แสนยานุภาพแห่งความจงรักภักดี

ตามฉากพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร-ตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ที่ศูนย์การทหารม้าค่ายอดิศร สระบุรี

4 เหล่าทัพโชว์ศักยภาพทางด้านความมั่นคงพร้อมปกป้องราชอาณาจักรไทย

ในวันเดียวกันเลย ตัดฉากไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กองทัพสีส้ม ค่ายอนาคตใหม่ ได้จัดงาน “Future is now-อย่ากลัวอนาคต”

พร้อมจัดเวทีทอล์ก “ถามแรงตอบตรง” ที่มีนายสุทธิชัย หยุ่น เป็นพิธีกร สัมภาษณ์ “ไพร่ห้าพันล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ “ป๊อก เดอ ฟร็องส์” นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ป้อนคำถามแหลมๆคมๆ

ก่อนถึงดีเดย์ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีล้มล้างการปกครองฯ วันที่ 21 มกราคมนี้

ต่อเนื่องกับคดีร้อนที่นายธนาธรปล่อยกู้ 191 ล้านบาทให้พรรคตัวเองใช้ในการเลือกตั้งใหญ่

ล้อกับอารมณ์ของแม่ทัพนายกองค่ายสีส้มประสานเสียงตั้งป้อมสู้

สถานการณ์อย่างที่นายปิยบุตรจุดกระแสเชิงขู่เป็นนัย หากยุบพรรคอนาคตใหม่จะเกิดผลร้ายต่อสังคม 3 ด้าน ทำลายความหวังคนไทย เกิดการแบ่งแยกคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่

ที่สำคัญคือผลักคนส่วนใหญ่ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามสถาบัน

แต่อีกด้านก็เป็นอาการฝ่อ แบบที่นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊ก สะท้อนอารมณ์วิตกจริตห้วง “2 วันอันตราย” 20/1/2020/2563 “ธนาธร” กับพรรคอนาคตใหม่ จะรอดหรือไม่

...

ที่แน่ๆทีม “ธนาธร” แบไต๋ มีพรรคสำรองเตรียมไว้เกือบ 10 พรรค

ตามรูปการณ์ที่เซียนการเมืองและเซียนพนัน “แทงเต็ง” คิว “หักดิบ” ค่ายสีส้มมาเร็วเคลมเร็วแน่

เผลอๆจะโดนตั้งแต่ปม “อิลลูมินาติ” เลย

ตามแนวโน้ม เกมนอกสภา ฝ่ายความมั่นคงน่าจะเกาะติดฟอร์มร้อนแรงของ “ธนาธร-ปิยบุตร” กับทีมสีส้มมาอย่างต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องอย่างมากก็ชนกับม็อบทวิตเตอร์ ม็อบเฟซบุ๊ก มวลชนโซเชียลฯ ม็อบสมาร์ทโฟน ไม่ทนแดดทนฝน

“วิ่ง ไล่ ลุง-แฟลชม็อบ” ยากจะล้มรัฐบาล

ขณะที่สถานการณ์อีกด้านที่ร้อนแรงตีคู่กันมาก็คือเกมในสภา กับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ล็อกเป้าใหญ่ วางคิวถล่ม “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

จัดหนักแบบเน้นๆผู้นำรัฐบาล

พ่วงด้วยโควตาพิเศษของนายกฯ ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯมือเศรษฐกิจ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯมือกฎหมาย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ยังกั๊กๆ ชื่อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

โดยไม่แตะต้องพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งรัฐมนตรีของประชาธิปัตย์และยี่ห้อภูมิใจไทย

ไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ เกมนี้มุ่งเจาะยางเฉพาะ “ลุงตู่”

อีกทั้งล่าสุดที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการสอบสวน พล.อ.ประยุทธ์ 3 เรื่อง ได้แก่ แถลงนโยบายไม่ชี้แจงแหล่งที่มารายได้ ถวายสัตย์ฯไม่ครบ และสรรหา ส.ว.โดยมิชอบ

เขี่ยลูกเข้าเหลี่ยม ป.ป.ช. วัดใจ “พี่ใหญ่” ที่กุม ป.ป.ช.ไว้เกือบครึ่ง

ย้ำปม “หลังกอไผ่” วงจิบไวน์ “ขาใหญ่” พลังประชารัฐ กับ “ตัวจี๊ด” ทีมดูไบ เหมือนมีดีลซับซ้อนซ่อนกล

แต่ในจังหวะสถานการณ์ที่ “เสริมภูมิคุ้มกัน” ด้วยผลงาน “โบแดง”มาทันเวลา

ล่าสุดคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ได้ดำเนินการเปิดเอกสารข้อเสนอซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา

ปรากฏกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ที่ประกอบไปด้วยบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ของ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด ตัวเลข 3.05 แสนล้านบาท เป็นกลุ่มที่ได้รับงานไป

ชนะกลุ่ม “ธนโฮลดิ้ง” ของกลุ่มซีพีแบบขาดลอย

ใครได้ใครเสียเรื่องของเอกชน แต่โดยผลที่ออกมาถือว่า รัฐบาลได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนเท่านั้น แต่มันคือการ “มัดจำ” ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน โดยเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 เมือง การบินอู่ตะเภา ฯลฯ

เมกะโปรเจกต์องค์ประกอบปักหมุดประมูล รอลงเสาเข็มก่อสร้างได้ตามกำหนดเวลา

“เรือธง” อีอีซีติดเครื่องทุกตัว เดินหน้าเต็มกำลังเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

เป็นโบแดงเศรษฐกิจที่ “บิ๊กตู่-สมคิด” สวนพวกด่าลอยๆได้เต็มปากเต็มคำ.

ทีมข่าวการเมือง