องค์ประชุมกํ้ากึ่ง ถึงขนาดส.ส.หญิง ยังต้องนั่งปั๊มนม

สภาถกงบฯ 63 อีกรอบยังกระท่อนกระแท่น ฝ่ายค้านตบเท้าไม่ร่วมสังฆกรรม แค่เริ่มมาตรา 1 ก็มีเสียวองค์ประชุมฉิวเฉียด วุ่นวายลงมติมาตรา 6 องค์ประชุมไม่ครบ ปธ.วิป รบ.โทษเครื่องกดบัตรรวน 8 ส.ส.ยันอยู่นับองค์ตลอด ตัดปัญหาต้องมาไล่โหวตกันใหม่ แต่สุดท้ายผ่านวาระสามฉลุย “ศิลัมพา” ส.ส.แม่ลูกอ่อนถึงขั้นปั๊มนมกลางสภา “อนุมัติ” เจ้าเดิมแหกมติฝ่ายค้าน “ชวน” แจงรอข้อมูล ทอท. สอบ “นาที” โดดสภา “บิ๊กตู่” ได้แค่พยักหน้าองค์ประชุมไม่ครบ “ธนาธร” ขู่แจ้งเอาผิดอาญา 157 กกต.

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2-3 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ลงมติใหม่ เนื่องจากมีปัญหา ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ยังคงเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น อันเนื่องมาจากปัญหาเสียงปริ่มน้ำ จนต้องมาไล่ลงคะแนนกันใหม่แต่ก็ผ่านวาระ 3 มาได้

“ชวน” กระตุกต่อมสำนึก ส.ส.

...

เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 13 ก.พ.ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2-3 ว่า ที่ผ่านมา สมาชิกได้อภิปรายครบถ้วนแล้ว เชื่อว่าสมาชิกคงไม่อภิปรายต่อ การพิจารณาน่าจะจบได้เร็วขึ้น แต่จะจบภายในวันนี้หรือไม่นั้นไม่ทราบ หากไม่จบก็ต่อวันที่ 14 ก.พ. เป็นสิทธิ์ของสมาชิก เหมือนเราเริ่มต้นวาระ 2 ใหม่ทั้งหมด แต่เบื้องต้นยังไม่มีสมาชิกแจ้งความจำนงขออภิปราย มีชื่ออยู่ในบัญชีเดิมแล้วว่าใครเป็นผู้สงวนความเห็น ใครเป็นผู้แปรญัตติบ้าง เมื่อถามว่าจะมีปัญหาในเรื่องการเสียบบัตรอีกหรือไม่ นายชวนตอบว่า “ก็มีบทเรียนอย่างแรงมาแล้วครับ”

ขอข้อมูล ทอท. “นาที” โดดสภา

นายชวนกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าผลสอบ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรส่งผลสอบกรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง และนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย มาให้เมื่อวันที่ 12 ก.พ. จึงบอกไปว่าต้องสอบ ส.ส.คนอื่นที่มีข่าวด้วย เพราะข้อมูลนี้อยู่ที่สภา แต่ไม่มีใครอยากเปลืองตัวเรื่องนี้ แม้แต่ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่อยากทำ แต่อย่างน้อยสภาต้องรับผิดชอบ เพราะทั้งวงจรปิด และเรื่องบัตร เจ้าหน้าที่สภาเป็นผู้เก็บรักษา สภาจึงน่าจะเป็นผู้สอบได้ดีที่สุด ทั้งนี้ ในรายงานส่วนของนายฉลองไม่มีปัญหา เพราะยอมรับว่าไม่อยู่ในห้องประชุม ส่วนนางนาทียังไม่ปรากฏในข้อมูล ทางสภาส่งเรื่องไปยังการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยว่า (ทอท.) สอบถามเวลาการขึ้นเครื่อง แล้วเอามาเทียบเวลาในสภาว่าลงคะแนนตอนกี่โมง

“เสรีพิศุทธ์” ไม่สังฆกรรมงบฯ 63

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ยืนยันจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ด้วยเหตุผลเพราะผู้เสนอร่างกฎหมายคือนายกรัฐมนตรี ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน รวมถึงยังมีการเสียบบัตรแทนกันเกิดขึ้นอีก ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยคำร้องของพรรคเสรีรวมไทย เรายิ่งไม่น่าสังฆกรรมร่วมยิ่งขึ้น แต่ในฐานะ ส.ส.ต้องทำหน้าที่เข้าร่วมประชุม แต่จะอภิปรายหรือลงมติไม่ออกเสียง ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่อย่าให้มีการเสียบบัตรแทนกันอีก ขอให้สภาฯเร่งตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย และขอให้คณะกรรมาธิการชุดที่มีหน้าที่ตรวจสอบกรณีการเสียบบัตรแทนกัน เร่งตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้โดยเร็ว

ฝ่ายค้านตั้งกฎ 4 ข้อไม่ร่วมโหวต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิปฝ่ายค้านได้ประชุมร่วมกัน และมีมติ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ให้ลงชื่อเข้าร่วมประชุม 2.ระหว่างประชุมสภาฯ ฝ่ายค้านจะไม่อยู่ร่วมในห้องประชุม ยกเว้น ส.ส.ที่ได้รับมอบหมายให้อภิปรายก่อนเข้าวาระ 3.ให้ ส.ส.เก็บบัตรลงคะแนน ห้ามทิ้งไว้ที่เครื่องลงคะแนน 4.การลงมติเป็นรายมาตรา ส.ส. ฝ่ายค้านจะไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม และไม่ลงมติ

ห้าม ส.ส.รัฐบาลใช้เครื่องฝ่ายค้าน

ต่อมาเวลา 09.30 น. จึงเริ่มประชุมสภาผู้แทน ราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2-3 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ลงมติใหม่ เนื่องจากมีปัญหา ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย หารือก่อนเข้าสู่วาระพิจารณาว่า ฝ่ายค้านร่วมลงชื่อเป็น องค์ประชุมให้สภาฯ เปิดประชุมได้ และเพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลได้พิจารณาอย่างเต็มที่ ฝ่ายค้านจะไม่ขอเข้าร่วมประชุม แต่มีความสงสัยว่าทำไมนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ถึงยังเข้ามาร่วมประชุมสภาได้ ทำให้นายเรืองไกรชี้แจงว่า ได้รับจดหมายจากทางสภาฯ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ให้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อชี้แจงในนามกรรมาธิการฯ ขณะที่นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สอบถามนายชวนว่า หากโซนที่นั่งของ ส.ส. รัฐบาลไม่เพียงพอ จะไปนั่งในโซนฝ่ายค้านเพื่อใช้เครื่องลงคะแนนได้หรือไม่ นายชวนชี้แจงว่า เป็นเรื่องไม่สมควรทำ อาจถูกกล่าวหาได้ว่าเสียบบัตรแทนกัน จะเผื่อเวลาให้ ส.ส.ลงคะแนนในแต่ละมาตราไป

ยังอยู่ในกรอบ รธน.มาตรา 143

เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม ส.ส.ฝ่ายค้านจึงเริ่มทยอยเดินออกจากห้องประชุม โดยทิ้ง ส.ส.ฝ่ายค้านเพียงไม่กี่คนไว้ในห้องประชุมไว้คอยคุมเชิง นายชวนชี้แจงว่า ที่มาของการประชุมครั้งนี้ เป็นผลจากกรณีเสียบบัตรแทนกัน จนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ลงมติร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวใหม่ เฉพาะในวาระ 2-3 สิ่งที่เราต้องทำคือคำวินิจฉัยมีผลผูกพันรัฐสภาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ส่วนเรื่องความชอบหรือไม่ชอบขึ้นอยู่กับความคิดเห็นแต่ละคน และกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะทางสภาเป็นผู้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยืนยันการดำเนินการประชุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ อยู่ในกรอบ 105 วันตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 143 กำหนด

แค่เริ่มก็มีเสียวองค์ประชุมฉิวเฉียด

จากนั้นนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กล่าวนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบฯ และเริ่มพิจารณารายมาตรา จากมาตรา 1 โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.ฯ อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 143 ใช้เวลาพิจารณาเกิน 105 วัน ทำให้ ส.ส.รัฐบาลหลายคน ทั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย รุมประท้วง จนนายชวนต้องกล่าวเตือนว่าอาจทำให้ประชาชนมองว่าเป็นการยื้อร่าง พ.ร.บ.งบฯ ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเช็กองค์ประชุมก่อนโหวตลงมติในมาตรา 1 ปรากฏว่ามี ส.ส.รัฐบาลแสดงตน 250 เสียง ถือว่าเกินองค์ประชุมมาฉิวเฉียด เพียง 1 เสียง จากจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในสภาขณะนี้ 498 คน ต้องมีองค์ประชุมตั้งแต่ 249 เสียงขึ้นไป จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 1 ด้วยคะแนน 245 ต่อ 0 งดออกเสียง 6

วุ่นอีก ม.6 องค์ประชุมไม่ครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการประชุมทำท่าจะเป็นไปด้วยดี เมื่อการพิจารณาตั้งแต่มาตรา 2 ไปจนถึงมาตรา 31 ค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่น แม้จะมี ส.ส.ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนายเรืองไกรประปราย จนนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล หารือว่ามี ส.ส.ต่อคิวเข้าห้องน้ำยาวเหยียด นายชวนจึงสั่งพักประชุม 30 นาที แต่ปรากฏว่าหลังพักไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่สามารถกลับมาเปิดประชุมได้ เพราะวิปรัฐบาลเห็นว่ามีปัญหาในการลงมติมาตรา 6 คือส่วนของงบกลาง วงเงิน 518,770,918,000 บาท ที่องค์ประชุมอาจไม่ครบ เนื่องจากตอนโหวตลงมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 238 ต่อ 0 นั้น มีผู้อยู่ในห้องแค่ 245 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมจนนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ต้องทักท้วง แต่นายชวนยืนยันว่าดำเนินการถูกต้องแล้ว และให้ประชุมต่อไป

วิป รบ.โทษเครื่องกดบัตรรวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกลับมาประชุมอีกครั้งนายวิรัช ประธานวิปรัฐบาล ยังคงทักท้วงว่ามีข้อเคลือบแคลงตอนโหวตมาตรา 6 เนื่องจากตอนเวลา 11.17 น. มีการเช็กองค์ประชุมพบว่ามี ส.ส.อยู่ 253 คนถือว่าครบ แต่พอเวลา 11.18 น. ตอนโหวตลงมติมาตรา 6 ปรากฏมีองค์ประชุมเหลือแค่ 245 คน หายไป 8 เสียง ได้สอบถามกับ 8 คนที่ชื่อหายไปแล้ว ยืนยันว่าอยู่ในห้องประชุมตลอด เป็นไปได้ว่าอาจเกิดข้อผิดพลาด 3 ประการ คือ 1.ปัญหาเครื่องลงคะแนนที่กดบัตรแล้วคะแนนไม่ขึ้น 2.ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนผิดข้าง 3.เสียบบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุมแล้ว แต่ลืมกดปุ่มตอนลงมติ เพื่อให้การดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ จึงขอหารือให้โหวตลงมติกันใหม่ตั้งแต่มาตรา 6 เป็นต้นไป จะได้ไม่มีใครไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอีก คงไม่ทำให้เกิดความล่าช้า

8 ส.ส.ยันอยู่โหวตตลอดเวลา

ขณะที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า การแสดงตนเป็นองค์ประชุมในทุกมาตรามีเสียงเกิน 249 เสียงตลอด แต่ความผิดพลาดในมาตรา 6 อาจมีความผิดพลาด แต่ยืนยันว่าการแสดงตนครบถ้วนมาตลอด ขณะเดียวกัน ส.ส. 8 คน ที่มีชื่อหายไป อาทิ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ต่างยืนยันว่าอยู่ในห้องประชุมและร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมและโหวตลงมติด้วย

ตัดปัญหามาไล่โหวตกันใหม่

นายชวนจึงขอความเห็นจากสมาชิกว่าควรย้อนกลับไปลงมติใหม่ตั้งแต่มาตรา 6 เป็นต้นมาหรือไม่ ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ ช่วงปี 2551 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีองค์ประชุมไม่ครบระหว่างลงมติรายมาตรา จึงไม่ต้องไปหาสาเหตุว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร แต่ต้องไปแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเสนอให้แก้ไข จึงอยากให้เริ่มโหวตใหม่ตั้งแต่มาตรา 1 เพื่อความปลอดภัย หลังมีผู้เสนอความเห็นจำนวนมาก นายชวนจึงเสนอความเห็นให้ไปลงมติโหวตใหม่ทั้งหมดตั้งแต่มาตรา 1 ซึ่งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านก็เห็นด้วย ขณะที่นายเรืองไกรได้ขอถอนการสงวนความเห็นไว้ตั้งแต่มาตรา 1-31 เพื่อให้การประชุมรวดเร็วขึ้น ทำให้ ส.ส.ในห้องประชุมพากันปรบมือแสดงความพอใจ

สุดท้ายผ่านวาระสามฉลุย

จากนั้นที่ประชุมได้เริ่มโหวตลงมติรายมาตราใหม่ตั้งแต่มาตรา 1 บรรยากาศเป็นไปด้วยความราบรื่น และรวดเร็ว ไม่มีสมาชิกคนใดติดใจอภิปราย กระทั่งครบ 55 มาตรา และลงมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ63 ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 257 ต่อ 1 งดออกเสียง 3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นตัวแทนรัฐบาลกล่าวขอบคุณ ส.ส.ว่า แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็ได้รับความเห็นชอบ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้คำมั่นสัญญาจะบริหารงบประมาณภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ด้วยความระมัดระวังตามหลักธรรมาภิบาล เงินทุกบาททุกสตางค์จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนที่เป็นปัญหาสำคัญ จะทำทุกวิถีทางในการใช้งบประมาณด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คุ้มค่า และตรวจสอบได้ ขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. และกรรมาธิการทุกคนที่ร่วมมือกันสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ63 ผ่านสภาไปด้วยดี

ส.ส.เเม่ลูกอ่อนปั๊มนมกลางสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมที่เกิด ความกระท่อนกระแท่นอยู่เป็นระยะ จน ส.ส.ฝั่งรัฐบาลไม่กล้าลุกออกจากห้องประชุม เพราะกลัวจะกลับมาลงคะแนนไม่ทันผู้สื่อข่าวสังเกตเห็น น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลเมืองไทย กำลังนั่งก้มหน้าปั๊มนมตัวเองกรอกใส่ขวดอยู่ในห้องประชุม เนื่องจากไม่สามารถออกไปพักนอกห้องประชุมได้

“อนุมัติ” เจ้าเดิมแหกมติฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบผลโหวต โดย 1 เสียงที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฯ ในวาระ 3 คือนายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ขณะที่นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ลงมติเห็นชอบ ขณะเดียวกันนายนัฑ ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา ทำหนังสือด่วนลงวันที่ 13 ก.พ.2563 นัดประชุมวุฒิสภาพิจารณาเรื่องด่วนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวันที่ 14 ก.พ.

“บิ๊กตู่” พยักหน้าองค์ประชุมไม่ครบ

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่เกิดปัญหาระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติร่าง พ.ร.บ.งบฯ63 ในมาตรา 6 ที่มีปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ โดยนายกฯเพียงแต่พยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามเช่นเดียวกัน

ป้องศาล รธน.ไม่ได้แทรกแซง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าก้าวก่ายแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯ63 เป็นเหมือนร่างกฎหมายทั่วไป ศาลรัฐธรรมนูญแค่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติกลับมาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นขั้นตอนที่กำหนดหลักการตรวจสอบถ่วงดุลไว้ในรัฐธรรมนูญทุกประการ เรียกว่าการตรวจสอบกฎหมายก่อนการบังคับใช้ ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ตามกฎหมาย ดังนั้นไม่ใช่การแทรกแซงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าไม่มีเรื่องกดบัตรแทนกันเรื่องนี้ก็ไม่เกิด ถ้าไม่มี ส.ส.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลจะวินิจฉัยได้อย่างไร คำร้องนี้ยื่นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล พอไม่ได้ดั่งใจฝ่ายค้านก็มากล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญก้าวก่ายแทรกแซง บิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งสิ้น อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯฉบับนี้ตกไป แนวคิดของฝ่ายค้านจะเปลี่ยนไปหรือไม่

“เฉลิมชัย” สั่งเดินหน้าเต็มสูบ

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 ผ่านการพิจารณาของสภาฯแล้ว ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯเตรียมพร้อมในการบริหารงบประมาณด้วยความรวดเร็วโปร่งใส เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนทันทีที่ พ.ร.บ.งบฯ 63 ประกาศใช้เป็นกฎหมาย กระทรวงเกษตรฯพร้อมขับเคลื่อน 8 นโยบายหลักของปี 2563 สำหรับ 8 นโยบายที่จะขับเคลื่อนนั้น ประกอบด้วย 1.นโยบายบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ 2.นโยบายส่งเสริมเกษตรปลอดภัย (เกษตรอินทรีย์) 3.นโยบายการตลาดนำการผลิต 4.นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต 5.นโยบายบริหารจัดการการประมงอย่างยั่งยืน 6.นโยบายเทคโนโลยีเกษตรจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีการเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center:AIC) 77 จังหวัด และจัดทำศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agriculture Big Data Center : NABC)

ลุยปฏิรูปภาคเกษตรทุกมิติ

นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า 7.นโยบายจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้งระดับชาติ (กส.กช.) จำนวน 7 ศูนย์ เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และ 8.นโยบายบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ โดยสนับสนุนส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราเพิ่มมากขึ้น โดยจะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับกระทรวงต่างๆในการนำยางพาราไปใช้ในภารกิจต่างๆ ได้ “กระทรวงเกษตรฯจะปฏิรูปภาคเกษตรของไทยในทุกมิติ ซึ่งได้สั่งการเร่งรัดทุกหน่วยงานในสังกัดให้พร้อมทำงานทันที โดยเฉพาะการบริหารงบประมาณตามแนวทางที่สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังกำหนด”

“ธนาธร” ขู่แจ้งอาญา 157 กกต.

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่คดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ในวันที่ 21 ก.พ.ว่า พรรคจะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์อะไรหรือไม่ต้องหารือทีมยุทธศาสตร์ก่อน อย่างหนึ่งที่สบายใจเมื่อเทียบกับคดีอิลลูมินาติ กรณี เงินกู้ช่องว่างน้อยมาก คุณบอกว่าเงินกู้เป็นรายได้และตีความว่าเราผิดตามมาตรา 66 มันไม่ใช่ มีมาตรฐานการบัญชีรองรับอยู่จะดิ้นตรงนี้ไม่ได้ หรือจะบอกว่าตนครอบงำพรรค ในเมื่อไม่เคยศึกษาเลยว่าพรรคทำงานอย่างไร อยู่ๆมากล่าวหา อยากรู้ว่าจะเขียนอย่างไรว่าตนครอบงำพรรค สุดท้ายจะพิสูจน์อย่างไรว่าเงินนั้นมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีที่มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยังเชื่อว่าไม่ผิดแต่ประมาทไม่ได้ พรรคคงมีกิจกรรมกับ กกต.แน่ๆในเรื่องฟ้อง กกต.เป็นรายบุคคลก่อนศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยเข้าข่าย ป.อาญามาตรา 157 กล่าวหาโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหา มีกระบวนการยุติธรรมที่ไหนทำอย่างนี้กันบ้าง

“ช่อ” กังขาศาล รธน.ไม่เปิดไต่สวน

ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า เป็นความพยายามของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้เห็นว่ามีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ด้วยการขยายเวลาให้พรรคมีโอกาสจัดทำบันทึกถ้อยคำของพยาน 17 ปากไปถึงวันที่ 17 ก.พ. ส่วนตัวมีข้อน่าสงสัยว่าการไม่เปิดการไต่สวนสาธารณะแต่กลับให้ส่งถ้อยคำของพยาน 17 ปาก จะเป็นธรรมหรือไม่ ที่ผ่านมาเกิดข้อวิจารณ์ถึงกระบวนการพิจารณาคดีของ กกต.มาตลอด เช่น มีเอกสารหลุด เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับความถูกต้องในการพิจารณา ทั้งพยาน 17 ปากส่วนใหญ่เป็นอดีต กกต. และเจ้าหน้าที่ กกต. อันเป็นพยานที่พรรคไม่สามารถนำมาแสดงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ในทางกลับกันต่อให้พรรคทำบันทึกถ้อยคำพยานทั้ง 17 ปาก ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณาถ้อยคำพยานทั้งหมดอย่างถ่องแท้ได้ทัน 21 ก.พ.หรือไม่ เนื่องจากไม่ได้เลื่อนการอ่านคำวินิจฉัยออกไป

นัดรวมพลปักหลักลุ้นที่พรรค

น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ทำไมศาลรัฐธรรมนูญยังยืนยันจะตัดสินคดี 21 ก.พ.และไม่เปิดการไต่สวนสาธารณะ เรื่องนี้ซ้ำรอยเดิมมาตั้งแต่ กกต.ที่มีความผิดปกติและรีบร้อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้ขอให้ประชาชนจับตาดูว่า ความยุติธรรมจะเกิดได้หรือไม่ พรรคยืนยันว่าวันที่ 21 ก.พ.จะไม่เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะฟังคำวินิจฉัยที่พรรคอนาคตใหม่ เวลา 15.00 น.ขอเชิญชวนผู้รักความเป็นธรรมไปร่วมฟัง เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคจะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ เพื่อให้ลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน น.ส.พรรณิการ์ ตอบว่า จะไม่มีการลาออกเพราะพรรคมีความสุจริตใจทุกอย่างทำด้วยความถูกต้อง พร้อมรับผลที่จะตามมาถ้าจะทำให้พรรคถูกบยุบก็เป็นไปตามนั้น

แกนนำ “วิ่งไล่ลุง ชร.” มอบตัว

ที่ สภ.เมืองเชียงราย นายเอกรัฐ มัชฌิมา อายุ 20 ปี นายนิรุตติ์ แก้วกันทา อายุ 19 ปี นายกฤตตฤณ สุขสมบูรณ์ อายุ 30 ปี นายภัทรกฤต ดวงสนิท อายุ 32 ปี และ น.ส.นรินนิราน์ แสงขาม อายุ 29 ปี 5 แกนนำจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุงเชียงราย” เข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.ศรีเดช สุวรรณ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย ตามหมายเรียกข้อหาร่วมกันประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ ไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยหมายเรียกให้ไปพบพนักงานสอบสวนวันที่ 31 ม.ค.แต่ผู้ต้องหาขอเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน สำหรับกิจกรรมวิ่งไล่ลุงเชียงรายเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ผู้จัดได้ยื่นเรื่องขอจัดที่ลานพระบรมรูป ร.5 (ศาลากลางหลังเก่า) แต่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงรายไม่อนุญาต จึงย้ายไปจัดที่สวนสาธารณะพัทยาน้อยโดยไม่ได้ขออนุญาตใหม่