”

ปมที่ “บิ๊กตู่” ระวังไม่ยอมให้เกิดภาพทุนบงการเจ้าสัวครอบงำ ไม่ปล่อยเชื้อโรคซ้ำ เร่งปฏิกิริยาพาพัง

ประเมินในคาบนี้ ภาพรวมการเมืองไทยกับสัญญาณบ้านเมือง อาจลากไปถึงจุดชี้สถานะผู้นำ ตามทางเลือกที่มี “ยุบสภา-ลาออก” กระทั่งเหตุฉุกเฉินรัฐประหาร

เพียงแต่ในภาพรวม ส่วนใหญ่ยังเชื่อในความ “ครบเครื่อง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ คือตัวเลือกที่ยัง “ใช่” ถ้าแก้ปมปลดบ่วงไปทีละจุดก็น่าจะผ่านได้

จริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ “บิ๊กตู่” จะพิสูจน์ในโค้งสำคัญนี้เอง.

ทีมการเมือง