ยังไม่รู้ออกหมู่ออกจ่า...

นั่นเป็นสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่รู้ผลในบั่นปลายจะออกมาอย่างไร เพราะดูท่าว่าทุกหนทางจะตีบตันไปเสียหมด

ขนาดว่าระดับ “นายพล” อย่าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. (โจ๊ก หวานเจี๊ยบ) นายตำรวจคนดังแห่งยุคสมัย

“มือทำงาน” สำคัญของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านตำรวจทั้งระบบก็เรียบร้อยไปแล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งโยกย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จาก ผบช.สตม.ไปประจำ ศปก.ตร.

พูดง่ายๆถูกเด้งเข้ากรุเรียบร้อยไปแล้ว

ตอนแรกมีข่าวว่า ก.ตร.จะตั้งให้เป็นผู้บัญชาการประจำ สตช.ทำหน้าที่ประสานงานกับรองนายกฯประวิตร

ถ้าหากเป็นไปอย่างนั้นถือว่ายังไม่หนักหนาสากรรจ์เท่าใด

แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ได้ลงนามคำสั่ง ม.44 โอนย้ายขาดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี เทียบเท่าที่ปรึกษาพิเศษ โดย ครม.ได้มีมติอนุมัติตามคำสั่งดังกล่าว

อาชีพตำรวจที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างติดจรวดเป็นอันจบ

อีกทั้งได้มีคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้พ้นจากทุกตำแหน่งสำคัญในฐานะ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ครอบจักรวาลทั้งหมด

ว่าไปแล้วการทำหน้าที่ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในฐานะมือทำงานของ “บิ๊กป้อม” นั้นถือว่าได้สร้างผลงานเอาไว้ได้ดีพอสมควร

จนกระทั่งเกิดความผิดพลาดจนเป็นเหตุอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการโยกย้ายตำรวจ “ผิดฝาผิดฝั่ง”

...

ที่รู้กันดีมาตลอดก็คือ นอกเหนือจากทำหน้าที่ตามปกติแล้ว การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายตำรวจนั้น

“บิ๊กโจ๊ก” ล้วนมีส่วนสัมพันธ์และเกี่ยวข้องทุกครั้งในรัฐบาล คสช. ในฐานะผู้ทำบัญชีโยกย้ายแต่งตั้ง

ภารกิจนี้แหละใหญ่แค่ไหนเห็นจะไม่ต้องบอก

นอกจากผลงานในหน้าที่โดยตรงแล้ว การทำบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่สร้างให้ตัวเขาเป็นแบบ “ตำรวจเหนือตำรวจ”

การแต่งตั้งตำรวจในยุครัฐบาล คสช.นั้น มีตัวหลักๆเป็นผู้พิจารณาเพียงไม่กี่คน ซึ่งสังคมได้มีการวิพากษ์วิจารณ์แทบ
ทุกครั้ง

“หึ่งๆ” เรื่องเส้นสาย เล่นพรรคเล่นพวก ไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส

หนักไปกว่านั้นก็คือ จะต้องมี “ค่าตั๋ว” อีกต่างหาก...

เรื่องแบบนี้หากจะจับให้มั่นคั้นให้ตายก็ยากที่จะหาพยานหลักฐานมายืนยันได้ พอผลการแต่งตั้งผ่านพ้นไปก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆไป

นี่เป็นความข้องใจของสังคมไทย

ที่สำคัญก็คือ ผู้รับผิดชอบต่างก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง มโนกันไปเองไม่ได้คิดหรือรับผิดชอบในการตรวจสอบแต่อย่างใด

ถ้าจะบอกว่า สตช.กลายเป็น “แดนสนธยา” ที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปแตะต้อง เพราะในจำนวนผู้จัดทำบัญชีนั้นมีบุคคลสำคัญใกล้ชิดผู้มีอำนาจร่วมอยู่ด้วย

อย่าไปถาม “พี่ใหญ่” เขาล่ะ...เพราะคงไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย (ฮา)!!!

“สายล่อฟ้า”