“พิชัย” ชี้ “บิ๊กตู่” ไร้ผลงานอะไร ฐานะประธานอาเซียน ชี้ ปัญหาไทยมากขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด แนะ 3 เรื่อง ให้บิ๊กตู่นำไปเสนอ เย้ย ไม่เช่นนั้น พอเวียดนามเป็นประธาน อาจเห็นความแตกต่างชัด  

วันที่ 5 พ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ได้มีการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไป จึงอยากให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียนที่ประเทศไทยไม่ได้มีโอกาสบ่อยนัก ได้สร้างผลงานให้กับอาเซียนบ้าง เพราะยังไม่มีผลงานอะไรที่คนจดจำได้เลย อย่าทำเหมือนที่เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย มากว่า 5 ปี แต่ไม่มีผลงานอะไรเลย ทำทุกอย่างเพื่อต้องการรักษาตำแหน่งเหมือนที่สื่อหลักต่างประเทศพากันวิจารณ์

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าปัจจุบันไทยมีปัญหาอย่างมากในหลายด้าน เช่น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่ำที่สุดในอาเซียนหลายปีติดกัน คุณภาพของการศึกษาของไทยอยู่ลำดับท้ายๆ ไทยมีความเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก อันดับความสามารถแข่งขันของไทยลดลง ไทยถูกสหรัฐฯ ตัดจีเอสพี ไทยยังไม่ได้เซ็นข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้าหลัก ไทยยังไม่สามารถพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีระดับยูนิคอร์นให้เกิดขึ้น ปัญหาระดับฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับสูง ไทยมีปัญหากดขี่ผู้เห็นต่าง และไทยยังตอบสังคมโลกเรื่องรัฐมนตรีเกี่ยวข้องยาเสพติดไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งดูเหมือนกับว่า พลเอกประยุทธ์ ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จึงไม่รู้จะเอาปัญญาที่ไหนไปพัฒนาอาเซียนในฐานะประธานได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำ 3 เรื่องหลัก เพื่อให้พลเอกประยุทธ์เสนอต่อกลุ่มประเทศอาเซียนได้พิจารณาดังนี้

1. การตั้งกองกำลังทหารร่วมอาเซียน (Asean Joint Armed Forces) ในฐานะที่พลเอกประยุทธ์เคยเป็นผู้นำทางทหารและต่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว. กลาโหม และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ย่อมทราบดีว่า ค่าใช้จ่ายทางการทหารแต่ละปีของแต่ละประเทศในอาเซียนมีปริมาณสูงมาก การจัดตั้งกองกำลังทางทหารร่วมของอาเซียนจะช่วยลดและประหยัดงบทางทหารของแต่ละประเทศได้อย่างมาก ซึ่งจะทำให้แต่ละประเทศมีงบประมาณเหลือเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้อาเซียนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น อีกทั้งการจัดตั้งกองกำลังร่วมจะช่วยกระชับความสัมพันธ์และเพิ่มความสามัคคีในกลุ่มประเทศอาเซียน และเป็นการแก้ปัญหาพรมแดนของแต่ละประเทศให้หมดไป กลายเป็นประเทศอาเซียนร่วมกัน ซึ่งก็จะทำให้ไทยสามารถลดงบประมาณด้านการทหารที่เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ได้มาก

...

2. การร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ของกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเปิดโอกาสให้บริษัทเทคโนโลยีระดับยูนิคอร์นของกลุ่มประเทศในอาเซียนสามารถเข้าสู่ตลาดของอาเซียนได้ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการขยายตลาด และเพิ่มศักยภาพของบริษัทยูนิคอร์นของอาเซียนในการพัฒนาแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศมหาอำนาจได้ อีกทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ต่อไปได้อีกในอนาคต ทั้งนี้รัฐบาลไทยเองก็ต้องเร่งส่งเสริมให้มีการพัฒนาบริษัทยูนิคอร์นของไทยให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้กลุ่มอาเซียนควรจะร่วมกันพิจารณาออกเงินสกุลคริปโตของอาเซียนเอง ที่อาจใช้ชื่อว่า Asean coin เพื่อถ่วงดุลและแข่งขันกับเงินสกุล ลิบร้า ของเฟซบุ๊ก และเงินสกุลคริปโตของจีน และของประเทศอื่นๆ ได้

3. ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำถึงขนาดถดถอยได้ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า กลุ่มประเทศอาเซียนควรจะต้องร่วมกันคิดเพื่อออกมาตรการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไร การขยายการค้าและความร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์ แม้กระทั่งการพัฒนาเงินสกุลคริปโตของอาเซียนตามที่กล่าวมาแล้วให้มาเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนประเทศในกลุ่มสมาชิกให้สามารถรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังจะย่ำแย่ในอนาคตได้

"3 แนวคิดนี้ พลเอกประยุทธ์ ควรจะได้นำไปพิจารณาเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นและผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ก่อนที่จะส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับประเทศเวียดนาม เพราะหากความเป็นประธานอาเซียนของไทย โดยพลเอกประยุทธ์ ได้สิ้นสุดสมัยในปลายปี จะไม่มีใครจำได้เลยว่า พลเอกประยุทธ์ ได้ทำอะไร หรือได้เสนออะไรไว้ให้กับอาเซียนบ้าง และเมื่อประเทศเวียดนาม เสนอแนวคิดในการพัฒนาอาเซียนที่ดีเหมือนกับที่ได้พัฒนาประเทศเวียดนามที่ก้าวกระโดด ประชาคมโลก จะเห็นความแตกต่างในความสามารถของผู้นำของสองประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ความเป็นประธานอาเซียนของไทยสูญเปล่าโดยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย" อดีตรมว.พลังงาน กล่าว...