ปีนี้เป็นอีกปีที่มีข้าราชการระดับสูงในแวดวงราชการพลเรือนถึงเวลาเกษียณอายุราชการค่อนข้างมากเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักบริหารระดับสูง ที่อยู่ในตำแหน่ง ปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่า เป็น ปลัดกระทรวง 9 ราย จาก 20 กระทรวง ดังนี้
1.นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง 2.นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 3.นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 4.นายสรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 5.นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6.นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม 7.นายกฤษศญพงศ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม 8.นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 9.นายสุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
นักบริหารระดับสูง ที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่าปลัดกระทรวง อีก 3 ราย คือ
1.นายอนุกูล เจิมมงคล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ 2.พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ 3.นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ยังมีอีกรายซึ่งเคยดำรงตำแหน่งทั้งปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการเทียบเท่าปลัดกระทรวงมาหลายแห่งและเกษียณอายุราชการในปีนี้ด้วยคือ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อดีตเลขาธิการสภาการศึกษา ที่โดนมรสุมในชีวิตราชการถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมจนถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยขาดสิทธิประโยชน์เดิมที่เคยได้เช่นเงินประจำตำแหน่ง ฯลฯ
...
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลการสอบสวนเรื่องที่ถูกกล่าวหาปรากฏออกมาแล้วว่าไม่มีมูลความจริงจึงปราศจากมลทินไม่มีความผิดใดๆและมีการคืนความเป็นธรรมให้ด้วยการขยับตำแหน่งเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) โดยให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา 21,000 บาท อันเป็น สิทธิประโยชน์เท่าที่ปลัดกระทรวงพึงได้รับก่อนการเกษียณอายุในคราวนี้
นี่คือวิถีชีวิตของข้าราชการประจำที่ผ่านวันเวลาและเหตุการณ์ในชีวิตมามากมาย บางรายได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองมาตลอด
ยกตัวอย่างเช่น เลขาธิการทศพร ที่เริ่มชีวิตราชการด้วยการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วต่อมาโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือน เป็นเลขาธิการ ก.พ.ร.คนแรก และอยู่ในตำแหน่งนี้ยาวนาน แล้วย้ายไปเป็น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในปี 2556 พอมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐ ตอนเริ่มแรกก็ถูกย้ายไปเป็น ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ 2 ปีเศษแล้วได้กลับมาเป็นเลขาธิการ ก.พ.ร.อีกรอบจนถึงปี 2561 ได้ย้ายไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งปรับเปลี่ยนเป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในปัจจุบัน
ผลจากการอุทิศตัวให้กับงานทุกตำแหน่งหน้าที่เท่าที่ผ่านมาทำให้ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีในช่วงของการปรับ ครม.ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธอย่างสุภาพพร้อมกับยืนยันว่ายินดีช่วยงานทุกอย่างของรัฐบาลเท่าที่จะทำได้หลังเกษียณ
วงราชการเราจะหาข้าราชการที่มีความพอดีพอเพียงอย่างนี้ให้ได้สักคนก็แสนยาก
ที่พบเห็นเป็นส่วนใหญ่ก็พวกที่ข้ามห้วยจากสายงานอื่นเข้ามาครอบครองตำแหน่งในฝ่ายพลเรือนจนเกษียณแล้วยังสืบทอดอำนาจต่อให้พวกเดียวกันบ้าง
หรือปลัดกระทรวงบางรายเข้ามาก็มีปัญหากับลูกน้องตลอดปีตลอดชาติ ชนิดที่เกษียณไปเสียได้คนเขาสาธุกันทั้งกระทรวงก็มี.
“ซี.12”