เตรียมลุ้นระทึกตั้งแต่เดือนแรกของศักราชใหม่ปี 2563

คิวที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดชี้ชะตาคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดีใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข วันที่ 21 ม.ค.2563 โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนหรือสอบพยานเพิ่มเติม

เนื่องจากเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอจะวินิจฉัยได้แล้ว

ใกล้รู้คำตอบสุดท้ายค่ายสีส้มจะได้ไปต่อ หรือหายไปจากสารบบการเมือง

หากหลุดด่านแรกมาได้ ก็ยังต้องลุ้นกับดาบสองตามมาติดๆ ในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท รอเข้าสู่กระบวนการประมวลพยานหลักฐานชี้ขาดต่อไป

2 คดียุบพรรคจ่อคอหอย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และพลพรรคอนาคตใหม่

สถานการณ์อยู่ในภาวะแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยังไม่รู้อนาคตจะรอดหรือร่วง

เช่นเดียวกับอาการน่าเป็นห่วงของพรรคเพื่อไทย แกนนำฝ่ายค้านที่มีปัญหาแรงกระเพื่อมภายในพรรคก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ หลังจากพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่น

เสียท่าและเสียหน้าในพื้นที่เรดโซนที่เป็นฐานที่มั่นหลักของตัวเอง ตอกย้ำสภาพระหองระแหงระหว่าง ส.ส.อีสานที่ไม่ปลื้ม “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย

ภายใต้เครื่องหมายคำถามศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เมืองดอกคูนที่ผ่านมา เครือข่ายอดีต ส.ส. เจ้าของพื้นที่อย่าง นายนวัธ เตาะเจริญสุข ใส่เต็มร้อยช่วย “เจ๊หน่อย” หรือไม่ ในฐานะที่ส่งศัตรูคู่ปรับของนายนวัธเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในเที่ยวนี้

เพื่อไทยเองก็ป่วนไม่แพ้อนาคตใหม่ จากปัญหาความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรค

เสียงฝ่ายค้านขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียต้นทุนเดิมทั้งที่ จ.นครปฐม และ จ.ขอนแก่น

...

ไม่ต้องนับการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.กำแพงเพชร และ จ.สมุทรปราการ ที่เป็นพื้นที่สายแข็งของฝั่งพลังประชารัฐ มีทั้ง นายวราเทพ รัตนากร และตระกูล “อัศวเหม” คอยซัพพอร์ตรักษาฐาน 2 พื้นที่ ยังไงก็เป็นต่อหลายช่วงตัว

โอกาสที่ขั้วฝ่ายค้านจะตีตื้นคืนทุนมาเป็นไปได้ยาก

ช่วยรัฐบาลเรือเหล็กของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โล่งขึ้นเยอะ

ทำแต้มทิ้งห่างกันมากขึ้น ทั้งจากเสียงที่เพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งซ่อม และ 4 งูเห่าอนาคตใหม่ ยังไม่นับรวมเสียงบางส่วนจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่มีแนวโน้มอาจเปลี่ยนขั้วจากฝ่ายค้านเด้งมาอยู่ฝ่ายรัฐบาล

เบ็ดเสร็จจากต้นทุนเดิมที่รัฐบาลมีอยู่ 254 ที่นั่ง พุ่งขึ้นมาแตะที่ 260 เสียง สวนทางกับฝ่ายค้านที่หายไปหลายที่นั่ง วูบเหลืออยู่ราว 240 เสียง ทิ้งห่างกันร่วม 20 เสียง ขยับจากเสียงปริ่มน้ำขึ้นมาอยู่ในโซนปลอดภัย

เปิดทางให้ทีม “ลุงตู่” ปั่นแต้มกันสนุกมือ ลุยปล่อยของมาตรการทางเศรษฐกิจเป็นของขวัญปีใหม่คืนความสุขให้ประชาชนในช่วงปลายปี

ตามที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เร่งตีปี๊บมาตรการเศรษฐกิจ อาทิ การให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวปี 2562/2563 แก่เกษตรกรไร่ละ 500 บาท วงเงิน 25,793 ล้านบาท โดยจะเร่งทยอยโอนเงินให้เกษตรกรภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้

การให้ธนาคารออมสินคืนดอกเบี้ยเงินกู้แก่ลูกค้ารายย่อย อัตรา 10% สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินรวมทุกสัญญาไม่เกิน 200,000 บาท และมอบดอกเบี้ยพิเศษลูกค้าเงินฝากประจำอีก 0.25% ต่อปี สำหรับเงินฝากไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท

โครงการคืนเงิน 1,000 บาทแก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดีย้อนหลัง 48 เดือนของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ยังไม่นับรวมถึงการลดราคาน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.2562–10 ม.ค.2563 ช่วยบรรเทาค่าครองชีพประชาชน

ทุกกระทรวงเร่งทำตลาดประชารัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ แข่งกันเข็นแคมเปญเป็นของขวัญปีใหม่แก่คนไทย

แต่นั่นก็แค่มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนกันเฉพาะหน้า ยังต้องเดินเครื่องกู้เศรษฐกิจไทยต่อเนื่องอีกลอตใหญ่ให้พ้นจากปากเหว

ในอารมณ์ที่เกมรบนอกสภาโหมโรงกันมาอึกทึก เตรียมลงถนนตั้งแต่เดือน ม.ค.2563 เป็นต้นไป ตามเดิมพันเปิดหน้าสู้นอกสภาของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

โยงไปกับอีเวนต์ “วิ่งไล่ลุง” วันที่ 12 ม.ค.ปีหน้าเป็นตัวนำร่อง ซึ่งคงปฏิเสธลำบากว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับ “ธนาธร” ในแอ็กชันที่กัปตันทีมสีส้มร่วมปลุกกระแสด้วยเต็มที่

ค่ายอนาคตใหม่โชว์ให้เห็นมีมวลชนเป็นหน้าตักพร้อมใช้งานอยู่ในระดับหนึ่ง รอสะสมไพร่พล เร่งอุณหภูมิร้อนไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ

ช็อตเสี่ยงที่น่าห่วงคือ เรื่องปากท้องชาวบ้าน หากยังแก้ไม่ตก ปล่อยม็อบจุดติด “ลุงตู่” คงถึงคราวลำบากแน่.

ทีมข่าวการเมือง