“เทพไท” ร้องแทนชาวสวนยางราคาตกต่ำเดือดร้อนหนัก พร้อมเสนอทางแก้ดักคอ “บิ๊กตู่” ชงตั้งงบ 1 แสนล้าน/ปี รับซื้อนำ้ยางไปทำถนน แขวะ ดีกว่าทำหมอนยางพาราแจก

วันที่ 4 ม.ค. 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เรื่องปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ ว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้รับการบอกกล่าวและร้องทุกข์จากพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราเป็นจำนวนมาก ถึงสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เลี้ยงครอบครัวจากการขายยางพาราเพียงอย่างเดียว เมื่อราคาตกก็กระทบต่อรายได้ของครอบครัวที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การส่งเสียบุตรหลานเรียนหนังสือ ค่าผ่อนรถยนต์ และดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ล้วนแล้วแต่มีความจำเป็นทั้งสิ้น ซึ่งในขณะนี้ราคายางพาราในท้องตลาดราคากิโลกรัมละ 30-35 บาท และมีแนวโน้มจะตกต่ำลงเรื่อยๆ

ทั้งนี้ แม้ว่านโยบายของรัฐบาลในการประกันรายได้เกษตรกรได้ประกาศใช้แล้วก็ตามแต่ก็เป็นเพียงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเฉพาะหน้า ไม่ทั่วถึงกับเกษตรกรทุกคนเหมือนราคาทั่วไปในท้องตลาด ทำให้ชาวสวนยางพาราทุกคนหวนระลึกถึงยุครัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2553 ที่ราคายางพาราสูงถึงกิโลกรัมละ 180-200 บาท ซึ่งโอกาสอย่างนั้นคงไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แต่ชาวสวนยางก็คาดหวังเพียงให้ราคายางพารากิโลกรัมละ 60 บาท เท่ากับราคาประกันรายได้เกษตรกรในตอนนี้ เพื่อรัฐบาลจะได้ไม่ต้องแบกภาระส่วนต่างจากราคาประกันรายได้ของเกษตรกร ซึ่งเป็นภาระด้านงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลจำนวนมาก สำหรับนโยบายประกันรายได้เกษตรกรในจำนวนพืชหลัก 5 ชนิด คือ ข้าว, ข้าวโพด, มันสำปะหลัง, ยางพารา และปาล์มนำ้มัน รัฐบาลได้แก้ปัญหารายได้ให้กับเกษตรกรทุกอาชีพได้ระดับหนึ่ง ยกเว้นเกษตรกรชาวสวนยางพาราเท่านั้น ส่วนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม รัฐบาลประกันรายได้ราคาปาล์มนำ้มัน 18% ราคากิโลกรัมละ 4 บาท แต่ขณะนี้ราคาปาล์มนำ้มันขยับสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 6.50 บาท สูงกว่าราคาประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาลแล้ว ทำให้รัฐบาลไม่ต้องชดเชยส่วนต่างใดๆ ทั้งสิ้น

...

นายเทพไท กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับราคายางพาราที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ในขณะนี้ นับว่าเป็นความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ในฐานะที่เป็น ส.ส.คนหนึ่ง ที่มีพื้นที่เลือกตั้งประกอบด้วยเกษตรชาวสวนยางพาราเป็นส่วนใหญ่ จะนำปัญหานี้เข้าหารือในที่ประชุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 7 ม.ค.ก่อน เพื่อสอบถามปัญหาและแนวทางแก้ไขจากรัฐมนตรีของพรรค ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เบื้องต้น ก่อนที่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราจะนัดชุมนุมเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราใจเย็นอีกนิด รอฟังแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาลก่อน และตนในฐานะ ส.ส.คนหนึ่งจะไม่นิ่งดูดาย จะทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตำหนิผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าไม่ได้เสนอแนวทางแก้ไขด้วยนั้น วันนี้เมื่อตนเองได้พูดถึงปัญหาราคายางพาราตกต่ำแล้ว จะขอเสนอแนวทางแก้ไขให้รัฐบาลด้วย คือ ขอเสนอให้รัฐบาลจัดงบประมาณปีละ 1 แสนล้าน รับซื้อนำ้ยางพารา เพื่อนำไปทำถนนลาดยางในชนบท แก้ปัญหาถนนลูกรังทั่วประเทศ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 8-9 แสนกิโลเมตร เป็นการลงทุนปรับโครงสร้างพื้นฐานของคนในชนบทครั้งใหญ่ คุ้มค่าแก้การลงทุน จะได้รับประโยชน์หลายในด้าน อาทิ 1.เป็นการล้างสต็อกยางทั้งหมด ทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น 2.คนในชนบทจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีถนนปลอดฝุ่นใช้สัญจรไปมาในหมู่บ้าน 3.การขนส่งผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้คล่องตัว สะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หาก พล.อ.ประยุทธ์ รับข้อเสนอดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าสามารถแก้ไขปัญหาราคายางพาราได้มากกว่าโครงการทำหมอนยางพาราประชารัฐ 30 ล้านใบ แจกให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นเพียงนโยบายประชานิยมแบบเดิมๆ เท่านั้น.