นายกรัฐมนตรีชี้แจงต่อทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ขอลาออก ว่าจำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ไม่ทราบหมายความลึกซึ้งแค่ไหน แต่เมื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจลาออกพร้อมกลุ่ม “สี่กุมาร” นายกรัฐมนตรีก็อาจต้องใช้ “เหตุผลทางการเมือง” เพื่อตั้ง ครม.เศรษฐกิจใหม่

แต่เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจใหม่ด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ คือ ตั้งรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ด้านเศรษฐกิจ ตามความต้องการของคณะกรรมการบริหารใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กลุ่มผู้ชนะในการชิงอำนาจ รวมทั้งเลือกหัวหน้าพรรคใหม่

ถ้าจะใช้เหตุผลทางการเมือง เพื่อแต่งตั้งทีมเศรษฐกิจใหม่ อาจต้องตั้งรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีพลังงาน หรือตำแหน่งอื่นๆจากนักการเมืองใน พปชร. ผู้ชนะที่สามารถผลักดันให้ทีมเศรษฐกิจเดิมพ้นทางได้ แต่ดูเหมือนนายกรัฐมนตรียืนยันจะตั้งทีมเศรษฐกิจด้วยตนเอง และชื่อต่างๆที่เป็นข่าวจะเป็นรัฐมนตรีใหม่ไม่มีชื่อนักการเมือง

วิกฤติเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่วิกฤติธรรมดาเปรียบเทียบกับวิกฤติต้มยำกุ้งที่คนไทยถือว่าแสนสาหัส แต่ถือว่าจิ๊บจ๊อย นักการธนาคารบางท่านฟันธงว่าวิกฤติปีนี้ทำให้เศรษฐกิจหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 150 ปี ต้มยำกุ้ง 2540 หดตัวเร็วแต่ฟื้นแรง แต่รอบนี้หดตัวเร็วแต่ฟื้นตัวช้า

เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจคราวนี้ ลามไปทั่วโลก ไม่ละเว้นแม้แต่บรรดามหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน หรือญี่ปุ่น ส่วนสาเหตุที่ไทยอาจฟื้นตัวช้า เพราะว่าเศรษฐกิจไทยพึ่งพา ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รายได้ประชาชาติ หรือจีดีพีของไทยมาจากการส่งออก 50% จากการท่องเที่ยว 15% รวมเป็น 65%

...

แต่ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว ต่างหดตัวอย่างรุนแรง สถาบันต่างๆทั้งของต่างประเทศและของไทย จึงประเมินว่าจีดีพีไทยจะหดตัวต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน หรืออาจต่ำสุดในเอเชีย บางสำนักประเมินว่าจีดีพีไทยอาจติดลบถึง 10.3% ผู้เชี่ยวชาญบางคนฟันธงว่ารัฐบาลจะประสบวิกฤติการคลัง ไม่มีเงินพอที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจใหม่จึงต้องเป็นมืออาชีพ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้มากประสบการณ์ ไม่มีนักการเมืองธรรมดาสามัญที่มือไม่ถึง ต้องเป็นทีมเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ใช่โควตาพรรคหรือโควตานายกรัฐมนตรี แต่เป็นโควตาของประเทศ เป็นทีมเศรษฐกิจที่ได้รับความคุ้มครองจากนายกรัฐมนตรี ไม่ให้ถูกการเมืองรังแก.