“อลงกรณ์” แนะ รบ.คิกออฟ ระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก “ดับบลิวอีซี” คู่ขนาน อีอีซี สร้างสมดุลการพัฒนาประเทศ เพิ่มศักยภาพใหม่ ไทยแลนด์ 4.0 เสนอ เมกะโปรเจกต์ “วิสัยทัศน์ 2025” เปิดประตูตะวันตก ดันไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกอาหารท็อปเทนของโลก
วันที่ 11 พ.ย. นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ และที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีจัดการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ว่า เป็นการประชุม ครม.สัญจรภาคตะวันตกที่ จ.กาญจนบุรี เป็นครั้งแรก เป็นโอกาสดีที่สุดที่รัฐบาลควรประกาศคิกออฟเดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก (Western Economic Corridor:WEC) เพื่อให้เป็นโครงการพัฒนาระดับเมกะโปรเจกต์คู่ขนานกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) เพื่อให้เกิดความสมดุลใหม่ของการพัฒนาประเทศ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันบนศักยภาพของประเทศ และควรจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมารับผิดชอบเพื่อขับเคลื่อนโครงการโดยตรง
ทั้งนี้ ตนได้เสนอคอนเซ็ปต์เปเปอร์ “วิสัยทัศน์ 2025 และโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก” ของพรรคประชาธิปัตย์ต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เพื่อพิจารณาและเสนอ ครม.ต่อไปในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์ ริเริ่มและสนับสนุนดับลิวอีซีตลอดมา โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และการเปิดด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี เชื่อว่าวิสัยทัศน์ 2025 จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศซึ่งต้องร่วมมือกันทุกภาคีภาคส่วนช่วยกัน ด้วยศักยภาพของประเทศไทยความเป็นฮับด้านเกษตร อาหาร การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ เป็นแนวทางการพัฒนาแบบยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อให้เกิดความสมดุลใหม่ของการพัฒนาประเทศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันบนศักยภาพของประเทศภายใต้เป้าหมายและวิสัยทัศน์ระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก หรือ WEC 2025 คือ 1.ฮับโลจิสติกส์ เชื่อมไทยเชื่อมโลกด้วยการเปิดประตูตะวันตกสู่มหาสมุทรอินเดีย 2.ฮับเกษตรและอาหารของโลกสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกท็อปเทนของโลก 3.ฮับอีโคทัวริซึ่มของโลกด้วยคอนเซ็ปต์ “ทั่วโลกเที่ยวไทย”
ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันตกและภาคกลางตอนบน-ตอนล่าง 13 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี อยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท และอุทัยธานีเพื่อเป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษแนวใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ของไทยของอาเซียนและของโลก
...
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มีโครงการหลักในการพัฒนา 10 โครงการเมกะโปรเจกต์ 1.โครงการประตูตะวันตก (Western Gateway)โดยยกระดับสถานภาพและศักยภาพของใหม่จังหวัดกาญจนบุรีเป็น “ประตูตะวันตก” หรือเกทเวย์ใหม่ของประเทศไทยสู่มหาสมุทรอินเดียและโลกตะวันตก. 2.เร่งรัดการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย ถนนกาญจนบุรี-ทวาย และเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3.โครงการพัฒนาโลจิสติกส์และการค้าการท่องเที่ยวรอบอ่าวเบงกอล 9 ประเทศ 4.โครงการพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวและประมงมะริด-สิงขร 5.โครงการท่าเรือขนส่งและท่องเที่ยว(เพชรบุรี/ประจวบคีรีขันธ์-ระยอง)เชื่อม WEC กับ EEC
6.โครงการสนามบินใหม่นานาชาติกำแพงแสน โครงการสนามบินแก่งกระจานและสนามบินกาญจนบุรีเพื่อเป็นฮับการบินในภาคตะวันตก 7.โครงการรถไฟความเร็วสูงโครงการรถไฟ 4 รางทางคู่ และโครงการมอเตอร์เวย์ 8.โครงการถนนเครือข่ายตะวันตก (Western SuperHighway Network)โดยพัฒนาทางหลวง3510 เป็นซูเปอร์ไฮเวย์หลักของภาคตะวันตกเชื่อมโครงข่ายทางหลวงเอเชียหมายเลข1(AH1)-หมายเลข2(AH2) เชื่อมโครงข่ายถนนเพชรเกษมและระบบทางหลวงแผ่นดิน เชื่อมถนนพระราม2 (โครงการ 4 แยกวังมะนาว) เชื่อมโครงข่ายมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรีและนครปฐม-ชะอำ 9. โครงการศูนย์กลางเกษตรอาหารโลก ประกอบด้วยโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis), AgriTech innovation Park, ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AgriTech Innovation Center ) เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคบริการการท่องเที่ยวเชิงเกษตร(Eco&AgriTourism SEZ), world Seafood Hub และโครงการนิคมอุตสาหกรรมเกษตร 4.0(AgroIndustry4.0) และ 10.โครงการพัฒนาเครือข่ายถนนทะเลตะวันตก (Western Sea Belt Road) เพื่อการท่องเที่ยวเลียบทะเลอ่าวไทยตะวันตก-อันดามัน. ทั้งนี้ จะต้องมีการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตกดำเนินโครงการตาม กรอบเวลาของแผนพัฒนาWEC ปีงบประมาณ พ.ศ.2563-2568 (ค.ศ.2020-2025) โดยจะสร้างงานสร้างอาชีพใหม่ 100,000 อัตรา มีการลงทุนใหม่ 500,000 ล้านบาท และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2 ล้านล้านบาท