ตั้งใจจริง ทุกอย่างแก้ได้

ท่ามกลางความยินดีปรีดาของรัฐบาล คสช. ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ และ 2 รองนายกฯที่แก้ไขปัญหาได้อย่างลุล่วง

ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่เป็นรูปธรรม

เมื่ออียูได้ประกาศปลดล็อกจาก “ใบเหลือง” เป็น “ใบเขียว” ในภาคอุตสาหกรรมประมง ซึ่งประเทศมีปัญหาในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา

นับแต่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ถือเป็นปฏิกิริยาแรกที่หลายประเทศตอบโต้ไทยที่มีการปกครองในระบอบเผด็จการ ตามแนวคิดของประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย

เบื้องต้นมองกันว่าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ แต่ลึกๆแล้วต้องยอมรับความจริงกันว่าเกิดปัญหาขึ้นมาจริง

กิจการประมงของไทยถือว่ามีความสำคัญต่อรายได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะมูลค่านับเป็นแสนๆล้านบาท

เมื่อส่งสินค้าจากทะเลในรูปแบบต่างๆไปยังประเทศที่ต่อต้านรัฐบาลไทย ไม่ได้ทำให้ขาดรายได้จำนวนมหาศาล

เล่นเอาหน้ามืดกันไปตามๆ

ว่าโดยรวมแล้วทั้งการประมง เรือประมง แรงงานด้านประมง การทำลายสิ่งแวดล้อมที่หนักที่สุดก็คือถูกข้อหา “ค้ามนุษย์”

แน่นอนว่าเมื่อรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องสะสาง “ขยะใต้พรม” จึงเกิดผลกระทบต่อผู้ดำเนินกิจการด้านนี้ และชาวประมงอย่างจริงจังทำให้ผู้ประกอบการด้านนี้เกิดผลกระทบเป็นอย่างมาก

นอกจากจะต้องทำความเข้าใจและทะลุทะลวงเข้าถึงปัญหา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆต่อการแก้ไขหากไม่ทำกันอย่างเป็นระบบและจริงจัง

วันนี้ไม่มีทาง “ปลดล็อก” ได้

เพราะเมื่อเข้าไปจับต้องปัญหาทำให้เกิดความเดือดร้อนไปถ้วนทั่ว และมีปฏิกิริยาไม่พอใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

การ “ค้ามนุษย์” ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ สุดท้ายก็สามารถจัดการได้ด้วยความร่วมมือจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง

...

ปรากฏให้เห็นก็คือขบวนการค้ามนุษย์นั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายการประมง ผู้มีอิทธิพลระดับท้องถิ่น

มีผลประโยชน์มหาศาลจนสามารถจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดได้เป็นจำนวนมาก หากรัฐปล่อยเลยตามเลย ไม่เอาจริงเอาจัง

ไม่มีทางที่ไทยซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการปลดล็อกจากไอยูยู

เนื่องจากผลที่ออกมาอย่างนี้พลันก็มองเห็นตัวเลขการส่งออกสินค้าประมงมีตัวเลขให้เห็นชัดๆเลยว่าอย่างน้อยก็ 2 หมื่นล้านบาททันที

จากนี้ไปเชื่อว่ากิจการประมงน่าจะเจริญเติบโตไปข้างหน้า สามารถทำให้ธุรกิจด้านนี้มีรายได้ดีต่อรัฐ ผู้ประกอบการ เจ้าของเรือประมง ห้องเย็นพ้นจากอุปสรรคที่อึดอัดมากว่า 4 ปี

คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่ภาครัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็ตาม ที่จะต้องควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างนี้อีก

บรรดาผู้ประกอบการ เจ้าของเรือประมง หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการต่างๆจะต้องเข้าใจกันให้ถ่องแท้และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพราะเห็นแก่ประโยชน์ตนและพวกพ้อง

เจ้าหน้าที่รัฐก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทุจริตประพฤติมิชอบหากินกับความไม่ถูกต้อง ยิ่งการค้ามนุษย์นอกจากจะไร้มนุษยธรรมแล้ว ยังเอารัดเอาเปรียบอย่างน่าอนาถใจ

ไม่ต่างไปจาก “คนกินเนื้อคน” ที่โหดร้ายสิ้นดี.

“สายล่อฟ้า”