“เพื่อไทย” สวน “รัฐบาล” วิธีคิดผิด นำไปสู่มาตรการแก้เศรษฐกิจที่ผิด แจกเงินหัวละพันของ รมว.คลัง ชี้ โควิด-19 แก้โดย "ต่อสายป่าน หยุดตกงาน" ไม่ใช่แจกเงิน แขวะแสบเหมือนเจ็บขา แต่ทายาแก้คันไปทั้งตัว 

วันที่ 5 มี.ค. ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงการคลังจะเสนอชุดมาตรการช่วยเหลือผลกระทบโควิด-19 โดยจะมีการแจกเงินคนจนทั่วประเทศ หัวละ 1,000-2,000 บาท ตามข่าว ว่า

1. รมว. คลัง ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กสรุปความว่า ท่านแจก หวังให้คนเอาไปใช้จ่าย หวังให้คนผลิตมากขึ้น หวังให้จ้างงานมากขึ้น ผมมองว่า ตรรกะข้อนี้ไม่ถูกต้อง ท่านทราบหรือไม่ว่า การใช้จ่ายของคน แปรผันตรงต่อกระแสรายได้ในระยะยาว ไม่ใช่เงินชั่วคราวในระยะสั้นหรือการแจกเงิน กระแสรายได้ระยะยาว มันคืองาน สำคัญคือประชาชนต้องมีงาน คนมีงานอยู่แล้วต้องป้องกันไม่ให้ตกงาน คนตกงานต้องรีบสร้างงานให้ คนใช้จ่ายเมื่อมีงาน รู้สึกมั่นคงในรายได้ ที่ท่านหวังแจกเงินเพื่อสร้างงาน ผมเกรงว่ามันจะไม่เกิดขึ้น

2. ท่านทราบหรือไม่ว่า ไม่มีผู้ผลิตรายไหน จะเพิ่มการผลิต เพิ่มการจ้างงาน เพื่อรองรับกำลังซื้อชั่วคราวหัวละพันแบบนี้ ความหวังเรื่องการจ้างงานจากเงินแจก มันไม่ตั้งอยู่บนหลักคิดที่ถูกต้อง

3. ท่านทราบหรือไม่ว่า หัวใจของผลกระทบจากโควิด-19 มันอยู่ที่สายป่านของธุรกิจภาคท่องเที่ยวขนาดเล็กมันสั้น 2-3 เดือนเท่านั้น ต้องแก้ด้วยการต่อสายป่าน ให้ธุรกิจเหล่านี้ไม่ล้ม ถ้าล้มมันจะลาม มาตรการชุดนี้ในส่วนที่เป็นการต่อสายป่าน ผมเห็นด้วย แต่ส่วนที่แจกไปทั่ว ผมมองว่าเป็นมาตรการที่ชุ่ย

4. ท่านทราบหรือไม่ว่า ปีที่แล้วทั้งปี ท่านได้ใช้มาตรการแจกเงินอย่างเข้มข้น ถ้าดีจริงควรเห็นผลสะสมตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แต่ผลงานนั้นได้สะท้อนผ่าน GDP ไตรมาสดังกล่าว ซึ่งต่ำสุดในรอบ 21 ไตรมาส ซึ่งโดยปกติแล้วไตรมาส 4 ควรเป็นช่วงที่ดี มีแรงส่งการผลิต การใช้จ่ายปลายปีสูง และการท่องเที่ยวสูง และช่วงนั้นยังไม่มีโควิด-19 ตัวเลขมันฟ้องว่าที่แจกมาทั้งปีมันผิดทาง

...

5. ท่านทราบหรือไม่ว่า ผลกระทบจากโควิด-19 กำลังจะลามไปนอกภาคท่องเที่ยว ซึ่งอันตรายมาก ต้องเอาเงินมาหยุดการลามตรงนี้แบบเฉพาะจุด ต้องหยุดเลือดเฉพาะที่ ไม่ใช่แจกหว่านไปทั่วประเทศอย่างนี้ ทำอย่างนี้เหมือนขาเจ็บแต่รักษาโดยการทายาแก้คันไปทั้งตัว

มาตรการแจกเงินก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งฟังคำชี้แจงอีก ยิ่งทำให้เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลจึงออกมาตรการสารพัดแจกแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ วันนี้เข้าใจแล้วว่ามันผิดมาตั้งแต่วิธีคิด