"บิ๊กตู่" จี้ที่ประชุมอีอีซี วางกรอบส่งมอบที่ดินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินให้จบ ด้าน รฟท.เตรียมส่งหนังสือถึง "กิจการร่วมค้าซีพี" ลงนามทำโครงการ 15 ตุลาคมนี้ พ่วงสัญญาส่งมอบพื้นที่ใน 1 ปี ด้าน"ศักดิ์สยาม"โวหากทำสำเร็จ ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ "นายกฯ" เทียบสมัย "ป๋าเปรม" มี "อีสเทิร์นซีบอร์ด"
เมื่อวันที่ 30 ก.ย.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ กพอ. โดยที่ประชุมรับทราบการวางกำหนดการส่งมอบที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งพร้อมส่งมอบที่ดินแล้ว 72% นอกจากนั้นยังเห็นชอบให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการรื้อย้ายท่อก๊าซยาว 12 กิโลเมตรยกเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 16 จุด ส่วนกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดย้ายท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ 4 จุด ย้ายเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 14 กิโลเมตร ยกเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 39 จุด ย้ายท่อประปาขนาดใหญ่ยาว 2 กิโลเมตร
ขณะที่กระทรวงคมนาคมโดย รฟท. ใช้สิทธิ์เร่งรัดให้ย้ายท่อน้ำมันของบริษัทเอกชนระยะทาง 44 กิโลเมตร รวมทั้งเร่งรัดพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน พ.ศ. .. ซึ่งจะทำให้การส่งมอบพื้นที่โครงการเป็นไปตามแผนงานและโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตามเป้าหมาย
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าการส่งมอบที่ดิน จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 ปี ที่กำหนดไว้ นอกจากการแก้ปัญหาพื้นที่ถูกบุกรุกแล้ว ยังมีสาธารณูปโภคใต้ดิน ที่ต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาดำเนินการจัดทำแผนรื้อถอนร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง กทม. ภาคเอกชน โดยภายในสัปดาห์นี้จะเชิญมาหารือทั้งหมด เพื่อกำหนดแผน และไทม์ไลน์ทั้งหมด ซึ่งได้นำเสนอให้ทาง กพอ.รับทราบแล้ว พร้อมทั้งจะมีการเร่งรัดตัวร่าง พ.ร.ฎ.ที่ดิน
...
ด้าน นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการ กพอ. ยืนยันว่า รฟท.ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ แต่เป็นห่วงพื้นที่ของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุม กพอ. ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไปจัดทำแผนร่วมกับการรถไฟให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ข้อสรุป รวมทั้งให้พิจารณาเรื่องงบประมาณในการดำเนินการ หลังจากนั้นเตรียมพูดคุยกับภาคเอกชนให้รับทราบถึงการส่งมอบพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 15 ตุลาคมนี้
สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก นายคณิต เปิดเผยว่า ศาลปกครองเห็นตามคณะกรรมการคัดเลือกและมติอุทธรณ์ของ กพอ.ไม่รับเอกสาร 2 กล่อง (กล่องข้อเสนอแผนธุรกิจ และกล่องข้อเสนอผลตอบแทนทางการเงิน) ของกลุ่มกิจการร่วมค้าธนโฮลดิ้ง ซึ่งบริษัทฯ ได้ไปยื่นคำร้องกับศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคัดเลือกจะดำเนินการต่อโดยกำหนดพิจารณาเอกสารทางเทคนิคให้จบภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2562 และเปิดซองการเงินเพื่อหาผู้เข้าเจรจาสัญญา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2562
ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบกับผลการเจรจาภายใต้กรอบเอกสารเชิญชวนเอกชนลงทุน (RFP) และออกหนังสือนัดบริษัทผู้ว่าจ้างมาลงนาม ซึ่งจะมีเงื่อนไขว่า การส่งมอบพื้นที่จะเป็นอย่างไร ปีแรกทันทีที่ลงนาม 70 เปอร์เซ็นต์ทำได้เลย หลังจากนั้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการโยกย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งมีเวลาให้ 18 เดือน ต้องแจ้งมาว่าจะทำเสร็จหรือไม่เสร็จอย่างไร แต่ถ้าไม่เสร็จ เราก็เปิดโอกาสให้ขยายเวลา โดยไม่มีการให้ชดใช้เงิน แต่พยายามจะทำให้จบ และเรื่องนี้ต้องทำทันที โดยบอร์ดเล็กของเรื่องนี้จะทำหน้าที่กำกับดูแล ซึ่งความจริงเขาก็คุยกันมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นทางการ ทั้งนี้ หลังจากที่กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) เขาประมูลได้ เขาก็ต้องรับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเอง ซึ่งเป็นไปตามที่ RFP กำหนด
เมื่อถามว่า ตกลงเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่มีอะไรแล้ว ต้องรอดูวันที่ 15 ตุลาคม ที่ CPH จะมาลงนามเซ็นสัญญา เมื่อถามว่าจะไม่มีอะไรที่จะมาทำให้การลงนามล่าช้าออกไปอีกใช่หรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เราได้เจรจาตามกรอบ RFP ครบถ้วนแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ว่าจ้างต้องออกหนังสือลงวันที่ในวันที่มาลงนามสัญญา ซึ่งเป็นหลักปกติในการดำเนินการกับรัฐ
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีกังวลอะไรในเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า นายกฯ เพียงแต่บอกว่า ให้ไปดูให้ดีว่าแผนที่จะให้มีการส่งมอบพื้นที่ขอให้ดำเนินการที่จะไม่ให้เป็นภาระของเอกชน แต่ขณะเดียวกันถ้ามีข้อจำกัดจริงๆ เราก็ขยายเวลา ไม่ปรับ เมื่อถามว่า เรื่องนี้ดูแล้วรัฐบาลพยายามอำนวยความสะดวกให้เอกชนเต็มที่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ความจริง รัฐบาลอยากให้เรื่องนี้สำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนี้ แต่ทุกเรื่องที่อยู่ในพื้นที่อีอีซี ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความมั่นใจได้ และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญของประเทศไทย และหากโครงการนี้สำเร็จก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของนายกรัฐมนตรี หากเปรียบเทียบดูในสมัยรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จะมีโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด แต่สมัยนี้จะมีโครงการอีอีซีที่ถือเป็นผลงานของนายกรัฐมนตรี.