ผมควรจะเขียนถึงข่าวนี้ตั้งแต่เมื่อวาน เผอิญว่ารับปากทาง SCG ไว้ที่จะเขียนถึงเรื่องการสัมมนาเกี่ยวกับ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” เลยต้องขยับเรื่องนี้มาวันนี้แทน อาจจะไม่สดนักแต่ก็ยังไม่สายเกินไปครับ

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาระหว่างจีนกับสหรัฐฯ 2 คู่ปรับที่ทำสงครามการค้ากันมาอย่างดุเดือด และล่าสุดดูเหมือนจะมีการสงบศึกหันหน้ามาเจรจากัน

ที่ไหนได้พอถึงวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม จีนก็ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าที่มาจากสหรัฐฯ รวม 5,078 รายการ มูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอัตรา 5-10 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน และ 15 ธันวาคมนี้

ถ้าเป็นการสงครามจริงๆ ก็เหมือนกับเดินออกจากโต๊ะเจรจาแล้วยิงเข้าใส่อีกฝ่ายแบบเปรี้ยงๆๆทันที

ฝ่ายสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โกรธมากรัวทวิตเตอร์ตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ด้วยสำนวนที่ดุเดือดเลือดพล่าน

“ผมจะตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของจีนในช่วงบ่ายนี้...จีนขโมยเงินจำนวนมากมายไปจากสหรัฐฯปีแล้วปีเล่าเป็นเวลานานหลายทศวรรษ พฤติกรรมแบบนี้ควรต้องยุติลงเสียที”

“ผมบอกบริษัทอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ของเราไปแล้ว ว่าพวกเราต้องมองหาทางเลือกอื่นแทนจีนอย่างเร่งด่วน และถ้าเป็นไปได้คือการดึงบริษัทของพวกเราให้กลับบ้าน และกลับมาผลิตสินค้าต่างๆในอเมริกาของเรา”

เพียงเท่านี้ก็สะเทือนไปทั้งตลาดหุ้นนิวยอร์กโดยเฉพาะดาวโจนส์ร่วงเมื่อวันศุกร์ 623 จุด ปิดที่ 25,629 จุด แนสแด็ก ร่วง 240 จุด ปิดที่ 7,752 จุด และเอสแอนด์พี ก็ร่วง 76 จุด ไปปิดที่ 2,847 จุด

ในขณะที่ทองคำสะดุ้งด้วยความตกใจขึ้นพรวดวันเดียว 29 เหรียญต่อ 1 ออนซ์ ไปปิดที่ 1,538 เหรียญต่อ 1 ออนซ์

อีก 10 ชั่วโมงต่อมา ทรัมป์ก็เปิดเผยอีกครั้งว่ามาตรการรีดภาษี 25 เปอร์เซ็นต์ ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในปัจจุบันจะเพิ่มเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

...

ส่วนแผนรีดภาษี 10 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 กันยายน จะกลายเป็น 15 เปอร์เซ็นต์

ทรัมป์ระบุต่อท้ายด้วยว่านี่คือสิ่งที่จีนจะได้รับ เพราะ “จีนไม่ควรเก็บภาษีรอบใหม่ 75,000 ล้านเหรียญ จากสินค้าสหรัฐฯเลย...พวกเขาทำลงไปเพราะต้องการผลทางการเมืองโดยแท้”

ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ช่วงบ่ายๆวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค. บ้านเรา ตลาดหุ้นสหรัฐฯและทั่วโลกยังไม่เปิด จึงยังไม่ทราบว่าจะมีผลสืบเนื่องอะไรต่อมาอีกหรือไม่

กว่าต้นฉบับนี้จะได้ลงตีพิมพ์ก็วันอังคารที่ 27 ส.ค. แต่สำหรับท่านที่อ่านกรอบล่วงหน้า อาจจะได้อ่านตั้งแต่สายๆวันจันทร์กันแล้ว

อย่าลืมติดตามด้วยนะครับว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งบ้านเราด้วยในวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคมจะเป็นอย่างไร?

ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติ ก็โล่งใจไป แสดงว่าทั่วโลกไม่วิตกกังวลกับสงครามการค้ารอบนี้

แต่ผมเดาว่าน่าจะปั่นป่วนต่อจากวันศุกร์ละครับ เพราะเมื่อวันศุกร์ทรัมป์แค่ออกมาขู่และแสดงอารมณ์โกรธเท่านั้น หุ้นยังร่วงกราวไปเรียบร้อย

ดังนั้นเมื่ออีก 10 ชั่วโมงให้หลัง ทรัมป์มีประกาศออกมาอย่างเป็นรูปธรรมว่าจะรีดภาษีเท่านั้นเท่านี้ โดยเฉพาะบางตัวจะเริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้เลย มีหรือครับที่โลกจะไม่ป่วนต่อ?

ผมก็หวังว่าทีมเศรษฐกิจของบิ๊กตู่ท่านคงจะทราบแล้วและคงจะเตรียมตัวรับสถานการณ์กันแล้ว

ที่ผมหยิบมาเขียนวันนี้ไม่มีเจตนาจะให้ตระหนกตกใจ โดยเฉพาะพวกเราชาวบ้านธรรมดาขอให้ตั้งสติมั่น ติดตามข่าวต่างๆอย่างสงบ

หากผลกระทบของมันจะทำให้รายได้คนไทยหดหาย ตกงาน ฝืดเคือง ขายของไม่ออก เพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ขอให้ทำใจ

ทุกๆสงครามล้วนทำให้เจ็บปวดทั้งนั้นแหละ แต่สงครามเศรษฐกิจหรือสงครามการค้ายังดีกว่าสงครามจริงๆเยอะ

เพราะแค่เจ็บปวด แค่เดือดร้อน แค่เหน็ดเหนื่อย อดอยาก ยากจนลงเท่านั้น แต่ยังไม่ถึงกับเลือดท่วมท้องช้าง หรือ “ล้มตาย” กันเป็นเบือ แบบสงครามที่ถล่มกันด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์

คิดเสียอย่างนี้เถอะนะโยมจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง.

“ซูม”