“บิ๊กตู่” สั่งสอบ อสมท ปมคลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ ย้ำ คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ ด้าน “เทวัญ” ให้เวลา 15 วัน ชี้ กำลังพิจารณาข้อกฎหมายให้ ผอ.อสมท หยุดปฏิบัติหน้าที่ช่วงสอบสวนได้หรือไม่

วันที่ 17 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่มีข่าว 2600 เมกะเฮิรตซ์ ของ อสมท ที่คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ
กสทช. ขอเวนคืนกลับไปเพื่อไปทำ 5จี เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. สหภาพ อสมท ร้องเรียนโดยทำหนังสือร้องถึงนายกรัฐมนตรีและตน ถึงกรณีที่ กสทช.จะแบ่งเงินจำนวน 3,235 ล้านบาท ให้กับทาง อสมท และบริษัทเพลย์เวิร์ค ซึ่งเป็นผู้เช่าคลื่นดังกล่าว ซึ่งต่อมา กสทช.แจ้งว่า ได้มีหนังสือจาก อสมท โดยนายเขมทัตต์ พลเดช ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ให้แบ่งเงินจำนวนร้อยละ 50 ให้กับบริษัทเพลย์เวิร์ค ซึ่งบอร์ดหลายคนได้ทักท้วงในที่ประชุมว่า นายเขมทัตต์ ไม่มีอำนาจที่จะทำเรื่องไปถึง กสทช. เพื่อให้แบ่งเงินครึ่งหนึ่ง และจากการหารือบอร์ดส่วนใหญ่ก็ได้ทำหนังสือทักท้วงไปถึงประธานบอร์ด โดยเห็นตรงกันว่า กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไม่มีสิทธิ์ ถือเป็นการไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ และ อสมท รวมทั้งส่งผลให้บอร์ดหลายคนลาออกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายเทวัญ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้หารือกับปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ปัจจุบันได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานกลับมาภายใน 15 วันแล้ว นับจากนี้โดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ และมีจดหมายไปถึงประธานบอร์ดให้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด และเรื่องนี้ได้เรียนนายกรัฐมนตรีให้ทราบในเบื้องต้นแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าเรื่องนี้ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

...

“ยืนยันเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีกำชับว่าต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยได้ทำ 3 เรื่องคือ การตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำเรื่องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีถึงเรื่องราวทั้งหมดและได้มีจดหมายไปถึงประธานบอร์ดให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง”นายเทวัญ กล่าว

นายเทวัญ กล่าวว่า จากข้อมูลข้อเท็จจริงและการร้องเรียนต่างๆ เข้ามาก็ยังไม่สามารถที่จะพูดได้ว่ามีความไม่ชอบมาพากล ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ที่สำคัญ มีบอร์ดหลายคนทำหนังสือทักท้วงไปถึงประธานบอร์ดแล้วว่าเรื่องดังกล่าวผู้อำนวยการ อสมท ไม่มีอำนาจที่จะทำจดหมายไปถึง กสทช.ให้แบ่งครึ่งระหว่าง อสมท กับบริษัทเพลย์เวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน เป็นการไม่รักษาผลประโยชน์ของ อสมท ประเทศชาติ ซึ่งบอร์ดหลายคนไม่สบายใจจนกระทั่งมีการลาออก

เมื่อถามว่า ระหว่างการตรวจสอบจำเป็นต้องให้นายเขมทัตต์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ นายเทวัญ กล่าวว่า ในทางกฎหมายยังคงต้องตรวจสอบก่อนว่า เรามีอำนาจได้เนื่องจากผู้อำนวยการ อสมท ทำสัญญาจ้างกับประธานบอร์ด และบอร์ดขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจหรือไม่ และขอยืนยันอีกครั้งว่า การตรวจสอบจะดำเนินการต่อเนื่อง แม้ทั้งบอร์ดและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่จะพ้นตำแหน่งไปแล้วก็ตาม

เมื่อถามว่า เมื่อมีการตั้งกรรมการตรวจสอบเช่นนี้จำเป็นต้องให้ ผอ.อสมท หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายเทวัญ กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อกฎหมายก่อน เพราะ ผอ.อสมท ทำสัญญาจ้างกับประธานบอร์ด และคณะกรรมการบอร์ดอสมท ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจตรวจสอบว่ามีอำนาจให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

นายเทวัญ กล่าวถึงกรณี กสทช.อ้างว่า มีอำนาจที่จะแบ่งเงินเยียวยาให้ อสมท และบริษัทคู่สัญญาได้ในสัดส่วน 50 : 50 ว่า ขอดูรายละเอียดจากคณะกรรมการตรวจสอบก่อน ตนเคยพูดกับฝ่ายกฎหมายหลายท่าน ซึ่งเปรียบว่า เวลาโดนเวนคืนที่ดินต้องจ่ายให้กับเจ้าของกรรมสิทธิ์ และเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ไปพิจารณากับผู้เช่าอีกทีว่าจะต้องแบ่งให้ผู้เช่าเท่าไร

เมื่อถามว่าต้องตรวจสอบบริษัทคู่สัญญา บ.เพลย์เวิร์ค ด้วยหรือไม่ นายเทวัญ กล่าวว่า ต้องดูว่าตรวจสอบได้หรือไม่ เพราะเป็นเอกชนที่เซ็นสัญญากับ อสมท

เมื่อถามว่า เคยคุยโดยตรงกับ ผอ.อสมท ถึงข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายเทวัญ กล่าวว่า ไม่ได้คุย แต่เคยทำหนังสือไปยัง ผอ.อสมท เกี่ยวกับการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมภายใน แต่ไม่ได้รับจดหมายตอบกลับมาสักครั้ง.