6เมืองใน4ปท. พท.จ้องขย้ำตู่ เอื้อทุนน้ำเมา อัดวิษณุ-ดอน ช่วยบุหรี่นอก

“อนุทิน” ร่วมด้วยช่วยตีกันซักฟอกย้อนยุครัฐบาล คสช. การันตีไม่ต้องห่วงสปิริตพรรค ร่วมฯ จี้จำกัดเสนอข่าวฆ่าตัวตายเซ่นพิษเศรษฐกิจ หวั่นเกิดอุปาทานหมู่ “บิ๊กตู่” หารือ “สมคิด-อุตตม” เร่งช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัพ โฆษก พปชร.ขู่ระวังหอกพุ่งกลับไปหาฝ่ายค้าน พท.กาหัวลาก 5 รมต.ขึ้นเขียงซักฟอก รอหารือเพื่อนพรรคร่วมฯเพิ่มเป้าหมาย เล็งถล่ม “ประยุทธ์” กล่าวหาเอื้อกลุ่มทุนน้ำเมา ต่างตอบแทนเจ้าสัว ขายที่ดินแลกต่อสัญญาศูนย์ประชุมฯ “วิษณุ-ดอน” เจอข้อหาพลิกตำราช่วย “ฟิลลิปมอร์ริส” เสียค่าปรับเบาหวิว “เฉลิม” โวลั่นพร้อมเต็มร้อย เย้ย รบ.ปากกล้าขาสั่น “ภูมิธรรม” ยันซัดเน้นๆไม่มีพูดเลอะเทอะ “ธนวัฒน์” ปลื้ม “วิ่งไล่ลุง” พรึ่บ 18 จว.คู่ขนาน 6 เมืองใหญ่ในเยอรมนี-อังกฤษ-ฟินแลนด์-นิวซีแลนด์

แกนนำรัฐบาลยังคงตอกย้ำดักทางพรรคร่วมฝ่ายค้านให้จำกัดขอบเขตการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เฉพาะเกี่ยวกับการบริหารงานในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ห้ามนำข้อมูลเรื่องเก่าในรัฐบาลก่อนหน้ามาอภิปรายด้วย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เก็บตัวติดตามงาน กำชับการดำเนินการช่วยเหลือประชาชน

“บิ๊กตู่” เก็บตัวหารือ “สมคิด–อุตตม”

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง มาเข้าพบหารือที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จากนั้นนายสมคิดเปิดเผยว่า เข้าพบหารือนายกฯเรื่องผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี)

...

ติดตามช่วยเหลือ ปชช.ให้ตรงจุด

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายอุตตมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงการคลังในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ตอัพและกลุ่มเป้าหมายตามที่รัฐบาล กำหนดไว้ในนโยบาย นายกฯกำชับว่าการช่วยเหลือต่างๆ ต้องให้เป็นไปตามความต้องการของแต่ละกลุ่มเพื่อประโยชน์สูงสุด

กระชับความสัมพันธ์ไทย–ติมอร์

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับนายโจอาคิม อามารัล เอกอัครราชทูตติมอร์เลสเต ประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะเพื่ออำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยินดีต่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทยกับติมอร์ฯที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับราชวงศ์และรัฐบาล โดยเฉพาะการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางวิชาการ ขณะที่นายโจอาคิม กล่าวยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันแน่นแฟ้นดั่งมิตรแท้ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการดำเนินงานของสถานเอกอัครราชทูตติมอร์ฯมาโดยตลอด รวมถึงสนับสนุนการก่อตั้งสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ติมอร์ฯ ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันและประสงค์ ขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับไทยให้มากขึ้นขอเชิญชวนภาคเอกชนไทยให้เข้าไปลงทุนในติมอร์ฯด้วย พร้อมกันนี้ ติมอร์ฯยังขอรับการสนับสนุนจากไทยในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งนายกฯระบุว่าการรับสมาชิกใหม่ต้องได้รับฉันทามติจากทุกประเทศสมาชิกอาเซียน โดยไทยสนับสนุนติมอร์ฯ ในการสมัครเป็นสมาชิกอาเซียน และยินดีดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเตรียมความพร้อม

“ลุงตู่” สอนเด็กอย่าติอย่างเดียว

เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ Government Weekly EP.21 ช่วง PM Talk ทางเพจไทยคู่ฟ้าพร้อมคลิปวิดีโอภารกิจที่ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงเรียนบ้านภูดิน (มิตรผลอุปถัมภ์) อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ โรงเรียนร่วมพัฒนาต้นแบบศูนย์กลางบ่มเพาะการเรียนรู้ศตวรรษใหม่ด้วยตนเองของชุมชนเมื่อสัปดาห์ก่อน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า นอกจากสอนด้านวิชาการแล้วสิ่งสำคัญคือการสอนให้เป็นคนดี เป็นเด็กดีเคารพผู้ใหญ่ กตัญญู มารยาทในสังคม ใช้คำพูดคำจาและเชื่อฟังผู้ใหญ่ สิ่งใดถูกอย่าไปโต้เถียง อย่าไปคึกคะนอง หากจะติจะติงกันอย่างเดียวแต่ไม่ช่วยกันก็ไปไม่ได้ทุกเรื่อง ต้องคิดเป็นอ่านอย่างเดียวไม่ได้ต้องวิเคราะห์สิ่งที่เขียนว่า มีความมุ่งหมายหรือแปลว่าอะไร ก้าวให้ทันเทคโนโลยี วันเด็กที่จะถึงได้ให้คำขวัญไว้ว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” ขอทุกคนอย่าลืมหน้าที่ที่ทำเพื่อตนเอง เพื่อคนอื่นและเพื่อครอบครัวนั่นคือหน้าที่เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน และการรู้รักสามัคคีและความดีสำคัญที่สุด

“อนุทิน” ชี้ไม่ต้องห่วงสปิริตพรรคร่วมฯ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจะนัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหารือรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่าทุกท่านที่ถูกอภิปรายจะมีเหตุผลชี้แจงได้ สปิริตของการร่วมกันเป็นหมู่คณะต้องมีอยู่แล้ว ในขอบข่ายที่ทุกอย่างต้องไม่ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง ต้องกระทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน มีหลักของการยอมรับได้ ยอมรับไม่ได้ก็มี ไม่ต้องห่วงคน ส.ส.ทุกคนมีวิจารณญาณรับฟังและต้องตัดสินใจ เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นกุนซือดูแล้วน่ากลัวหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าทำด้วยเจตนาสุจริตไม่ต้องกลัว แต่ถ้ามีเจตนาไม่สุจริตก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา อยากให้ทุกฝ่ายรักษาบรรยากาศ ปีใหม่แล้วบ้านเมืองต้องก้าวหน้าต่อไป

ตีกันซักฟอกรัฐบาลนี้ไม่ใช่อดีต-อนาคต

นายอนุทินกล่าวอีกว่า การจะอภิปรายหรือกล่าวหา ขอให้มีขอบเขตหมายถึงอภิปรายรัฐบาลนี้ ควรพูดถึงเรื่องที่ทำในรัฐบาลนี้ ไม่ใช่พูดถึงอนาคตหรืออดีตหรือไปคุ้ยอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดปัจจุบันจะได้จำกัดวงได้ และชี้แจงประชาชนได้ชัดเจน แต่ถ้ามารอบด้าน อาจไม่เข้าข่ายและจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงระแวงสงสัย แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ตรงนี้ต้องดู ถ้ารัฐบาลทำตรงไหนไม่ดีไม่งาม มีวาระซ่อนเร้นอะไรต่างๆ ต้องขุดมาเต็มที่เลย คนที่รับผิดชอบต้องชี้แจงให้ได้ เมื่อถามว่า ถ้าถึงขั้นนั้นพรรคภูมิใจไทยจะปกป้องหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าผิดจริงปกป้องไม่ได้ สปิริตของการอยู่ร่วมกันใครถูกกลั่นแกล้ง เอาข้อความอันเป็นเท็จมาใส่ร้ายป้ายสี เราต้องช่วยกันปกป้อง

แต่ถ้าทุจริตผิด ก.ม.ก็ปกป้องไม่ได้

“แต่ถ้าบุคคลนั้นกระทำการทุจริตผิดกฎหมาย อย่าว่าแต่รัฐบาลด้วยกัน คนในพรรคยังปกป้องไม่ได้เลย หากคนในพรรคทำแบบนั้นคงไม่รอให้ไม่ไว้วางใจ เชือดก่อน ส่วนที่หมอดูทำนายการเมืองวิกฤติหนักถึงขั้นยุบสภาฯ หวังว่าหมอดูคงไม่แม่น ถ้าทุกคนขยันทำงานด้วยกันจะเป็นพลังทนทานกับแรงกดดันต่างๆได้ วันนี้เราทำดีที่สุดทำตามที่ให้สัญญาไว้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ต้องมั่นใจว่าครบหรือไม่ครบวาระ เรายังอยู่ในใจประชาชน สิ่งที่จะตัดสินอนาคตคือผลงานและประชาชน เราตัดสินตัวเองไม่ได้” รองนายกฯกล่าว

จี้จำกัดเสนอข่าวฆ่าตัวตายเซ่นพิษ ศก.

นายอนุทินกล่าวถึงปัญหาพิษเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตประชาชน ทำให้เกิดการฆ่าตัวตายว่า อย่าเพิ่งไปกล่าวอ้างถึงประเด็นนั้นอย่างเดียว เหตุผลการทำร้ายตัวเองไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยฉับพลัน ถ้าไม่มีภาวะกระทบจิตใจอย่างรุนแรง เราต้องจำกัดการนำเสนอข่าวประเภทนี้ให้มากที่สุด อาจทำให้เกิดภาวะอุปทานหมู่ได้ กรมสุขภาพจิตได้ออกหน่วยดูแลเยียวยาสภาพจิตใจผู้ประสบปัญหาใกล้ชิด แต่ต้องฝากญาติๆให้ช่วยดูแลใกล้ชิดหากผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้า หรือประสบภาวะกระทบต่อจิตใจเฉียบพลัน ต้องรีบพามาพบแพทย์ทันที เรื่องเศรษฐกิจรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินให้เร็วที่สุด คาดว่า สิ้นเดือน ม.ค. เมื่อ พ.ร.บ.งบฯปี 63 ผ่านการพิจารณาของสภาฯเรียบร้อย การใช้จ่ายหรือการลงทุนภาครัฐ จะเกิดขึ้น รัฐบาลนี้เข้ามาช่วงปลายปีงบฯพอดี การจัดสรรงบฯต่างๆจึงขลุกขลักเสียเวลาไป 2-3 เดือนคงว่ากันไม่ได้

รอจังหวะดูข้อ ก.ม.รับ “ศรีนวล” เข้าภท.

เมื่อถามถึง น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ สมัครเข้าพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนมาแล้ว ถ้าไม่มีประวัติด่างพร้อย หากแสดงเจตจำนงจะมาสมัครอยู่กับพรรคเราก็ต้องรับ ถือเป็นประโยชน์กับประชาชนและการทำงานกับพรรค เป็นปัจจัยบวกไม่มีลบ ส่วนบางฝ่ายตั้งธงจะยื่นคำร้องถ้ารับน.ส. ศรีนวลถือว่ารู้เห็นต่อการเป็นงูเห่านั้นไม่มีหรอก รัฐธรรมนูญเขียนชัดเจน ถ้าสังกัดย้ายพรรคไม่ได้นอกจากถูกขับ หรือพรรคถูกยุบ ต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ตามในรายละเอียดต้องดูว่าถูกขับหรือยัง กกต.รับทราบหรือยัง ถึงเวลามากรอกใบสมัครได้แล้วหรือไม่

“ธนกร” ขู่ระวังหอกพุ่งกลับฝ่ายค้าน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปี 63 มีแนวโน้มจะเข้มข้นขึ้น แต่เชื่อว่าคงไม่ลุกลามบานปลายสร้างความเสียหายให้ประเทศเหมือนในอดีต เพราะประชาชนมีบทเรียนมาแล้วคงไม่ยอม เพราะจะซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนกรณีฝ่ายค้านเตรียม 25 ขุนพลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่มีปัญหาอะไร ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบรัฐบาลตามกลไกรัฐสภารัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกประเด็น ไม่กลัวถูกน็อกกลางสภาฯ ตามที่ฝ่ายค้านขู่ มั่นใจว่านายกฯบริหารประเทศ โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ทางที่ดีฝ่ายค้านต้องระวังด้วย เพราะหอกอาจหันพุ่งใส่ตัวเองได้ จะกล่าวหารัฐบาลหากนำข้อมูลหลักฐานไม่ถูกต้องมาต้องรับผิดชอบด้วย

หยัน “เหลิม” ฉลามตกยุคไม่น่ากลัว

“สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ผู้ดูแลการ อภิปราย เท่าที่เห็นขณะนี้ยังไม่น่ากลัวอะไร โลกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้เป็น ส.ส.อยู่นอกสภาฯไม่ได้มาอภิปรายเอง เวลามาสภาฯคงไม่เจอเฉลิมแล้ว จะเจอแต่นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลูกชาย วันนี้ประชาชนอยากให้นายวันเป็น 1 ใน 25 ขุนพลด้วย หวังว่าจะได้ฟังการอภิปรายที่ดีกว่า ส.ส.หน้าเดิมๆที่หมุนเวียนกันอภิปรายจนประชาชนเริ่มจะเบื่อ นายวันอาจมีลีลาการอภิปรายที่น่าสนใจมากกว่า” นายธนกรกล่าว

พท.จ่อถล่ม “บิ๊กตู่” เอื้อกลุ่มทุนน้ำเมา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ รับผิดชอบดูแลข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้สรุปกำหนดรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย แน่นอนอย่างน้อย 5 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป้าหมายการอภิปรายจะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับการทำงานเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนบางรายในลักษณะต่างตอบแทน ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่ภาครัฐ ข้อมูลที่จะอภิปรายประกอบด้วย การซื้อขายที่ดินย่านบางบอนซอย 3 ให้บริษัทหนึ่งที่เป็นนอมินีของเจ้าสัววงการน้ำเมาคนดังระดับประเทศ

ขายที่ดินแลกต่อสัญญาศูนย์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่น่าผิดสังเกตคือมีการตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นมาเพียงแค่ 7 วัน จากนั้นมีการซื้อที่ดินมีมูลค่าสูงกว่าราคาประเมินถึง 600 ล้านบาท กรณีดังกล่าวยังเกี่ยวโยงไปถึงการแก้ไขสัญญาร่วมทุน ซึ่งเป็นสัญญาบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ ที่ในยุครัฐบาล คสช.ได้ทำสัญญาใหม่ โดยไม่เปิดให้มีการประมูล รวมทั้งให้สิทธิในการบริหารและดำเนินกิจการแก่บริษัทสูงถึง 50 ปี นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายที่ดินย่านบางนา ตราด ซึ่งสำนักงานบังคับคดีสมุทรปราการ ประกาศขายทอดตลาดที่ดินของบริษัทเอคิว เอสเตท ของกลุ่มกฤษดามหานคร จำนวน 214 แปลง เนื้อที่ประมาณ 4,114 ไร่ ราคาประเมินเดิม ตร.ว.ละ 1.2 หมื่นบาท แต่กลับขายราคาต่ำกว่าราคาประเมินเหลือ ตร.ว.ละ 4 พันบาท แยกขายเป็นรายแปลงระบุให้ที่ผืนหนึ่งเป็นที่ตาบอด ที่อีกผืนหนึ่งติดถนน ทั้งที่ทั้งสองผืนเป็นแปลงเดียวกัน บริษัทที่ชนะการประมูลคือบริษัทร่วมทุนของเจ้าสัวคนดังในวงการน้ำเมาเช่นกัน

“วิษณุ–ดอน” เจอพิษ “ฟิลิปมอร์ริส”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการอภิปรายนายวิษณุกับนายดอน เกี่ยวกับประเด็นบริษัทฟิลิปมอร์ริส ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องดำเนินคดี 2 คดี คดีแรกเป็นการนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ รวมราคาบุหรี่และค่าอากร 20,210,209,582.50 บาท คดีที่สองเป็นการนำเข้าบุหรี่จากประเทศอินโดนีเซีย รวมราคาบุหรี่และค่าอากร 4,953,456,655.93 บาท รวมเป็นค่าบุหรี่และค่าอากรทั้งสิ้น 25,163,666,311.43 บาท แต่หลังจากมีรัฐบาล คสช. มีการเข้าไปแทรกแซงการดำเนินคดี วันที่ 9 มิ.ย.2558 เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปปรึกษาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้บรรเทาความเสียหายแก่บริษัทฟิลิปมอร์ริสเสนอให้อัยการสูงสุดถอนฟ้อง แต่พนักงานอัยการไม่เห็นด้วยเพราะได้สั่งฟ้องแล้ว

แก้ ก.ม.เปิดช่องเสียค่าปรับลดฮวบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา มีผู้มีอำนาจมีหนังสือเสนอร่าง พ.ร.บ.ศุลกากร ฉบับใหม่แทนฉบับเก่าปี 2469 กฎหมายใหม่ระบุให้รับโทษค่าปรับน้อยกว่า นอกจากนี้หลังจากประกาศใช้ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 แล้ว นายดอนยังส่งหนังสือถึงนายวิษณุ 2 ฉบับ คือลับที่สุด ด่วนมากที่ กต 0804/438 ลงวันที่ 23 ก.ค.2561 เรื่องความเห็นเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ กรณีสินค้าบุหรี่นำเข้า (DS371) และหนังสือลับที่สุด ด่วนที่สุด ที่ กต 0804/13 เรื่อง การระงับข้อพิพาทระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ กรณีสินค้าบุหรี่นำเข้า (DS371) ด้วย

“เฉลิม” กาหัวลาก 5 รมต.ขึ้นเขียง

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการกิจการพิเศษ (กพศ.) พรรคเพื่อไทย ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน โดยนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วม เพื่อพิจารณาความพร้อมในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดย ร.ต.อ.เฉลิมแถลงว่ากำหนดตัวรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไว้ 5 คน จากนี้จะเสนอนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำไปหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 6 พรรคว่าจะเพิ่มเติมรัฐมนตรีท่านอื่นอีกหรือไม่ ถ้ามีตนไม่ขัดข้องถือว่าเป็นสิทธิ หรือแม้แต่คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยหากมีข้อมูลและตัวบุคคลไว้ส่วนหนึ่งแล้วก็ไม่ขัดข้อง

อยากให้พ้นตรุษจีน–จะไม่ทำให้ผิดหวัง

“ยืนยันว่าขณะนี้มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ส.ส.ผู้จะอภิปรายก็พร้อม พยานหลักฐานพร้อมจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง แต่ขอยังไม่เปิดเผยชื่อผู้อภิปรายเพราะรัฐบาลนี้ต่อเนื่องมาจาก คสช.มีนิสัยเกเร ใครเห็นต่างหัวแตก ปากแตก ถูกทุบรถ และยังไม่สามารถจับใครได้เลย เบื้องต้นผู้อภิปรายทั้งหมดน่าจะประมาณ 25 คน วันเวลาอภิปรายอยากให้พ้นเทศกาลตรุษจีนไปก่อน อยากให้ คนจีนสนใจเยอะๆ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

เย้ย รบ.ดิ้นพล่านปากกล้าขาสั่น

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่ารัฐบาล เพิ่งทำงานได้ 5 เดือน ไม่ควรอภิปรายเรื่องเก่านั้นว่า ตนไม่คัดค้านแต่ไม่เห็นด้วย เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะมีผู้นำปฏิวัติเป็นนายกฯ มีมาตรา 44 มี สนช.ในสภาฯ ใครจะกล้า ดังนั้น อย่ามากำหนดว่าอะไรควรหรือไม่ควรพูด อยู่ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ไหนว่าไม่กลัวอย่างนี้เรียกว่าปากกล้าขาสั่น หมดเวลาแล้ว พอเถอะ วันนี้ไม่มีใครกลัวใคร ประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้ว ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายที่ดินของครอบครัวของ พล.อ.ประยุทธ์ย่านบางบอนนั้น ไม่สามารถพูดได้ว่าจะโยงไปถึงหรือทำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีตำหนิหรือไม่ แต่ยืนยันว่ามวยยกแรกเริ่มขึ้นแล้ว ส่วนรายละเอียดนั้นมีผู้ที่จะอภิปรายแล้ว ตนไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวรสชาติไม่มี เพราะเป็นแค่กองหนุน

ป้อง “วัน” พรรษายังไม่ถึงเวทีเชือด

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้อภิปรายเหตุการณ์ในสมัยรัฐบาล คสช. ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หากนายชวนอนุญาต รัฐบาลก็ทำได้แค่ยืนขึ้นแล้วบอกว่าขอไม่ตอบ ส่วนประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นจะยังไม่ขอบอก เพราะต้องรออีก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน แต่ตนมั่นใจว่าหลังจากอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำให้กระแสสังคมเบื่อนายกฯ และรัฐบาล จนคนชิงชังว่าทำกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ ส่วนจะล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้นขอถามกลับว่า มีสมัยไหนที่เขาโหวตล้มกันเอง ไม่มีหรอก แต่ครั้งนี้ตนทายใจ ส.ส.ไม่ออก ถ้าข้อมูลฝ่ายค้านไหลมากๆ ส.ส.ก็อาจรักบ้านรักเมืองไม่เอาด้วยกับรัฐบาลก็เป็นได้ ส่วนจะส่งนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนในการอภิปรายด้วยหรือไม่นั้น ถือเป็นสิทธิของนายวัน แต่ในใจตนนั้นมองว่า พรรษายังไม่ถึง ยังมีอีกหลายครั้ง ยังมีเวลา

“ภูมิธรรม” การันตีไม่มีพูดเลอะเทอะ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะมีการหารือกับอีก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านในสัปดาห์หน้าเพื่อสรุปข้อมูล ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ไม่เลอะเทอะ ไม่กระจัดกระจาย แต่ชี้ให้ประชาชนเห็นถึงความไม่เหมาะสม เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ อาจจะส่งผลกระทบต่อการวางตัวผู้อภิปรายหรือไม่นั้น ไม่อยากพูดถึงเรื่องอนาคต เป็นเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่จะพิจารณา แต่มั่นใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะร่วมมือกันอย่างดีทั้ง 7 พรรค

ไม่รับผิดชอบอ้างอยู่มาแค่ 5 เดือน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พูดประสานเสียงกับรัฐมนตรีคนอื่นๆว่า รัฐบาลนี้ทำงานมาแค่ 5 เดือน ฝ่ายค้านไม่ควรเหมาเข่งรวมเอายุคการทำงานช่วง 5 ปี มาอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าแค่หวังหลีกเลี่ยงถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วง 5 ปี ที่ไร้การตรวจสอบ ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบอย่างน่าละอาย พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นรัฐบาลมาแล้วเกือบ 6 ปี ถือเป็นเรื่องตลกปนเศร้า เป็นที่รับรู้กันว่าบุคลากรในเครือข่าย คสช. เป็นรัฐบาลตั้งแต่หลังรัฐประหาร แม้จะมีการเลือกตั้งปี 2562 เพียงแค่เลือกตั้งตามแผนการสืบทอดอำนาจ หลังจากนั้นเกือบทุกคนยังอยู่ในตำแหน่งเดิม หรือบางคนแค่สลับเก้าอี้ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้มักโทษรัฐบาลก่อนหน้าเสมอ แต่พอมาเป็นนายกฯ จากการสืบทอดอำนาจ เวลาแก้อะไรไม่ได้กลับไม่ยอมโทษรัฐบาลตัวเองที่ทำงานมาแล้วเกือบ 5 ปี ข้ามไปโทษรัฐบาลยุคก่อนหน้าเข้าไปอีก เป็นตลกปนเศร้าทางการเมือง ยิ่งใกล้วันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งออกอาการ เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยถูกตรวจสอบ จึงไม่แปลกที่จะออกอาการหวาดหวั่น เพราะรู้ดีว่าหมกซ่อนเรื่องอะไรไว้บ้าง

หวั่นบริหารต่อ ศก.หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี

“การอภิปรายครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะตีแผ่ให้สังคมได้เห็นความมืดดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้ระบบที่ไร้การตรวจสอบมาตลอด 5 ปี โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด รวมทั้งการขาดความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากเรายังต้องยอมจำนนให้ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก อยู่บริหารประเทศต่อไป ก็มีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจจะหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีในยุคที่มีผู้นำมาจากรัฐธรรมนูญที่พิกลพิการเช่นนี้” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

“อนุสรณ์” โวถล่มเสร็จต้องปรับ ครม.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุรัฐบาลเพิ่งทำงาน 5 เดือน อย่าอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยเรื่องเก่าว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำความเข้าใจกับตัวเองว่า เป็นนายกฯ รัฐบาล คสช.มา 5 ปี เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งอีกเกือบปี ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ปีที่ 6 จนทำให้แฮชแท็ก “เบื่อนายก” ถูกติดมากเป็นอันดับหนึ่ง ประชาชนเห็นการทำงานและตัดสินใจได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความสามารถการ บริหารระดับใด ถ้าเก่งจริงคงสร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ช่วงปีแรกๆ ในอดีตรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจขณะที่ทำงานได้ 4 เดือน เรื่องเวลาจึงไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือบริหารเกิดความผิดพลาดสร้างความเสียหายหรือไม่

ดิ้นห้ามพูดเรื่องเก่ากลัวอะไรนักหนา

“การที่คนในรัฐบาลออกมาห้ามไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยเรื่องเก่านั้น ไม่เข้าใจว่ากลัวอะไร ถ้าเรื่องเก่ายังคงส่งผลหรือมีผลจนถึงก็สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ เชื่อว่าถ้าประชาชนรับทราบข้อมูลที่ฝ่ายค้านเปิดเผยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยต้องมีการปรับ ครม.และจะเกิดความวุ่นวายเพราะ ส.ส.ปัดเศษจากพรรคเล็กจะต่อรองเก้าอี้จะต้องแจกกล้วยรอบใหญ่ๆกันอีกหลายรอบ เมื่อไปสู่จุดนั้นเตรียมตัวนับถอยหลังอายุรัฐบาลประยุทธ์ได้เลย” นายอนุสรณ์กล่าว

ผบ.ทอ.หูอื้อไม่ได้ยินปมโละพ้น ส.ว.

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สโมสรนายทหาร ชั้นประทวน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. นำกำลังพลทำบุญตักบาตรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พร้อมตอบคำถามเพียงสั้นๆต่อกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เสนอให้โละตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพออกจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ไม่อยากวิเคราะห์ เพราะจะทำลายบรรยากาศปีใหม่ เมื่อถาม ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วไม่มี ผบ.เหล่าทัพ ร่วมเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งเห็นด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.มานัตกล่าวติดตลกว่า ไม่ได้ยินเลย หูอื้อ

“พีระศักดิ์” หนักใจ ส.ว.โดยตำแหน่ง

นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงข้อเสนอของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ที่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตัด ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งว่า ต้องดูเจตนาคนร่างรัฐธรรมนูญว่า ร่างมาเพื่ออะไร ถ้าสถานการณ์ปกติแล้วคงไม่ได้ โดยหลักแล้วไม่ให้ข้าราชการประจำมาเป็น ส.ว. ต้องดูว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร การมี ผบ.เหล่าทัพมาเป็น ส.ว.อาจต้องการให้เหล่าทัพ ทำความเข้าใจการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยกฎหมายและหลักการต้องแก้ไขได้อยู่แล้ว แต่อยู่ที่สถานการณ์ขณะนั้นเป็นอย่างไร รวมทั้งดูความจำเป็น ด้วย เมื่อถามว่าเห็นควรจะตัดประเด็นนี้ออกหรือไม่ นายพีระศักดิ์กล่าวว่า ต้องดูหลักการและเจตนาของผู้ร่าง ไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไรมาก เพราะเป็นสมาชิกวุฒิสภาอยู่ หนักใจเหมือนกัน

“พีระพันธุ์” ฟังทุกคนยันไม่มีธงแก้ รธน.

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้สัมภาษณ์ถึงการให้ความเห็นและข้อเสนอต่อประเด็นการหาแนวทางเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆเกิดขึ้นในฐานะประธานมีแนวทางที่จะให้ กมธ.ทุกคนอภิปรายแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ 2 นัดก่อนนำมาสรุปรายละเอียดและประเด็นตามความเห็นต่างๆของ กมธ. ไม่อยากให้มองว่าเป็นการตั้งธง เพราะแต่ละคนล้วนมีเหตุผล

อ้างไร้สิทธิชี้นำแค่กำกับการประชุม

นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าเป็นเพียงประธาน กมธ.ไม่มีสิทธิชี้นำใดๆใน กมธ. เพียงแค่การรับฟังความเห็นและกำกับการประชุมโดยไม่มีธงใดเป็นตัวตั้ง จะยึดการทำงานเหมือนรูปแบบ กมธ.ของสภาฯที่จะเริ่มต้นรับฟังความเห็น กมธ.ทุกคน และเตรียมวางช่องทางเพื่อรับฟังเสียงของประชาชนภายนอก ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าด้วยช่องทางการนำเสนอความเห็นจากประชาชน เชื่อว่า การประชุมวันที่ 14 ม.ค. กมธ.จะตกผลึกเรื่องช่องทาง ใจผมอยากให้การแลกเปลี่ยนความเห็นและการหาแนวทางฟังเสียงประชาชนทั่วไป จบให้ได้ในการประชุมอีก 2 นัด เพื่อเริ่มต้นทำงานในแนวทางต่อไป

“เทพไท” ฉะทหารไม่มีสิทธิเหนือคนอื่น

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ที่ตลาดนัดสระไคร อ.เฉลิมพระเกียรติ ถึงข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ ผบ.เหล่าทัพพ้นจากวุฒิสภาว่า หลายฝ่ายเห็นด้วยกับหลักการที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้เสนอให้ตัดโควตา ส.ว.จาก ผบ.เหล่าทัพ 6 ตำแหน่ง เพราะขัดต่อหลักการระบอบประชาธิปไตย ที่ให้ข้าราชการประจำควบตำแหน่งข้าราชการการเมือง ด้วย ผบ.เหล่าทัพเข้ามา ส.ว.โดยตำแหน่ง ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อ้าง เหตุผลเพื่อต้องการให้มาประสานงานข้อมูลข่าวสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาฟังไม่ขึ้น ผบ.เหล่าทัพมีสถานะเทียบเท่าระดับอธิบดีในกระทรวงต่างๆ ถ้าหากต้องการประสานงานข้อมูลกับฝ่ายข้าราชการประจำจริง อธิบดีทุกกรมควรมีสิทธิมาเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งได้ด้วย ขัดหลักการในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.รับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ทั้ง 2 ทาง เอาเปรียบหรือมีอภิสิทธิ์เหนือบุคคลอื่นที่เข้าสู่ตำแหน่งการเมือง 2 ตำแหน่ง แต่รับเงินเดือนค่าตอบแทนได้เพียงทางเดียว ผบ.เหล่าทัพไม่ควรมีสิทธิพิเศษเหนือบุคคลอื่น

3 พันล้านทำประชามติคุ้มค่า ปชต.

นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ว่าต้องใช้งบฯ 2-3 พันล้านบาทว่า เป็นงบประมาณทำประชามติรัฐธรรมนูญทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะประเด็น ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ยังมีหลายประเด็นที่ต้องศึกษาแก้ไข ฉะนั้นการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้งบฯ 2-3 พันล้านบาทแต่ละครั้งเป็นเรื่องปกติ และคุ้มค่ากับการลงทุนในการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงของประเทศไทย

“เอกชัย” บุกถามเลื่อนยศ “ธรรมนัส”

เมื่อเวลา 09.43 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเดินทางมาที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอยื่นหนังสือให้กรมเสมียนตรา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการ ในการตรวจสอบการได้รับพระราชทานยศของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยนายเอกชัย กล่าวว่า การได้รับพระราชทานยศเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่สามารถเปิดเผยได้ กระทรวงกลาโหมต้องเปิดเผยเอกสารหลักฐานคำสั่งเลื่อนยศนายทหารว่า มีการดำเนินการตามที่กำหนดในกฎหมายหรือไม่ กรมเสมียนตราเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่ประชาชนได้ โดยนายเอกชัย พยายามจะขอเข้ามายื่นหนังสือที่ตึก สลค.ภายในทำเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ขอให้ไปยื่นที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) แทน แต่นายเอกชัย ไม่ยอมเจ้าหน้าที่จึงต้อง พาเดินเข้ามายื่นหนังสือที่ตึก สลค.ภายในทำเนียบรัฐบาลเสร็จแล้วจึงรีบพาตัวออกไป

“ธนวัฒน์” ปลื้ม “วิ่งไล่ลุง” พรึ่บหลายที่

ส่วนความเคลื่อนไหวการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีการแชร์ข้อมูลทางโซเชียลมีเดียจะมีการจัดวิ่งไล่ลุงคู่ขนานในวันที่ 12 ม.ค.พร้อมกันหลายจุดใน 18 จังหวัด และในอีก 6 เมืองใหญ่ของ 4 ประเทศ นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำจัดวิ่งไล่ลุง ระบุว่า ทราบเรื่องนี้แล้วเพราะบางกลุ่มแจ้งให้ทีมผู้จัดวิ่งไล่ลุงทราบ บางกลุ่มไม่ได้แจ้ง แต่ทีมงานวิ่งไล่ลุงจัดงานที่สวนรถไฟที่เดียวเท่านั้น ส่วนใครจะนำกิจกรรมนี้ไปจัดต่อ คงไปห้ามไม่ได้ และไม่มีศักยภาพพอที่จะไปสนับสนุน แต่ขอร้องให้เตรียมงานดีๆ เพราะหลายฝ่ายจ้องฉกฉวยสถานการณ์อยู่ ขอให้ประสานเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยผู้เข้าร่วมงาน อย่างไรก็ตาม รู้สึกยินดีที่ทุกคนมาร่วม ถือเป็นการแสดงพลังของภาคประชาชนที่ใหญ่ที่สุดหลังรัฐประหาร 57 สำหรับยอดสมัครวิ่งไล่ลุงทางออนไลน์ปิดยอดไว้ทั้งสิ้นที่ 1 หมื่นคน คาดว่าจะมาวันจริงราว 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจะเป็นคนที่ลงทะเบียนไม่ทัน และคนที่จะมาให้กำลังใจ รวมแล้วน่าจะเป็นจำนวนหมื่นคนแน่นอน

จ่อส่งเทียบเชิญ “บิ๊กตู่–ป้อม–แดง”

นายธนวัฒน์กล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยผู้เข้าร่วมได้ประสานไปยัง สน.บางซื่อ เพื่อขอเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลและขอเครื่องสแกนอาวุธ นอกจากนี้จะไม่มีจุดรับฝากของในงานและเป็นการวิ่งแค่รอบใหญ่สวนรถไฟรอบเดียวคือ 2.5 กม.เท่านั้น ส่วนสัญลักษณ์ที่จะแสดงในการวิ่งไล่ลุงนั้นมีแน่ขออุบไว้เผยวันงาน ทั้งนี้วันที่ 6 ม.ค.จะไปยื่นหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตลอดจนคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นวันที่ 7 ม.ค.จะไปเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ส่วนพรรคการเมืองต่างๆนั้นอาจไม่ได้ไปเชิญด้วยตัวเอง แต่จะส่งข้อความเชิญชวนผ่านโซเชียลมีเดีย และในวันที่ 10-11 ม.ค. จะแจกเสื้อวิ่งไล่ลุงให้ผู้ที่สั่งจอง ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนินกลาง เหตุที่ต้องเป็นอนุสรณ์สถาน เพราะที่อื่นไม่มีใครกล้าให้เราใช้สถานที่

เฉ่งเหลื่อมล้ำ “เดินเชียร์ลุง” ผ่านฉลุย

“ไม่ต้องกังวล กิจกรรมนี้ไม่ไปก่อผลกระทบใดๆให้ประเทศ งานวิ่งงานอื่นจัดแบบไหนเราจัดแบบนั้น ไม่มีการมาปิดสวนรถไฟชุมนุมต่อ หรือเปิดปราศรัยทางการเมือง จริงอยู่แม้เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นสัญลักษณ์แนวใหม่ ไม่ใช่แบบการชุมนุมในอดีต อย่าเอาภาพเดิมๆมายัดเยียดเรา คนที่ทำให้ประเทศถอยหลังคือคนที่มีอำนาจอยู่ในตำแหน่งมาแล้ว 5-6 ปี ขอให้ไตร่ตรองดีๆ ว่าถ้าไม่ทำอะไรปล่อยให้อยู่ต่อ กับแค่ออกมาแสดงพลังด้วยการวิ่งออกกำลังในสวนสาธารณะ อะไรเสียหายกว่ากัน หรือให้ดูว่ากิจกรรมเดินเชียร์ลุง ที่สวนลุมพินีที่จงใจจัดขึ้นวันเดียวกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุง เจ้าหน้าที่ไม่เห็นว่าอะไร แต่ของเราแค่แถลงข่าวในพื้นที่ยังโดนเบรก นี่คือการสะท้อนภาพการใช้กฎหมายในยุคนี้ ที่เอื้อให้คนสนับสนุน และกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจนที่สุด” นายธนวัฒน์ กล่าว

อังกฤษ-เยอรมนี-ฟินแลนด์-กีวีจัดด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่จะจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในวันที่ 12 ม.ค.คู่ขนานไปกับที่สวนรถไฟ กรุงเทพฯ ที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ได้แก่ 1. จ.อุบลราชธานี หน้าศาลหลักเมืองเวลา 05.00 น. 2. จ.ชลบุรี ลานกิจกรรมสามแยกพัทยากลาง เวลา 16.00-18.00 น. 3. จ.นครราชสีมา บริเวณอนุสาวรีย์ย่าโมและประตูชุมพล เวลา 16.00-18.00 น. 4. จ.นครปฐม หน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ เวลา 07.00 น. 5. จ.อุดรธานี ที่สวนสาธารณะหนองบัว เวลา 06.00 น. 6. จ.กาฬสินธุ์ ที่โรงเรียนอนุกูลนารีกาฬสินธุ์ เวลา 13.00-16.30 น. 7. จ.ปัตตานี สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 8. เชียงราย ลานหน้ารูปปั้น ร.5 ศาลากลางหลังเก่า (ตึกเหลือง) เวลา 16.00 น. 9. จ.นครศรีธรรมราช หน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เวลา 05.00 น. 10. จ.นครสวรรค์ ริมเขื่อนหลังศาลากลางจังหวัด เวลา 17.00 น. 11. จ.ร้อยเอ็ด ที่บึงพลาญชัย เวลา 05.00 น. 12. จ.นนทบุรี อุทยานมกุฏรมยสราญ เวลา 05.30 น. 13. จ.พะเยา อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง เวลา 16.30 น. 14. จ.นครนายก เขื่อนขุนด่านปราการชล 15. จ.พังงา อุทยานพระนารายณ์ ตะกั่วป่า 16. จ.บุรีรัมย์ หน้าสนามกีฬาเทศบาล 17. จ.ขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น 18. จ.มหาสารคาม อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ม.เก่าฯ ขณะที่ในต่างประเทศ ได้แก่ 1. ประเทศนิวซีแลนด์ 2 จุด 2.ประเทศอังกฤษ กรุงลอนดอน 2 จุด 3. ประเทศเยอรมนี 1 จุด 4. ประเทศฟินแลนด์ 1 จุด

กองเชียร์ลุงระดมพลังเงียบสู้

ขณะที่เว็บเพจ “เดินเชียร์ลุง” ได้มีการเผยแพร่ข้อความเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเดินเชียร์ลุงเช่นกัน โดยแจ้งกำหนดนัดหมายวันเปิดรับลงทะเบียนระบุว่า “3-10 มกรา เราจะเปิดรับลงทะเบียน รอบสุดท้าย เอาให้ขาดๆกันไปเลย อีก 11 วัน พร้อมกันมั้ย รองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ พลังเงียบออกมาเดิน กันเยอะๆ เจอกันครับทุกคน เช้าวันอาทิตย์ที่ 12 มกรา # เดินเชียร์ลุงมาสวนลุมฯ”