เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเป็นประธานพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนใน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระหว่าง ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา วงเงินลงทุน 2.4 แสนล้านบาท โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย และ บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด หรือ กิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง และพันธมิตร หลังจากที่มีปัญหาในรายละเอียดบางประการ

ในภาพรวมที่ไม่เกี่ยวกับ วิธีการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ข้อต่อรองต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการ การส่งมอบพื้นที่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นเครื่องมือสุดท้ายที่จะชุบชีวิตโครงการเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ให้ไปต่อ

และ โครงการอีอีซี ก็คือ เส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะการส่งออก การขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ การเจริญ เติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ต่ำที่สุดในย่านนี้ เมื่อเทียบกับ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย โดยเฉพาะ สิงคโปร์ ไม่ต้องไปพูดถึง

การดึงเม็ดเงินลงทุน และการสร้างงานในประเทศจึงเป็นทางออกสุดท้ายของประเทศ แต่การจูงใจให้นักลงทุนเชื่อมั่นต่อการลงทุนในยุค สงครามการค้าโลก เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

เพราะฉะนั้น ถ้า อีอีซี เจ๊งก็เท่ากับเศรษฐกิจประเทศ เจ๊ง ตามไปด้วย เป็นเดือดเป็นร้อนให้ทีมเศรษฐกิจที่มีรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต้องโรดโชว์ เดินสายสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของประเทศ

เป้าหมายใหญ่คือ จีนและฮ่องกง ในตอนหนึ่งของการปาฐกถาในเวทีเศรษฐกิจที่ฮ่องกง รองนายกฯสมคิด ย้ำว่า อีอีซี จะเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมและศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอนุภูมิภาคนี้ในอนาคต เพราะในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ไทยเป็นจุดแข็งที่ สร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ในทุกมิติกับมิตรประเทศใน CLMVT ที่ประกอบไปด้วยลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชาและไทย

...

มีการกำหนดกรอบความร่วมมือและแผนแม่บทที่จะพัฒนาร่วมกัน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งและด้านทรัพยากรมนุษย์ ในปี 2022 CLMVT จะก้าวสู่การเป็นอนุภูมิภาคที่รวมกันเป็นหนึ่งทางเศรษฐกิจ

แน่นอนว่า ใน ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ที่ว่า ย่อมมีการเชื่อมโยงระหว่าง CLMVT และ GBA หรือ โครงการ กวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า เกรทเทอร์เบย์ แอเรีย เข้าด้วยกัน

ภายใต้ ยุทธศาสตร์จีน ที่ต้องการใช้ มาเก๊า และ ฮ่องกง เป็นหัวหอกทางเศรษฐกิจ การลงทุน และภายใต้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย ที่ยังเชื่อมโยงกับ มิตรแท้ อย่าง จีน ภายใต้วิธีการสร้างวิกฤติให้เป็นโอกาส

น่าจะเป็นโอกาสเดียวของประเทศไทยที่จะเข้าสู่ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้านหนึ่งคือ เศรษฐกิจ ด้านหนึ่งคือ ความมั่นคง การเชียร์การตัดสินใจในการแก้วิกฤติของ Carrie Lam ก็เท่ากับการประกาศความชัดเจน ที่หมากเกมนี้ได้ใจ และพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ได้ทั้งการลงทุนและตบหน้าการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม.

หมัดเหล็ก