นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แนะรัฐบาล จี้สภาพัฒน์ คัดงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ อย่ารับใบสั่งการเมือง เรียกร้อง ภาค ปชช. ตั้งองค์กรตรวจสอบรัฐ ใช้งบเงินกู้ 4 แสนล้าน

วันที่ 23 มิ.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ว่า จากข้อมูลที่หน่วยงานต่างๆ มีการเสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 28,000 โครงการ รวมวงเงินงบประมาณ 7.6 แสนล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองจากสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต้องพิจารณาอนุมัติ ให้อยู่ในกรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท ถ้าดูจากข้อมูลโครงการที่ทุกฝ่ายเสนอมายังสภาพัฒน์ พบว่า มีโครงการเกี่ยวกับการก่อสร้างจำนวนเกินกว่า 50% ซึ่งเป็นโครงการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมน้อยมาก ไม่ตรงตามเป้าหมายในการเยียวยา ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ด้านเศรษฐกิจและสังคมเลย

จึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลได้ส่งสัญญาณ หรือกำชับไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองของสภาพัฒน์ ที่มีคณะกรรมการมาจากข้าราชการประจำ เป็นส่วนใหญ่ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกโครงการ ที่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง จะต้องไม่คัดเลือกโครงการตามใบสั่งของฝ่ายการเมือง หรือตามความต้องการของผู้รับเหมาเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายในภายหลัง และจะเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะคณะกรรมการกลั่นกรองชุดนี้ จะเป็นด่านแรกของการอนุมัติโครงการ ส่วนเมื่อผ่านขั้นตอนอนุมัติโครงการไปแล้ว จะอยู่ในขั้นตอนการปฏิบัติงาน ก็จะเป็นหน้าที่การตรวจสอบของคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินตาม พ.ร.ก.เงินกู้ ของสภาฯ ซึ่งไม่สามารถที่จะคาดหวังในเรื่องการตรวจสอบได้มากนัก เพราะประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ เป็นคนของรัฐบาล อาจทำให้สังคมคลางแคลงใจ หรือขาดความเชื่อมั่นได้

...

“ผมจึงเรียกร้องให้ภาคประชาสังคมได้ตั้งองค์กรตรวจสอบอิสระขึ้นมา ตรวจสอบการใช้งบประมาณ 4 แสนล้านบาทนี้อย่างเอาจริงเอาจัง โดยให้มูลนิธองค์กรต่อต้านการคอร์รัปชัน เป็นแม่งานในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอิสระขึ้นมา โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย และขอให้รัฐบาลได้เปิดเว็บไซต์รายงานความคืบหน้า และรายละเอียดของโครงการต่างๆ ทุกโครงการ เช่น ชื่อหน่วยงานผู้ว่าจ้าง ชื่อบริษัทผู้รับเหมา วงเงินงบประมาณ สถานะความคืบหน้าของโครงการ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบอย่างเปิดเผย คู่ขนานกับการตรวจสอบทุกองค์กร เพื่อไม่ให้เม็ดเงินงบประมาณรั่วไหล หรือตกไปอยู่ในกระเป๋าของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างใหญ่หลวงแน่นอน” นายเทพไท กล่าว