อัยการสั่งไม่ฟ้อง อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เอี่ยวคดีฟอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ร่วมกับ ศุภชัย ศรีศุภอักษร แต่ดีเอสไอมีสิทธิ์ทำความเห็นแย้งส่งไปที่ อสส.ชี้เป็นเด็ดขาด จะฟ้องหรือไม่
วันที่ 31 ต.ค. เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า กรณีที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหา นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ร่วมกันกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น ทำการฟอกเงิน ผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทางอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้พิจารณาสำนวนแล้วได้มีความเห็นเสนอไปยัง นายธนวรรษ ว่องไวทวีวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งในขณะนั้นรักษาการอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษว่า โดยเสนอสั่งไม่ฟ้องนายอนันต์ ซึ่งทางนายธนวรรษได้เห็นพ้องด้วย สั่งไม่ฟ้องนายอนันต์ โดยในขณะนี้สำนวนได้ถูกส่งกลับไปยังอธิบดีดีเอสไอเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนต่อไป อธิบดีดีเอสไอก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง ถ้าอธิบดีดีเอสไอเห็นพ้องกับทางอัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีก็จะยุติ แต่ถ้ามีความเห็นแย้งยืนยันควรฟ้องคดี (คล้ายกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 145 ที่ให้ ผบ.ตร.ทำความเห็นแย้ง) ซึ่งท้ายสุดตามกฎหมายสำนวนก็จะถูกส่งไปที่ นายวงศ์กุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด เพื่อชี้ขาดคดีว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ คำสั่งของ อสส.จะเป็นที่สุด
...
นายประยุทธ กล่าวต่อถึงเหตุผลที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องว่า เท่าที่เปิดเผยได้โดยไม่กระทบสำนวนที่ยังไม่เสร็จสิ้น ว่า คดีนี้เกิดจากการที่นายศุภชัยถูกกล่าวหาว่ามีการถ่ายโอนเงินจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น โดยในภาพรวมเป็นการซื้อที่ดินทั้งหมด 3 แปลงจากบริษัทแห่งหนึ่ง โดยบริษัทดังกล่าวได้มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน 3 แปลงที่ถูกกล่าวหาว่านำเงินสหกรณ์ฯ คลองจั่น มาซื้อในราคา 1 พันล้านบาท และได้มีการวางมัดจำเบื้องต้น 321 ล้านบาท แล้วที่เหลือจะมีการผ่อนต่อ แต่ปรากฏว่า นายศุภชัยไม่ชำระที่เหลือ ซึ่งที่ดินที่พิพาทดังกล่าวเป็นที่ดินที่ถูกบริหารจัดการภายใต้โครงการฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลของบริษัทดังกล่าว และมีการถูกเจ้าหนี้ทวงถาม จึงมีการนำที่ดินไปขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ทำให้นายศุภชัยยื่นฟ้องบริษัทดังกล่าวเป็นคดีแพ่ง เพื่อบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขาย สุดท้ายศาลแพ่งได้ให้มีการประนีประนอม และมีคำพิพากษาตามยอมของคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย โดยให้บริษัทฯ โอนเงิน 321 ล้านบาทคืนให้กับนายศุภชัย เท่ากับว่าที่ดินแปลงนี้ไม่เคยโอนไปยังนายศุภชัย เงินสหกรณ์ฯ คลองจั่น ที่นำมาซื้อที่ดินก็ได้โอนกลับคืนไปครบถ้วน
ซึ่งต่อมาได้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือจนจนมาถึง นายอนันต์ และนายอนันต์มีการบริจาคเงินบางส่วนให้กับทางวัดพระธรรมกาย จนมาถูกกล่าวหาว่าร่วมกับนายศุภชัยฟอกเงิน ตรงนี้ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษจึงพิจารณาว่า ถ้าได้ความแบบนี้ก็ไม่ใช่การสมคบกับนายศุภชัยฟอกเงิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอนันต์ไม่มีการรับรู้เรื่องที่ดินระหว่างนายศุภชัยกับบริษัทดังกล่าวจริงหรือไม่
นายประยุทธ ตอบว่า จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ พิจารณาเท่ากับว่า การทำสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างนายศุภชัยกับบริษัทฯ 3 แปลง 1 พันล้านบาท นายอนันต์จึงไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น และประเด็นสำคัญในการประนีประนอมยอมความ คือ การคืนเงินทุกบาทให้กับสหกรณ์ฯ คลองจั่น เท่ากับว่าที่ดินแปลงนี้ไม่เคยเป็นของนายศุภชัยและสหกรณ์ฯ คลองจั่น ข้อเท็จจริงในสำนวนเฉพาะคดีนี้สหกรณ์ฯ คลองจั่น ไม่เกิดความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น.