“อุตตม” เร่งปฏิรูปโครงสร้างภาษีใน 3 เดือน สร้างความเท่าเทียม เตรียมหนุนลงทุนกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ - ด้านดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Bangkok Post Forum 2019 ในหัวข้อ “ทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่” ว่า ข้อดีของประเทศไทยคือการมีฐานะการคลังที่เข้มแข็ง ซึ่งสามารถรองรับปัญหาความผันผวนจากต่างประเทศได้ โดยขณะนี้ ไทยได้เตรียมมาตรการรับมือด้านเศรษฐกิจเอาไว้แล้วหากเกิดผลกระทบ จึงขอให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าไปได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ เศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งถือเป็นความท้าทายแท้จริงในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
“สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ คือ การเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันผ่านการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนด้านดิจิทัล ซึ่งจะต้องใช้งบมหาศาล ดังนั้น การลงทุนร่วมกับเอกชนจึงสำคัญ ขณะนี้กำลังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายการลงทุนในกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้น”
ส่วนเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมโดยการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนั้น เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำภายใน 3 เดือน โดยได้มอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ร่วมกับกรมจัดเก็บภาษี 3 แห่ง ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ร่วมกันศึกษาแนวทางเพื่อที่จะปรับปรุงและยกระดับระบบการจัดเก็บภาษี โดยยังสามารถรักษาวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยไว้ได้
“ระบบการจัดเก็บภาษีนั้น จะต้องเป็นระบบภาษีที่สร้างความเท่าเทียม ซึ่งไม่ใช่หมายถึงจ่ายภาษีเท่ากันทั้งหมด แต่ต้องเท่าเทียมตามความเหมาะสมของรายได้ประชาชน ทั้งในภาคอุตสาหกรรม บริการ และผู้ประกอบการเอกชน ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บนั้น จะเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นภาระให้กับผู้จ่ายภาษีน้อยที่สุด”
...
สำหรับภาษีในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะภาษีออนไลน์ ขณะนี้กฎหมายภาษีอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ที่จัดเก็บภาษีจากธุรกิจออนไลน์มีผลบังคับใช้แล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซรูปแบบอื่นๆ จากบริษัทขนาดใหญ่ของต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังดูว่าจะจัดเก็บภาษีอย่างไรได้บ้าง
“ถ้าอยากให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลจะต้องส่งเสริมสตาร์ทอัพ (Startup) หรือคนตัวเล็กให้สามารถลงทุนได้โดยง่าย และระบบภาษีที่กำหนดขึ้นมาจะต้องเป็นระบบภาษีที่เป็นธรรม ส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ของประเทศทั้งบุคลากรและเทคโนโลยี รวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย”