ผลพวงจากการเดินทางไปร่วม ประชุมสหประชาชาติครั้งที่ 74 ที่ มหานครนิวยอร์ก ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา แตกประเด็นกลายเป็นหัวข้อทางการเมืองหลายเรื่องด้วยกัน อาทิ เรื่อง การอนุมัติซื้อรถเกราะล้อยาง และ ฮ. จากสหรัฐฯ มูลค่านับหมื่นล้านของกองทัพก่อนที่จะลุกลามเป็นการเมืองภายใน สิ่งที่ผู้เล่นจะต้องคำนึงถึงคือผลกระทบที่จะเกิดกับประเทศและประชาชนคนไทยในระยะยาว

โดยเฉพาะการหยิบยกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จ้างล็อบบี้ยิสต์ เพื่อต้องการทำลายประเทศหรือดิสเครดิตผู้นำประเทศ ผลที่
จะตามมาคือ การเมืองในประเทศ ที่จะต่อความยาวสาวความยืดเพิ่มปมความขัดแย้งอีกมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะคำว่า คนไทยหรือเปล่า หรือ จ้างคนต่างชาติมาประท้วง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนเพราะที่มาประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ ในระหว่างทำหน้าที่ในสหรัฐฯ จำนวนนั้นมี คนไทย อยู่ด้วย

คำว่า ล็อบบี้ยิสต์ โดยเฉพาะการเดินทางไปพบปะกับองค์กรขนาดใหญ่ ผู้นำองค์กร หรือภาครัฐของประเทศต่างๆในสหรัฐฯ ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ เอาเฉพาะเมืองไทย ทุกรัฐบาล ทุกผู้นำ ที่จะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ต้องจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำงานทั้งนั้น จะสุ่มสี่สุ่มห้าขอเข้าพบเป็นเรื่องลำบาก

เพราะฉะนั้นบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในต่างประเทศจึงได้รับความนิยมให้ทำการประสานงานเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการทำงาน มีคนไทยที่ไปอาศัยอยู่ในสหรัฐฯได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ประสานงานหรือล็อบบี้ยิสต์ หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาและเป็นที่รู้จักกันดี

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เอง ก็เคยใช้บริการ รัฐบาลก่อนหน้านี้ก็ใช้บริการเพราะจะง่ายกว่าที่จะใช้หน่วยงานของรัฐในการประสานงาน เพียงแต่ว่าจุดประสงค์ของการจ้างล็อบบี้ยิสต์เพื่ออะไร เพื่อธุรกิจ เพื่อการเจรจา เพื่อความสัมพันธ์ปกติ หรือเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งส่วนใหญ่การทำงานจะเป็นที่เปิดเผย

...

อย่างไรก็ตาม หากไม่นำมาขยายผลเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองกันภายใน เรื่องก็จะจบไปเพียงแค่นั้น เช่นยุคหนึ่งก็มีการกล่าวหากันว่ามีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ไปฟ้องศาลโลก สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตอนนี้ พรรคอนาคตใหม่ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลยตกเป็นจำเลยสังคม ด้วยข้อหาว่า จ้างคนต่างชาติมาประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในระหว่างเข้าร่วมประชุมยูเอ็น ต้องการป่วนผู้นำประเทศ ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง ทำนองชักศึกเข้าบ้านอะไรประมาณนั้น

ผลที่เป็นรูปธรรม คงเอาผิดอะไรใครไม่ได้ แต่ผลทางการเมือง ที่คิดว่าจะสกัดดาวรุ่งได้เป็นเรื่องที่น่าคิดเพราะต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนรวม หรือส่วนตัว ก็จะถูกเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมืองทุกเรื่อง

การพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวหรือการนำความจริงเพียงครึ่งเดียวมาเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ให้ข้อมูลแบบผิดๆ สร้างความเชื่อแบบผิดๆ ทุกลมหายใจมีแต่ความต้องการเอาชนะกันทางการเมือง

แล้วประเทศแล้วประชาชนจะเหลืออะไร.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th