“พิชัย” ชี้ หมดยุคเผด็จการ แนะ หน่วยงานราชการ องค์กรอิสระ กลับมารับใช้ปชช. เพื่อสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศ ซัดพาณิชย์ พูดความจริงส่งออกติดลบ 4.9% ไม่ใช่เป็นบวก 

วันที่ 8 เม.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า อยากขอเตือนให้หน่วยงานราชการและ องค์กรอิสระ ได้ปรับตัวรองรับประเทศที่เข้าสู่โหมดประชาธิปไตยแล้วหลังจากมีการเลือกตั้ง อย่าได้พยายามรับใช้เผด็จการอีก และต้องเลิกความคิดจะเป็นเผด็จการด้วย การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. จัดการเลือกตั้งแล้วเกิดปัญหา และความคลางแคลงใจมากมายในหมู่ประชาชนส่วนใหญ่ แต่กลับไปฟ้องร้องคนวิพากษ์วิจารณ์ กกต. ทำตัวเองเหมือนเป็น คสช. ที่คนแตะต้องไม่ได้นั้น ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

นายพิชัย กล่าวต่อว่า หาก กกต.ทำงานได้ดีไม่มีข้อผิดพลาดจำนวนมากเหมือนที่เป็นอยู่ คนวิพากษ์วิจารณ์ก็คงไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นอยากให้ กกต.ได้ปรับความคิดเลิกอิงแนวคิดเผด็จการ ยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์และหาทางปรับปรุงแก้ไข และสร้างความโปร่งใสเพื่อดึงความเชื่อมั่นกลับมา เพราะขณะนี้ความน่าเชื่อถือของ กกต. แทบจะไม่เหลือแล้ว และยังเที่ยวฟ้องร้องคนอื่นอีก ก็ยิ่งจะเสื่อมมากขึ้น นอกจากนี้ หน่วยงานราชการก็ต้องปรับความคิดเลิกรับใช้เผด็จการ และเลิกคิดแบบเผด็จการได้แล้ว การที่กระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชิญทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ ไปสังเกตการณ์ที่สถานีตำรวจเอง ก็ไม่ทราบจะแถลงทำไม ในเมื่อทูตจากประเทศต่างๆ เป็นห่วงระบบยุติธรรมของไทยและต้องการไปสังเกตการณ์ ไม่ว่าใครเชิญหรือไม่เชิญ ก็ไม่เห็นต่างกัน กระทรวงการต่างประเทศน่าจะสะท้อนความจริงว่า การที่ทูตจากประเทศต่างๆ ไปสถานีตำรวจ แสดงว่าพวกเขากังวลและไม่เชื่อมั่นระบบยุติธรรมของไทยใช่หรือไม่ และชี้แจงให้รัฐบาลและ คสช.เร่งแก้ไขภาพพจน์ดังกล่าว

...

"นอกจากนี้ การที่กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันว่าการส่งออกปีนี้จะโต 8% เพื่อสร้างเครดิตรัฐบาลและ คสช. ซึ่งเป็นไปแทบไม่ได้เลย เพราะการส่งออกติดลบติดต่อกันมา 4 เดือนแล้ว การแถลงข่าวของกระทรวงพาณิชย์ที่แจ้งว่า การส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัว 5.9% แทนที่จะบอกความจริงว่า การส่งออกติดลบ 4.9% แต่เพราะไปรวมการส่งคืนอาวุธยุทโธปกรณ์ของการฝึกคอบร้าโกลด์ด้วยจึงทำให้กลายเป็นบวก แต่ประเทศไม่ได้รับรายได้จริง ควรจะต้องเลิกทำได้แล้วแบบนี้ และที่สำคัญที่สุด กองทัพควรต้องวางตัวเป็นกลางไม่ใช่ออกมาสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สร้างความสับสนให้ต่างประเทศคิดว่า หากไม่ได้รัฐบาลตามที่กองทัพคาดไว้อาจจะเกิดการปฏิวัติได้ เรื่องเหล่านี้จะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของประเทศไทยต่อเนื่องไปอีก หลังจากที่ย่ำแย่กันมากว่า 5 ปีแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้มีการปรับความคิด และการปฏิบัติให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้โดยไม่สะดุดอีก" นายพิชัย กล่าว.