ตร.สน.ปทุมวัน นำธนาธรกับพวก รวม 4 คน ส่งฟ้องศาลแขวงปทุมวัน คดีแฟลชม็อบ "พ่อของฟ้า" ลั่น ไม่กลัว ปลุก เป็นเวลาลุกขึ้นสู้ เตรียมหลักทรัพย์คนละ 4 แสน ขอประกันตัว หากถูกฟ้องจริง   

จากกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 จ.นครปฐม นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย หรือบอล "วิ่งไล่ลุง" นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ "เพนกวิ้น" นักกิจกรรม น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จัดชุมนุมระยะสั้น หรือแฟลชม็อบ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ซึ่งต่อมาตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้แจ้งความการกระทำความผิดของนายธนาธรกับพวก เกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะ 5 ข้อหา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ สน.ปทุมวัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ได้เดินทางมาตามนัดของ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน เพื่อนำตัวพร้อมกับสำนวนให้อัยการศาลแขวงปทุมวัน พิจารณาความเห็นสมควรฟ้องหรือไม่ ซึ่งบรรยากาศทั่วไปเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นอย่างแน่นหนา แต่ไม่มีประชาชนมาเฝ้าสังเกตการณ์ นายธนาธรได้ใช้เวลาเพียง 10 นาที ในการรับทราบข้อกล่าวหาพนักงานสอบสวนก่อนขึ้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังศาลแขวงปทุมวันทันที

...

นายธนาธร กล่าวว่า เรื่องนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่า สิทธิเสรีภาพ การชุมนุม การแสดงออก เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาธิปไตย ที่ได้รับการรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ ดังนั้นยืนยันความบริสุทธิ์ของพวกเราว่า ไม่มีความกังวลใดๆ คดีความที่เกิดขึ้น เป็นวิธีการของฝ่ายเผด็จการที่ต้องใช้คดีความมาข่มขู่ประชาชนให้เกิดความกลัว เรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า ไม่ใช่เวลาที่จะกลัว แต่เป็นเวลาที่จะต้องกล้าหาญ ต่อสู่กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ถ้าพวกเราไม่ร่วมมือกันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงประเทศได้

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส และนายวรวิทย์ นิติบริรักษ์ ทนายความพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนพร้อมคณะทำงาน บก.น.6 ได้แจ้ง 5 ข้อหาแก่นายธนาธรกับพวกอีก 4 คน และวันนี้นัดให้ไปพบพนักงานอัยการศาลแขวงปทุมวัน เพื่อพิจารณาว่า ฟ้องหรือไม่ฟ้อง หากศาลพิจารณาสั่งฟ้อง ทีมทนายความเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวนายธนาธร และนายไพรัฏฐโชติก์ รวมจำนวน 4 แสนบาท ส่วนนักกิจกรรมคนอื่นนั้นจะมีทนายศูนย์สิทธิฯ เตรียมค่าประกันไ้ว้ให้ต่อไป

5 ข้อหา มีดังนี้ 1.ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง 2.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานีรถไฟ 3.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ 4.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ 5.ทำการชุมนุมสาธารณะในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากพระราชวัง.