แผนดี-คนดี ลมใต้ปีก “บินไทย”

อาการ “ลมป่วง” ในท้องที่การบินไทยสายการบินแห่งชาติ ซึ่งเชิดหน้าชูตาประเทศมายาวนานได้สำแดงให้เห็นแล้วว่า “ไม่รอด” แน่

ขืนถมลงไปอีกก็กลืนหายไปกับทะเลแบบถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม

ที่ผ่านมาการบินไทยนั้นรูปลักษณ์ภายนอกนั้นดูดี นอกจากจะมีผู้โดยสารนานาชาติให้ความนิยมชมชอบก็ด้วย “บริการ” ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุด

คนไทยด้วยกันเองแม้มีเหตุไม่พอใจกันบ้าง แต่ด้วยความรู้สึกที่ว่าสายการบินแห่งนี้เป็นของคนไทยที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ จึงมีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ “ไทยช่วยไทย” ทำนองนั้น

เท่ากับว่าทุกคนมีฐานะเป็น “ผู้ถือหุ้น” โดยปริยาย

การบินไทยได้เข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทมหาชนราคาเบื้องต้นหุ้นละ 60 บาท แต่เมื่อเข้าสู่การซื้อ-ขาย ก็พุ่งเป็นจรวดไปเลย

จะพูดว่า “หุ้นดีมีอนาคต” ก็ว่าได้...

เชื่อหรือไม่ว่านับแต่เข้าตลาดหุ้นมาจนถึงวันนี้คนที่หวังว่าจะเก็บยาวๆ เพื่อความภูมิใจที่ได้สนับสนุนกิจการของไทยอย่างน้อยก็มีโบนัสเป็นของแถม

ปรากฏว่าไม่เคยมีผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำสมราคาแม้แต่น้อย มีไม่กี่ครั้งเท่านั้นและก็เป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ

ใครซื้อเอาไว้เยอะๆ...ก็เลยได้เก็บยาวสมใจไร้อนาคตจริงๆ

อีกด้านผู้บริหาร บอร์ด พนักงาน ผู้รับผิดชอบระดับรัฐต่างก็ได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินการกิจการมาแล้ว

ลองไปไล่ดูเอาเถอะว่าใครเป็นใครกันบ้าง?

นับแต่อยู่ในมือทหารอากาศจนตกมาถึงมือนักการเมืองที่กอบโกยกันไปนักต่อนักแล้ว เปลี่ยนรัฐบาลทีก็ยกชุดกันเข้ามาใหม่ทั้งบอร์ดทั้งผู้บริหารก็พาเหรดเข้ามาเป็นขบวน

...

ดีที่ก่อนหน้านี้การแข่งขันของการสายการบินต่างๆ ยังไม่เข้มข้นดุเดือดเหมือนปัจจุบัน การบินไทยจึงอยู่รอดมาได้ดีบ้างไม่ดีบ้างก็ยังไปได้

ถึงยังไงก็ยังเป็น “ขุมทรัพย์” ที่ใครก็อยากเข้ามาลิ้มรส

“คมนาคม” กระทรวงเกรดเอที่มีหน่วยงานรับผิดชอบงานใหญ่ๆ ระดับประเทศทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ จึงต้องใช้งบประมาณมหาศาล

แต่ “การบินไทย” ก็เป็นรัฐวิสาหกิจหลักที่ต้องจับจองให้ได้

ระยะหลังนี้อยู่ในมือของ “นักการเมือง” เป็นเจ้าเข้าเจ้าของเป็นส่วนใหญ่ยิ่งกว่าผู้ถือหุ้นเสียอีก ด้วยโครงสร้างและการบริหารจัดการที่อีหลักอีเหลื่อไม่มีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

จนที่สุดก็เจ๊งไม่เป็นท่า

บางยุคบางสมัยก็เข้าไปสวาปามแฝงไปด้วยผลประโยชน์ซื้อเครื่องบินลอตใหญ่ๆ ทุจริตคอร์รัปชันเป็นกอบเป็นกำ พนักงานที่ต่อต้านก็ถูกกำราบไม่กล้าหือกล้าฮือ

ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลก็รู้สภาพภายในกันเป็นอย่างดี บางคนอาจจะคิดดีหน่อยพยายามที่จะแก้ไขแต่ก็มิอาจทะลวงเข้าไปถึงไส้ในได้

ไม่สามารถฝ่าวงล้อมกลุ่มผลประโยชน์ที่เกาะเกี่ยวกันอยู่ได้

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บอกว่าให้เวลามา 5 ปีแล้ว จากนี้ไปไม่ยอมแล้วก็คงจะอยู่ในเงื่อนไขจนไม่กล้าเข้าไปแตะไม่อยากเข้าไปยุ่ง

จนต้องมานับหนึ่งกันใหม่ด้วยการอาสาเข้าไปจัดการเองเข้าสู่แผนฟื้นฟูผ่านศาลล้มละลายซึ่งจะต้องมีขั้นตอนอีกหลายอย่างกว่าจะเริ่มเดินหน้าได้

เอาแค่ชื่อทีมฟื้นฟูและผู้บริหารชุดใหม่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าจะรอดหรือไม่รอด?

“สายล่อฟ้า”