(ภาพ) ธีรภัทร ประยูรสิทธิ


เมื่อเขียนถึงคนที่จากไปด้วยวิถีแห่งราชการแล้ว ก็สมควรมิใช่หรือในการต้อนรับขับสู้ผู้มาใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งสำคัญระดับปลัดกระทรวงที่พร้อมเข้ารับหน้าที่ลงมือทำงานตั้งแต่เวลา 08.30 น. วันนี้ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่

ปลัดคนแรกที่ควรแก่การกล่าวถึงเห็นจะไม่พ้นไปจาก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นข้าราชการพลเรือนหมายเลข 1 ของระบบราชการไทย ที่ไปร่วมงานไหนๆในราชการต้องเป็นคนแรกที่ยืนอยู่หัวแถว

หลังจาก ปลัดหญิง คือ นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ เกษียณอายุราชการจากตำแหน่งนี้ไปเมื่อเวลา 16.30 น. วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2562

3 ปีต่อจากนี้ไปภาระอันหนักหนาสาหัสก็จะตกอยู่บนบ่าของ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ตอนแรกไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาดำรงตำแหน่งนี้เพราะก่อนการแต่งตั้ง ปลัดธีรภัทร อยู่ในตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็นเวลายาวนาน 2 ปี พอดิบพอดี เนื่องจากถูกย้ายมาจากตำแหน่ง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ขึ้นมาได้ 2 ปีเศษอีกไม่กี่วัน ตั้งแต่ 18 กันยายน 2558 ถึง 30 กันยายน 2560

ปลัดธีรภัทร เติบโตมาในสายงานป่าไม้เพราะจบปริญญาตรีและปริญญาโททางวนศาสตร์ จากเกษตรบางเขน แถมยังได้ปริญญาเอกเป็นด็อกเตอร์จากมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา โดยเส้นทางในราชการที่สำคัญ เช่น หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมป่าไม้ และปลัดเกษตร ก่อนเจอวิบากกรรมในช่วงปี 60-62

...

แล้วรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานสายกฎหมายและสังคม คือ นายวิษณุ เครืองาม นั่นเองที่เป็นผู้เปิดประตูคืนความเป็นธรรมให้แก่ปลัดคนใหม่รายนี้

ปลัดคนต่อมาเวลาเขียนถึงตำแหน่งจะต้องจัดอยู่บรรทัดสุดท้ายของปลัดกระทรวงทั้ง 20 ทุกที เพราะชื่อกระทรวงขึ้นต้นด้วย อ.อ่าง พยัญชนะตัวรองสุดท้าย คือกระทรวงอุตสาหกรรม

คนที่ขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมรายใหม่ต้องเผชิญกับงานที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่งจากมาตรฐานที่ปลัดคนเก่า นายพสุ โลหารชุน สร้างไว้อย่างดีเยี่ยมแต่ก็คงไม่เกินความสามารถของ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ไปได้

ปลัดกอบชัย ดูท่าจะเป็น วิศวะขอนแก่น คนแรกกระมังที่ได้เป็นเบอร์หนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรม แถมยังได้ปริญญาโททางการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เข้าทำงานที่กระทรวงนี้ จนได้เป็น อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ในปี 2551 และพอ 11 ปีผ่านไปก็ได้เป็นปลัดกระทรวง และระหว่างนั้นได้เข้า วปอ.55 ต้องนับว่าไม่ธรรมดา

โดยเส้นทางที่สำคัญคือการเป็น ผู้อำนวยการสำนักเหมืองแร่และสัมปทาน กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่แต่ก่อนขึ้นอยู่กับกรมทรัพยากรธรณี และย้อนไปอีกในยุคโบราณคือกรมโลหกิจ

จากนั้นในปี 2555 ได้เป็นรองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 3 ปี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม 1 ปี เป็นรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 1 ปี เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 2 ปี ก็ก้าวถึงปลัด

อันที่จริงน่าจะเขียนถึงปลัดใหม่คนที่สามและสี่ ให้ครบถ้วนกระบวนความไปในวันเดียวกันเลย แต่เห็นว่าพื้นที่เหลือจำกัด
ก็เลยคิดว่าน่าจะใช้เวลานำเสนอในวันพรุ่งนี้น่าจะดีกว่า

ประกอบกับตำแหน่งปลัดใหม่รายที่ 4 คือ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นั้นจะรู้แน่ว่าเป็นใครก็ต้องรอภายหลังการประชุม ครม.วันนี้เสียก่อน จะได้เอามาแนะนำไปพร้อมๆกันเสียเลยดีไหม.

“ซี.12”