วิรัชขู่ไม่ยอมอย่าหวังแก้รธน. เสรีพิศุทธ์ห่วงยิงกันในสภาฯ เต้เตือนระวังทหารทนไม่ไหว
สภาฯล่มอีกแล้ว! นับองค์ประชุมได้แค่ 242 เสียง ส.ส.รัฐบาลขาดหายไป 14 ราย พปชร. 4 ปชป. 6 ภท. 4 “ประธานชวน” ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เผย “บิ๊กรัฐบาล” ประกาศิตห้ามตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 เพราะจะอีนุงตุงนังพันตัว “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” โดนเรียกไปชี้แจงอยู่เรื่อย นายกฯยันไม่ซีเรียสแพ้โหวตสภาฯล่ม แต่กระทุ้งสัญญาลูกผู้ชาย ถามหาความจริงใจพรรคร่วม ยันยังไม่ปรับ ครม.ตอนนี้ “บิ๊กป้อม” เอาด้วยแอบฉุนถามหาสปิริต ส.ส.-พรรคร่วม “วิรัช” ข้องใจทำไมฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมือ เพื่อให้สภาฯเดินหน้าไปถึงวาระตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ไข รธน. ฝาก “จุรินทร์” จัดการปัญหาลูกพรรค ปชป.โหวตสวน วิป 2 ฝ่ายหารือไม่ลงตัว ฝ่ายค้านโวยเอาเรื่องแก้ รธน.มาเป็นตัวประกันข่มขู่ ด้าน 6 ส.ส. ปชป.ยันแหกมติไม่มี วาระการเมืองหรือเกมล้างแค้น แต่ทำตามความรับผิดชอบ ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านส่อเลื่อนไป ม.ค.63 สมัครเลือกซ่อมขอนแก่น พท.ได้เบอร์ 1 พปชร. เบอร์ 2
จากเหตุการณ์สภาล่ม สืบเนื่องจากการลงมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ที่ผลปรากฏว่าฝ่ายรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้ตั้งคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวโหวตแพ้ฝ่ายค้านไป 236 ต่อ 231 เสียง โดยมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลขาดการประชุมหลายราย รวมทั้งยังมี ส.ส.บางส่วนจากพรรคประชาธิปัตย์ไปโหวตร่วมกับฝ่ายค้านด้วยนั้น
“ชวน” เชื่อมีอีกป่วนขอนับแต้มใหม่
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์องค์ประชุมสภาล่ม เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ระหว่างรอโหวตญัตติด่วนการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ว่า การขอให้นับคะแนนใหม่เป็นสิทธิตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 85 เมื่อมีผลคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน แต่การนับคะแนนใหม่ต้องใช้วิธีการขานชื่อลงคะแนน บรรยากาศอย่างนี้มีทุกสมัย แต่นี่เป็นครั้งแรก ตอนพักการประชุมพยายามเจรจาให้จบลงด้วยดี แต่ตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมถอน อีกฝ่ายเลยเดินออกจากห้องประชุม เมื่อถามว่า ต่อไปฝ่ายรัฐบาลอาจใช้วิธีการนี้แก้เกม หากแพ้โหวต นายชวนตอบว่า “ผมว่าไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลแล้ว ฝ่ายค้านเขาก็มีสิทธิ สมมติฝ่ายค้านเห็นว่าคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน ก็ขอนับคะแนนใหม่ คือสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต”
...
ฝ่ายค้านย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยนับใหม่
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาถึงกรณีที่รัฐบาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่หลังโหวตแพ้ให้กับฝ่ายค้านในการลงมติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่า ยังยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับการนับคะแนนใหม่แบบขานชื่อ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. เราได้แสดงจุดยืนเรื่องนี้ไปแล้ว วันนี้เราคงไม่ร่วมนับเหมือนเดิม แต่เข้าประชุมวาระอื่นตามปกติ เมื่อถามว่า ประธานสภาฯ ระบุสามารถใช้ข้อบังคับในการโหวตใหม่ได้ เนื่องจากคะแนนไม่เกิน 25 เสียง นายสุทินกล่าวว่า ความจริงก็ทำได้ แต่ที่เราท้วงติงเมื่อวานคือถ้ามีคนเริ่มทำเป็นบรรทัดฐานแล้ว ต่อไปฝ่ายค้านทำบ้างจะเกิดปัญหาในระยะยาว ถ้าฝ่ายค้านทำบ้าง สภาฯก็จะทำงานไม่ได้
นายกฯไม่ซีเรียสแพ้โหวตสภาล่ม
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่องค์ประชุมสภาฯล่มเมื่อวันที่ 27 พ.ย. จากกรณีที่รัฐบาลแพ้โหวตการพิจารณาญัตติขอตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่า เป็นเรื่องธรรมดา ได้ติดตามการประชุมสภาฯ เห็นว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายคนติดงานราชการอยู่ และบางคนก็ไปต่างประเทศกับตนด้วย ทำให้มาโหวตไม่ทัน ถ้ามีการโหวตใหม่ก็ว่ากันไปตามกลไกของสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของความไม่มั่นคง เพราะตนเชื่อว่ามีความมั่นคงอยู่
ทวงสัญญาลูกผู้ชายพรรคร่วม
“ผมเป็นทหารเก่า เพราะฉะนั้นสัญญาลูกผู้ชายและความเป็นสุภาพบุรุษสำคัญที่สุด การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆรัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หรือจะมองอนาคตเฉพาะการเลือกตั้ง ซึ่งก็ยังมาไม่ถึงตอนนี้ ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ปัญหาความขัดแย้งของสงครามการค้า แล้วเราจะไม่ให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้เลยหรือ โจมตีกันไปมาไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งกับพรรคการเมืองของตัวเองก็ไม่เกิด และเชื่อว่าประชาชนตัดสินใจได้เองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ควรเสนอมาว่าจะต้องทำอะไร ถ้าโจมตีกันมันไม่ได้อะไรขึ้นมา จะเห็นว่าสภาฯของเรา ส.ส.ของเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้นในวันนี้ ในอนาคตอย่างที่ทุกคนคาดหวังคืออยากให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งผมก็ได้ผ่านช่วงเวลานั้นมาให้แล้ว ฉะนั้น ก็ต้องปรับตัวเองใหม่เหมือนกัน เราทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว ทำการเมืองแบบเดิมๆ ไม่ได้มันไม่ยั่งยืน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ยังมีเสถียรภาพ–ยังไม่ปรับ ครม.
นายกฯกล่าวว่า ยืนยันว่าเสถียรภาพรัฐบาลยังมีอยู่ และยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่คิดเรื่องนี้ จะต้องดูกันไปอีกระยะหนึ่งก่อน ขอทำงานให้สำเร็จก่อน จากนั้นจะวัดผลงานกันอีกที เมื่อถามว่า จะมีการนัดรับประทานอาหารระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็มีล่ะ เขาหาเวลาอยู่นะ ก็คุยกันบ้างนะ”
เด้งเชือกปมตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ รธน.
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ว่า ไม่อยากจะพูดตรงนี้ว่าการตั้งกรรมาธิการใครเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร ถือเป็นเรื่องของการหารือร่วมกันของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องมีส่วนร่วมในการตั้งคณะกรรมาธิการตรงนี้ด้วย เพื่อหาคนที่เหมาะสมมาดำเนินการ
“บิ๊กป้อม” ถามหาสปิริตพรรคร่วม
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลแพ้โหวตญัตติขอตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่า เป็นเรื่องสปิริตของ ส.ส. ถือเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. มีรัฐมนตรีหลายคนติดภารกิจจึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม ส่วนการโหวตก็เป็นเรื่องสปิริต เมื่อถามถึงกรณีพรรคร่วมโหวตสวนทางกับรัฐบาลจนทำให้ต้องแพ้โหวต พล.อ.ประวิตรตอบย้ำว่า เป็นเรื่องของสปิริตไง จะให้ทำอย่างไร มีการพูดคุยกันก่อนโหวตแล้ว เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหานี้อย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้องแก้ เพราะเป็นเรื่องสปิริตของ ส.ส. ยืนยันไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของบุคคล อีกทั้งไม่มีความกังวลถึงการโหวตในครั้งต่อไป เพราะเป็นเรื่องของบุคคลในส่วนของพรรคการเมืองพูดคุยกันเรียบร้อยดี เมื่อถามย้ำว่า ก่อนการโหวตมีการพูดคุยเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เข้าใจ สื่อก็อย่าถามอะไรมาก
ย้ำจุดยืนหนุนศึกษาแก้ไข รธน.
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้แสดงความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ ส.ว.ปฏิบัติตามว่า สนับสนุนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาทำไม ตนสนับสนุนให้มีการพูดจากัน
“วิษณุ” เผยไต๋ไม่อยากตั้ง กมธ.ม.44
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสภาพิจารณาตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 แต่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามไม่ให้มีการศึกษาเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบ แต่เรื่องนี้มีหลายญัตติที่เสนอเข้ามา ทั้งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งวัตถุประสงค์ก็แตกต่างกันไป เมื่อถามว่า หากสังคมสงสัยควรชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า รัฐบาลไม่ชี้แจงอะไรทั้งนั้น แม้แต่ ส.ส.ที่อภิปรายก็บอกว่าไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการแล้ว เพราะคณะกรรมาธิการที่มีอยู่ 22 คณะ สามารถพิจารณาได้หากเกี่ยวกับคำสั่งฉบับไหน ก็เรียกมาชี้แจงได้อยู่แล้ว
สภาฯ รับทราบเปลี่ยนตัว กมธ.ป.ป.ช.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ที่ประชุมรับทราบการเปลี่ยนแปลงกรรมาธิการสามัญประจำคณะต่างๆ ได้แก่ 1.นายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา ลาออกจาก กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ไปเป็น กมธ.การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 2.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ
“เสรีพิศุทธ์” ห่วงมีเหตุยิงกันในสภาฯ
จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ หารือว่า ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐเคยเปลี่ยนตัว กมธ.มาแล้ว 2 คน ทุกคนทราบดีว่าเปลี่ยนเพื่ออะไร ล่าสุดก็ยังมีการเปลี่ยนตัว กมธ.อีก ตามข่าวมีการบีบให้นายดลลาออก เพื่อเอาคนอื่นเข้ามา ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างให้ประธานอนุ กมธ.ไปศึกษาก่อนที่จะเสนอเรื่องต่อประธานสภาฯ จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พยายามพูดถึงเหตุการณ์ขอนับคะแนนใหม่ในการโหวตมติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่า ประธานสภาฯ มีวินิจฉัยไม่ถูกต้อง ซึ่งนายชวนได้ตัดบทว่าเป็นการพูดนอกวาระแล้ว แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้มีการยิงกันในศาลแล้ว อย่าให้มายิงกันในสภาฯอีกนะครับ”
“สิระ” บี้ถอนคำพูดบอกไปยิงกันที่อื่น
ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า ขอให้ถอนคำพูด ถ้าจะยิงกันไปยิงกันที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่สภาฯ โดยนายชวนได้พูดเล่นมุกตลกว่า “ให้ยิงด้วยหนังสติ๊กหรือยิงด้วยปืน มือปืนทั้งหลายอย่ามาที่นี่ละกัน” อย่างไรก็ตามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ทักท้วงว่า การเปลี่ยนตัว กมธ.ข้ามพรรค ทำให้สัดส่วน กมธ.แต่ละพรรคที่กำหนดไว้ ต้องเปลี่ยนแปลงไป จะขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 91 หรือไม่ แต่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า การเปลี่ยนตัว กมธ.ข้ามพรรคไม่ขัดต่อข้อบังคับข้อ 91 และโควตา กมธ.แต่ละพรรคก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยนายชวนได้ยืนยันว่า เป็นสิทธิของแต่ละพรรคในการขอเปลี่ยน กมธ. เป็นสิทธิที่ทำได้ ขอให้เรื่องจบได้แล้ว
ฝ่ายค้านย้ำไม่ร่วมสังฆกรรมลงมติ
จากนั้นนายชวนได้ตัดบทเข้าสู่วาระการโหวตตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ที่ค้างมาจากการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ไม่ขัดข้อง หากจะเข้าสู่วาระการนับคะแนนใหม่ แต่ฝ่ายค้านขอคงจุดยืนไม่อยู่ในการนับคะแนน ขอให้กำลังใจรัฐบาลให้ได้มือครบและผ่านญัตตินี้ไปได้
งามหน้าซ้ำซากสภาฯล่ม 2 วันติด
ต่อมานายชวนได้กดปุ่มเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุมเพื่อให้มาแสดงตนก่อนลงมติ ระหว่างนั้น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พยายามยื้อเวลา ขอให้นายชวนรอการนับองค์ประชุมก่อน เพราะยังมี ส.ส.ยังติดประชุมคณะกรรมาธิการ กำลังทยอยเดินมาที่ห้องประชุม ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนหนึ่งพากันเดินออกจากห้องประชุม แต่อีกส่วนยังคงเกาะกลุ่มรวมตัวกันอยู่ในห้อง แต่ไม่ยอมแสดงตนในการลงมติ ทั้งนี้ หลังจากการแสดงตนนับองค์ประชุมเสร็จสิ้น นายชวนประกาศผลว่ามีองค์ประชุมเพียง 242 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมด 499 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม จากนั้นได้สั่งปิดประชุมสภาฯ ทันทีในเวลา 11.25 น. ถือเป็นเหตุการณ์สภาฯล่ม 2 วันติดต่อกัน หลังจากที่เกิดเหตุสภาฯล่มไปเมื่อวันที่ 27 พ.ย.
เผยรายชื่อ 14 ส.ส.รัฐบาลหายตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำหรับเสียงในการนับองค์ประชุมที่มี 242 เสียง จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 499 คน ซึ่งถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้เกิดเหตุสภาฯล่ม จากการตรวจสอบจำนวน ผู้ไม่เข้าร่วมแสดงตนในการลงมตินั้น ประกอบไปด้วย ส.ส.ฝ่ายค้านทั้งหมด ยกเว้นนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียวที่ร่วมแสดงตน นอกจากนี้ยังมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอีก 14 เสียงที่ไม่ได้เข้าร่วมใช้สิทธิแสดงตน ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 4 คน ได้แก่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน ได้แก่ นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก นายวีระชัย วีระเมธีกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพรรคภูมิใจไทย 4 คน ได้แก่ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายรุ่งโรจน์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี
“บิ๊กรัฐบาล” กำชับเรื่องนี้แพ้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้ติดตามการประชุมตลอดทั้ง 2 วันในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. รวมทั้งได้โทรศัพท์สอบถามสถานการณ์เป็นระยะๆ โดยเฉพาะเมื่อเสียงรัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้าน โดยเรื่องนี้ถือว่าได้มีสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลไปตั้งแต่ต้นไปแล้วว่าเสียงรัฐบาลต้องชนะเพื่อไม่ให้เกิดการตั้ง กมธ.คณะนี้ขึ้นได้ เนื่องจากเกรงว่าหากมีการตั้ง กมธ.ขึ้นมาจะเกิดความวุ่นวาย อีกทั้งจะมีการเรียกนายกฯและ พล.อ.ประวิตร รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลแพ้โหวตถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ได้สร้างความหนักใจให้กับผู้ใหญ่รัฐบาลและได้โทรศัพท์กำชับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะแพ้อีกไม่ได้
“วิรัช” ข้องใจทำไมฝ่ายค้านไม่ร่วมมือ
เมื่อเวลา 12.20 น. ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการลงมติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ที่ล่มอีกเป็นครั้งที่ 2 ว่า เหตุที่รัฐบาลประสบเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เสียงรัฐบาลหายไป 15 เสียง ซึ่งเรามาทราบหลังจากการโหวตเสร็จแล้วว่า บัตรที่เสียบกันนั้นไม่ปรากฏชื่อว่าได้ลงคะแนน หรือยืนยันว่าตัวเองอยู่ในห้องประชุม ในส่วนนี้อีกประมาณ 5-6 เสียง มาวันนี้เราได้เตรียมการแก้ไข แต่วันนี้เสียงก็ใกล้เคียงกันอีก เพราะมีการประชุมคณะ กมธ.หลายคณะ สมาชิกลงมาโหวตไม่ทัน และมีบางส่วนที่ป่วย ยืนยันว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เล่นเกม เราต้องการโหวตเรื่องการตั้งกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ผ่าน เพื่อที่จะได้เริ่มพิจารณาญัตติการตั้งคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อ ในช่วงเช้าเราได้ประสานกับวิปฝ่ายค้าน แต่คำตอบคือให้ฝ่ายรัฐบาลหาองค์ประชุมเอง ก็ยังสงสัยไหนว่าจะเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำไมฝ่ายค้านไม่รีบลงคะแนนในส่วนนี้ ยืนยันว่าในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค. เราจะกลับมาโหวตอีก จะดูแลให้เต็มที่ดีกว่านี้
ประสาน “จุรินทร์” จัดการภายในปชป.
นายวิรัชกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้
ถือว่าล่ม เป็นเพียงอุบัติเหตุทางการเมือง เมื่อส.ส.ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ไปแล้ว เราก็ไม่สามารถไปดึงไว้ได้ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเองก็อยู่เฉยๆ รอดูถ้าเขามาโหวตก็โหวตพร้อมกัน บางคนไม่โหวตก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไร จะพยายามให้ฝ่ายรัฐบาลเข้าให้ครบในครั้งหน้า ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนโหวตสวนนั้น ได้แจ้งต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ส่วนจะเป็นการตอบโต้กรณีที่ไม่เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ภายในพรรคเขาจะจัดการกันเอง เมื่อถามว่าในครั้งหน้าหากการประชุมสภาล่มและควบคุมเสียงไม่สำเร็จจะทบทวนการทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาลของตัวเองหรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า “ไม่เป็นไร พร้อม”
พท.–พปชร.จับเข่าคุยเชือดเฉือน
ต่อมาภายหลังจากนายวิรัชแถลงข่าวเสร็จสิ้น ได้พบกันนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านและ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ทั้งสามคนได้พูดคุยกันโดยมีบรรดาผู้สื่อข่าวร่วมรับฟัง นายวิรัชกล่าวว่า ครั้งหน้าอยากให้ฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุม จะได้นำวาระการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ ตอนแรกท่านก็เร่งว่าเมื่อใดจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม เดี๋ยวรออีกสัก 1 สัปดาห์ นายสุทินและ น.อ.อนุดิษฐ์ก็จะใจอ่อน ขณะที่นายสุทินยืนยันว่า หากนำเรื่องรัฐธรรมนูญเข้า จะเกิดการนับคะแนนใหม่อีก หากเที่ยวนี้ยอม เที่ยวต่อไปจะมีปัญหา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ครั้งหน้าการเปิดประชุมสภาฯจะไม่ล่มอีก น.อ.อนุดิษฐ์ตอบว่า เราเตือนให้ฟากรัฐบาลถอนญัตติที่จะให้นับคะแนนใหม่ เมื่อท่านไม่ถอน เราก็ไม่มีทางเลือก
พท.ขออย่าเอา รธน.เป็นตัวประกัน
ด้านนายวิรัชกล่าวว่า หากสัปดาห์หน้าสภาฯจะล่มอีก แปลว่าฝ่ายค้านไม่อยากเอากฎหมายรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ จากวันนี้ไปเราควรเดินหน้า ถ้าอยากให้เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้า ก็อยากให้ฝ่ายค้านเข้ามาร่วมมาโหวต แพ้ชนะตนไม่นับใหม่อีกแล้ว นายสุทินจึงกล่าวว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้าน แต่อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลจัดการไม่ได้เอง นี่กำลังเอาเรื่องรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกันหรือ วันนี้ตนไม่คิดว่าสภาฯจะล่มอีก เพราะได้เตรียมแถลงเรื่องรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อวานเป็นบทเรียนแล้วคิดว่ารัฐบาลจะจัดการได้ หวังว่า 2 ครั้งก็เพียงพอแล้วที่รัฐบาลจะคิดได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ไปเรื่อยๆ โดยทั่วไปรัฐบาลจะเป็นคนหาทางออก เพราะต้องรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศ และสภาก็เป็นกลไกที่จะทำให้บริหารประเทศได้ เขาคิดได้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาไม่ทำ ถ้าไม่ถอนญัตติก็ต้องนำมือ ส.ส.เข้ามาให้ครบแต่ปัญหาที่เกิดคือเขาจัดการองค์ประชุมของเขาไม่ครบ
“เทพไท” ปัด ปชป.เล่นเกมล้างแค้น
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีร่วมกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 5 คน ลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ว่าญัตตินี้เป็นญัตติที่พรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอเข้าไปเช่นกัน โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ แต่มีเนื้อหาแตกต่างจากญัตติฝ่ายค้าน เรื่องนี้เป็นเรื่องอุดมการณ์จุดยืนของพรรค ไม่ได้คิดเอาคืนหรือล้างแค้นอะไร หากจะมีการโหวตอีกครั้งก็ยังยืนยันจุดยืนเดิม คือเห็นด้วยกับการตั้งกรรมาธิการดังกล่าว และไม่ได้ถูกคาดโทษจากพรรค เพราะเรื่องนี้ได้แจ้งให้ที่ประชุมพรรคทราบแล้ว ยืนยัน 6 ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่โหวตหนุนตั้ง กมธ.ชุดนี้ไม่ใช่งูเห่าสีฟ้า เป็นจุดยืนต่อความรับผิดชอบญัตติของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือความขัดแย้งใน ครม.
“สาทิตย์” ยันโหวตใหม่ก็จะสวนอีก
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งใน 6 ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวต ให้ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 กล่าวว่า แม้จะให้ลงคะแนนใหม่ก็จะลงคะแนนเหมือนเดิม เพราะเป็นผู้เสนอญัตติคล้ายกับของฝ่ายค้าน และได้แจ้งกับผู้ที่รับผิดชอบมานานแล้วว่าจะลงมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ และอยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ถ้าไปคิดว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลกลัวเสียหน้าจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น ที่ผ่านมา วิปรัฐบาลก็ไม่ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมไม่อยากให้ ตั้งกรรมาธิการฯ และถ้าไม่ตั้งจะมีวิธีการศึกษาทบทวน เรื่องเหล่านี้อย่างไร จึงคิดว่าการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ของสภาฯเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเราปันใจไปให้ ฝ่ายค้าน ยืนยันจะโหวตให้ตั้งกรรมาธิการฯ เพราะต้องรับผิดชอบต่อญัตติที่ตัวเองเสนอ
“พนิต–ชัยวุฒิ” ย้ำไม่มีวาระการเมือง
ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่โหวตให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯชุดนี้ กล่าวว่า จะไม่มีการโหวต แตกต่างไปจากเดิม เพราะคิดรอบคอบแล้วเห็นว่าการตั้งกรรมาธิการฯจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น หวังว่าพรรคจะเข้าใจ เพราะญัตตินี้ ส.ส.ของพรรค ก็เสนอด้วย เราต้องแยกเรื่องการเมืองออกจากงานสภาฯ
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าจะโหวตเหมือนเดิม โดยระบุว่า ได้แจ้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปสองสัปดาห์แล้วว่าจะลงคะแนนแบบนี้ เพราะต้องสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองใดๆแอบแฝงทั้งสิ้น และไม่เข้าใจว่าทำไมวิปรัฐบาลจึงอาการหนัก ขนาดนี้ เพราะการตั้งกรรมาธิการฯก็เพียงแค่ศึกษาให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาเพื่อรายงานต่อสภาฯและเสนอรัฐบาลเท่านั้น
“นิพิฏฐ์” ให้ท้าย 6 ส.ส.ทำถูกแล้ว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคควรเห็นใจ ส.ส.ทั้ง 6 คน เพราะที่ประชุม ส.ส.เป็นคนอนุมัติให้มีการเสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ เมื่อ ส.ส.ยืนยันลงคะแนนตามญัตติที่ ส.ส.ของพรรคเสนอต่อสภาฯ ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ไม่ได้มีเรื่องการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้อง วิปของพรรคควรทำความเข้าใจกับ วิปรัฐบาลถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และควรมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่าการใช้มติวิปมาบังคับ เพราะ ส.ส.เองก็ไม่มีทางเลือก ต้องยืนยันสิ่งที่ตัวเองเสนอเช่นเดียวกัน
“มงคลกิตติ์” เตือนระวังทหารล้มโต๊ะ
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนจะขอพูดในฐานะฝ่ายค้านอิสระว่า เหตุการณ์นี้มันโหวตผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ ต้องมีน้ำใจเป็นนักกีฬา อย่าไปนับคะแนนใหม่เลย ถ้านับใหม่ต่อไปฝ่ายค้านก็จะขอนับใหม่ทุกเรื่อง ฝ่ายรัฐบาลจะว่าไง ควรผ่อนหนักผ่อนเบา ลดทิฐิกัน เพื่อให้งานสภาฯแก้ปัญหาประชาชนเดินไปได้ ถ้าไม่คุยกัน ไม่มีน้ำใจกัน ก็ไปไม่ได้ ถ้ายังดัน ต่อไปไม่เดินสายกลาง จะพัง ดังนั้น ถ้าหากขัดแย้ง มากไม่มีทางออก ผมจึงขอเสนอให้รัฐบาลยุบสภาฯ-เลือกตั้งใหม่ ก่อนที่ฝ่ายทหารจะทนไม่ไหว จะกลับมายึดอำนาจอีกรอบ
พท.คาดซักฟอกเลื่อนเป็น ม.ค.63
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความชัดเจนในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า วันนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะตอบหนังสือกรณีการนับเวลา 1 ปี ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากนับตามสมัยประชุม ปีแรกก็จะไปจบที่วันที่ 28 ก.พ.2563 เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ต้องประชุมหารือกันว่าเราจะอภิปรายในเดือน ธ.ค.หรือเลื่อนออกไปหน่อย อันไหนจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะในเดือน ธ.ค.ใกล้ปีใหม่ หากไปบรรจุช่วงนั้นก็จะเสียของหรืออาจติดเลือกตั้งซ่อมเขต 7 จ.ขอนแก่นด้วย นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกไม่น้อยที่ทุ่มเทกับการพิจารณางบประมาณที่กำลังเป็นช่วงสำคัญด้วย ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนไปสักปลายเดือน ม.ค. ส่วนเป้าหมายในการอภิปรายตัวบุคคลยังไม่นิ่ง
ซักฟอกปีละ 1 ครั้งตามสมัยประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือที่ สผ 0001 ตอบนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หลังได้ทำหนังสือสอบถามข้อปฏิบัติในการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ โดยสำนักงานเลขาฯได้นำข้อสอบถามของผู้นำฝ่ายค้านเรียนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน– ราษฎรแล้ว โดยให้เรียนตอบว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 154 บัญญัติให้การเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 151, 152 หรือ 153 แล้วแต่กรณีให้กระทำได้ปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ หมายความถึงปีวาระของสภาผู้แทนราษฎร ที่รวมทั้งสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา 2 สมัยใน 1 ปี และสมัยประชุมวิสามัญ โดยมิได้พิจารณาจากปีปฏิทิน
ทหารตบเท้าแจงงบฯ 2.3 แสนล้าน
เมื่อเวลา 14.40 น. ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 รัฐสภา มีการ ประชุมพิจารณางบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.และ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. เดินทางเข้าชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐชี้แจงว่า ตามร่าง พ.ร.บ.งบฯ กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรร 233,353,433,300 บาทเพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 6,226 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.74 เพื่อนำไปดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปี 2563 ของกระทรวงกลาโหมเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบของกระทรวงกลาโหม
พท.–พปชร.ชิงเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น
วันเดียวกัน ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอหนองเรือ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. นายประจวบ รักแพทย์ นอภ.หนองเรือ และประธาน กกต.เขต 7 ร่วมสังเกตการณ์การเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ที่ประกาศรับสมัครถึงวันที่ 2 ธ.ค. โดยก่อนเปิดรับสมัครเวลา 08.30 น. นายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และนายสมศักดิ์ คุณเงิน ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ มารอสมัคร มีแกนนำพรรคและผู้สนับสนุนให้กำลังใจคึกคัก ผลการจับสลากหมายเลขปรากฏว่านายธนิก ได้หมายเลข 1 และนายสมศักดิ์ หมายเลข 2
“บิ๊กตู่” บ่นไม่มีสุขห่วงการเมืองฉุด ศก.
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมว่า ให้ความสำคัญเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ต้องแก้ไขปัญหาแบบประชาธิปไตยรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน วันนี้รัฐบาลมุ่งแก้ไขในทุกมิติ ทั้งพัฒนาแรงงานให้สอดคล้องกับการลงทุนและเครื่องมือสมัยใหม่ เกษตรกรต้องไปปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต การค้าปลีกที่มีผลกระทบจากการค้าขายออนไลน์ อยู่ระหว่างพิจารณาออกกฎหมายการค้าขายออนไลน์กับต่างประเทศ มุ่งเน้นปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้คนมีงานทำ สำคัญคือการสร้างการเรียนรู้ อย่าสร้างความขัดแย้งจะทำให้ความเชื่อมั่นหายไป ทุกวันนี้ทุกประเทศยังเชื่อมั่นไทยอยู่ ห่วงอย่างเดียวคือเรื่องการเมือง รัฐบาลไม่หยุดคิดเรื่องเศรษฐกิจไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเสวยสุขอย่างที่ใครว่ามา ตนไม่เคยมีความสุขเลยตราบใดที่ประเทศยังเป็นแบบนี้อยู่ เรื่องการเมืองอย่าทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไม่ได้
โต้เลิกเกณฑ์ทหารขาดการมีส่วนร่วม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ รณรงค์เสนอ พ.ร.บ.รับราชการทหารให้ใช้ระบบการสมัครใจแทนการเกณฑ์ทหารว่า อยากให้มองว่าทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการเกณฑ์ทหาร ถ้าเสนอมาแบบนี้แล้วจะตอบได้อย่างไรว่า การมีส่วนร่วมและความมั่นคงของประเทศอยู่ตรงไหน เพราะเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน ไม่ใช่ทุกคนต้องมาเป็น เพียงแค่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินไว้ แต่ละคนยังมีทางเลือกอีก ปัจจุบันยอดความต้องการทหาร 1 แสนกว่านาย มีประมาณ 20-30% สมัคร ที่เหลือจับใบดำ-ใบแดง สิ่งเหล่านี้คือการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ถ้ายกเลิกอันตรายจะเกิดขึ้น ใครจะมาทำหน้าที่ป้องกันประเทศ ที่สำคัญต้องฝึกการสู้รบ ต้องคัดคนที่มีจิตใจรุกรบ คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องมา ต่อสู้กันในขณะนี้ เป็นการรณรงค์ในสิ่งที่ผิด
วอนหยุดขัดแย้งสร้างปัญหาใหม่
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมคณะ กรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ก่อนแถลงภายหลังการประชุมว่า วันนี้ขอทุกคนร่วมมือทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทำงานเพื่อประเทศชาติ สถานการณ์ปัจจุบันทุกคนทราบดีตนกำลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจอยู่ถือเป็นสิ่งเร่งด่วน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน ปัญหาที่มีเป็นร้อยทยอยแก้ไป ดังนั้น อย่าไปสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก เพราะถ้ายังขัดแย้ง บิดเบือน ออกมาตรการอะไรมาก็แก้ไม่ได้
“บิ๊กตู่” ยืนยันไม่ให้สิ่งที่ทำมาเสียเปล่า
เมื่อเวลา 18.40 น. ที่ห้องคริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก อะลักซ์ซูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards และรางวัล SMEs Excellence Award 2019 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานรางวัลแก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศทางด้านการบริหารจัดการสาขาต่างๆ นายกฯกล่าวว่า ตนทำงานอย่างหนัก ในการปกครองประเทศ ทุกวันนี้รัฐบาลพยายามปรับปรุงทุกอย่าง ทุกคนต้องเชื่อมั่นว่าประเทศไทยไปได้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครไม่ดีจริงอยู่ไม่ได้ ตนเชื่ออย่างนั้นและไม่อยากให้การทำงานที่ผ่านมาเสียเปล่า
ชี้ไม่ว่าพรรคไหนร่วมกันแล้วคือ รบ.
นายกฯกล่าวว่า ให้ทุกคนช่วยกันคิด ใครที่มีความสามารถมาเป็นผู้นำได้ ตนไม่ได้ต้องการจะบอกว่าเก่งอยู่คนเดียว ไปต่างประเทศเขาจะชื่นชมประเทศไทยทุกครั้ง ไม่ได้พูดเพราะปากหวาน แต่พูดเพราะความจริงใจ ตรงกันข้ามในประเทศเราบางคนตื่นมาโพสต์ด่าแล้ว แต่ตนไม่สนใจ จึงอยากฝากทุกคนพูดแต่สิ่งดีๆรวมถึงเรื่องการเมือง และให้เกียรติประชาชน เพราะประชาชนเลือกมา อย่าลืมดูแลสังคมด้วย มากล่าวหาว่าตนทำประเทศแย่ลง อยากให้ทุกคนไปทบทวนก่อนตนเข้ามาประเทศแย่อย่างไร ชีวิตตนเป็นนายกฯไม่ได้สบาย แต่ขอทำเพื่อทุกคน แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจใครก็ขอโทษด้วย ใครไม่รักหรือไม่ชอบตนก็ขออภัยเช่นกัน แต่ก็ขอให้ทุกคนรักประเทศและประชาชน และขอให้ภาคธุรกิจไปดูแลราคาสินค้าเพื่อช่วยประชาชน อย่ามุ่งแต่เอากำไรอย่างเดียว ปัญหาทางการเมืองทุกคนต้องรวมหัวกันคิดแบบที่ตนคิด ไม่ว่าจะพรรคไหนเมื่อมาอยู่ร่วมกันก็ต้องทำแบบที่ตนคิด แม้พรรคก็คือพรรค แต่รัฐบาลคือรัฐบาล และนโยบายรัฐบาลที่ทำอยู่ตอนนี้มาจาก ครม.เท่านั้น ครม.ที่ทุกพรรคต้องทำงานร่วมกัน และทยอยทำแต่ละเรื่องออกมา ทำพร้อมกันทั้งหมดไม่ได้ เพราะมีเงินอยู่จำกัด