เป็นมวยก็ต้องบอกว่าออกอาการ
แค่พรรคฝ่ายค้านเชิดฉิ่งโหมโรง บิลต์อารมณ์กองเชียร์ เรียกเรตติ้งศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทำเอาฟากรัฐบาลดาหน้ากันออกมาตีกัน ไล่ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขวางลำไม่ให้ขุดคุ้ยอภิปรายพาดพิงไปถึงการบริหารงานในยุครัฐบาล คสช.
ยกข้ออ้างกันน้ำขุ่นๆ รัฐบาลนี้เพิ่งจะเข้ามาบริหารงานเพียง 5 เดือน
ตั้งท่าจะมัดมือชกฝ่ายค้าน จำกัดการอภิปรายภายใต้เงื่อนเวลาไว้ใน 5 เดือนนี้ โดยเฉพาะมีการจัดเตรียมวางทีม ส.ส.ให้คอยลุกขึ้นประท้วงตีรวน หากอภิปรายพาดพิงย้อนหลังไป
ทั้งๆที่ พล.อ.ประยุทธ์ และคนในฝั่งรัฐบาล ยืนยันมาตลอดว่าการทำงานที่ผ่านมาโปร่งใส ไร้ทุจริต พร้อมจะให้ตรวจสอบแต่ทำไปทำมาทำท่าจะกลืนน้ำลายตัวเองซะอย่างนั้น
ก็ถ้าฝ่ายรัฐบาลมั่นใจว่าไม่เคยทุจริตคอร์รัปชันจริง ก็ควรให้ฝ่ายค้านอภิปรายไป เพราะท่านสามารถชี้แจงตอบโต้ได้ หรือถ้ามีการไปพาดพิงถึงบุคคลที่สามด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็มีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้
แต่พอจะเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมา ท่าน นายกฯประยุทธ์ คงคุ้นชินกับการบริหารด้วยอำนาจพิเศษที่ไร้การตรวจสอบ
ฝ่ายนิติบัญญัติก็มีเพียงสภาเดียวคือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะสั่งซ้ายหันขวาหันก็ได้อย่างใจ
ส่วนใหญ่กลายเป็นเวทียอวาทีรัฐบาลไปซะฉิบ...
อย่าลืมว่าวันนี้ท่านสมัครใจ และตั้งใจก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองเอง กฎ-กติกาพวกท่านก็เป็นคนกำหนด
ออกอาการแบบนี้มัน “เสียทรงมวย”
อาจเพราะวันนี้รัฐบาลต้องพะวงรับศึกหลายด้าน ด้านหนึ่งก็ศึกในสภาที่ต้องรับมือฝ่ายค้าน แม้พอจะเบาตัวไปได้เรื่องเสียงปริ่มน้ำ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะคนในกันเองที่ไม่รู้ว่าจะหันหอกกลับมาทิ่มแทงเอาตอนไหน
...
อีกด้านก็ศึกนอก ที่ถือว่าจะเป็นศึกชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้เลย กับภาวะปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจฐานรากฝืดเคือง ที่เริ่มมีเสียงบ่นดังกระหึ่มมากขึ้นทุกที ประกอบกับปัจจัยภายนอกอย่าง เงินบาทแข็งค่า, สงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน
ล่าสุดวิกฤติโลกระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งสังหารนายพลกอเซม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ “คุดส์” ผู้นำกองทัพ ใหญ่ระดับเบอร์สองของอิหร่าน ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร
แน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่อการเมือง–เศรษฐกิจโลกแน่
ขณะที่กระแสความนิยมในตัวรัฐบาลเองก็มีแต่สาละวันเตี้ยลง ขนาด ซูเปอร์โพล สำนักวิจัยที่เป็นกองเชียร์ของรัฐบาลมาตลอด ยังออกมาเปิดผลการสำรวจ “ลางร้ายรัฐบาล” พบว่าเสียงของประชาชนในสังคมดั้งเดิมที่เคยสนับสนุนรัฐบาลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มพลังเงียบหันไปแฝงตัวอยู่ในกลุ่มที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมากขึ้น
หรือโพลจากสำนักอื่นอย่าง สวนดุสิตโพล กรุงเทพโพลล์ หรือแม้แต่ นิด้าโพล ล่าสุดยังระบุว่าคนให้ความสนใจกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ของฝ่ายต้าน มากกว่ากิจกรรม “วิ่ง–เดินเชียร์ลุง” ของฝ่ายหนุน
เราเลยได้เห็นอาการกระสับกระส่ายของพวกลุงๆ.
เพลิงสุริยะ