"ประวิตร" เร่งแก้ภัยแล้ง รองรับ New Normal พร้อมกำชับบูรณาการ ขับเคลื่อนแผนจัดสรรน้ำ ครอบคลุมทั้งระบบ เน้นน้ำประปาต้องมีคุณภาพ ประชาชน เอกชนมีส่วนร่วม ย้ำกักเก็บน้ำฤดูฝนหวังช่วยหน้าแล้ง ยันรัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เมื่อ 18 พ.ค.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2563 โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง ปี 2562/63 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังมีพื้นที่ประสบภัยแล้งอีกจำนวน 29 จังหวัด 162 อำเภอ โดยมีการประเมินน้ำต้นทุน และคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำใช้การ ณ 1 พ.ย.62 รวมทุกแหล่งน้ำ 29,357 ล้าน ลบ.ม. มีแผนจัดสรรน้ำ 25,741 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 2562/63 ตามมติ ครม. เมื่อ 7 ม.ค.63 ในพื้นที่ 44 จังหวัด จำนวน 2,041 โครงการ ได้รับอนุมัติงบประมาณแล้ว 1,626 โครงการ ดำเนินการแล้ว 715 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 50.21 จากนั้นที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการวางแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกฤดูฝน ปี 2563 และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนดังกล่าวไปวางแผนปรับการใช้น้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมถึงเห็นชอบหลักการ 8 มาตรการในการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับฤดูฝน ปี 2563

พล.อ.ประวิตร ยังกำชับ คณะอนุกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เร่งติดตาม ขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำและเน้นแก้ไขคุณภาพน้ำประปาให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน การแก้ภัยแล้งจะต้องมีเป้าหมายครอบคลุมทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งเพื่อการรักษาระบบนิเวศ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ ปชช.จะได้รับสูงสุด รองรับภาวะ New Normal ควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือ ปชช. และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

...

พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะต้องสร้างความตระหนักรู้ให้แก่พี่น้อง ปชช.และทุกภาคส่วนได้มีความเข้าใจ พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ทั้งการใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่าเพื่อให้การแก้ปัญหาภัยแล้งซึ่งมีแนวโน้มจะทวีเพิ่มมากขึ้น มีความราบรื่น และเกิดความยั่งยืนตลอดไป.