‘สมศักดิ์’ จองเก้าอี้เกษตร ลูกหาบคุยฟุ้งจะซื้อฮ.2ลำ เอาไว้บินไปตรวจราชการ

“บิ๊กตู่” เขินถูกเชียร์นั่งนายกฯต่อ ลั่นไม่ขอนอนอยู่บ้านเฉยๆ จะทำงานจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ ลั่น 4 ปีทำงานด้วยใจไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น รัฐบาลเตรียมเปย์อีกจัดให้ “แท็กซี่-วินมอไซค์-คนโรงงาน” “วิษณุ” ย้ำนายกฯหาเสียงไม่ได้ แต่ ครม.สัญจรประชุมได้ยาวๆ ไป “ดอน” ลั่นห้ามต่างชาติ องค์กรระหว่างประเทศสังเกตการณ์เลือกตั้ง ถามมีปัญหาอะไรนักหนาถึงต้องมาดู “สมศักดิ์” เมินโต้ “เฉลิม” บอกเสียเวลาทำงาน แต่ลูกหาบแก้ให้ ไม่ได้จอง รมว.พาณิชย์ แต่จะเป็น รมว.เกษตรฯ เพราะซื้อเฮลิคอปเตอร์มารอบินตรวจการณ์แล้ว 2 ลำ ทษช.ยังคึกคักชูส่วนผสมคนรุ่นใหม่-รุ่นเก๋า “อ๋อย” จี้นายกฯหยุดโปรยงบหาเสียงเอาเปรียบ ล็อกเป้าบัตรคนจนสัญญาว่าจะให้ เพื่อชาติวอน คสช.อย่าถ่วงรั้ง ทำคนล้าหลังกว่าหุ่นยนต์ “มาร์ค” ขายฝันโชว์ป๋า เกิดปั๊บรับแสน-เรียนฟรีถึงอนุปริญญา รปช. เอาบ้างจัดโต๊ะจีนหาตังค์ตั้งเป้า 240 ล้าน

หลังประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก็เดินหน้าเต็มสูบทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ประกาศขอทำงานจนหมดเวลานาทีสุดท้าย ไม่ขอนอนอยู่บ้านเฉยๆ ท่ามกลางเสียงครหานินทาของบรรดาพรรค การเมืองว่าสวมหมวก 2 ใบ ใช้อำนาจ งบประมาณหาเสียงแบบแอบแฝง

นายกฯนำเดิน “คนรักคลอง” 5.4 กม.

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินรณรงค์ “คน รัก คลอง”... “ไม่ทิ้ง ไม่เท ทุ่มทำความดี” โดยในพิธีนายกฯกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เพื่อสืบสานพระราชดำริดูแล รักษา พัฒนาลำน้ำและคูคลอง จากนั้นนำผู้เข้าร่วมกว่า 5,000คน กล่าวคำปฏิญาณตน “เราทำความดีด้วยหัวใจ” 3 ครั้ง และนำเดินเท้าออกจากทำเนียบฯเลียบคลองเปรมประชากร ไปสิ้นสุดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ระยะทาง 5.4 กิโลเมตร โดยจัดกิจกรรมพร้อมกันทั้ง 76 จังหวัด และจัดขึ้นเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประจำปีพุทธศักราช 2561

...

เขินถูกเชียร์เลือกให้นั่งนายกฯต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯเดินรณรงค์ตลอดเส้นทางได้มีชาวบ้านมาต้อนรับ นำดอกกุหลาบสีชมพูมามอบให้พร้อมตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ” โดยนายกฯกล่าวว่า สู้กับขยะสู้กับแม่น้ำลำคลอง อย่างอื่นไม่ต้องไปสู้หรอก เป็นเรื่องของประชาชน และขอฝากวันนี้รู้จักสิทธิ์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้จักหน้าที่ไปพร้อมๆ กันด้วย ทั้งนี้มีชาวบ้านคนหนึ่งกระซิบบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่า ขอให้นายกฯลงเลือกตั้ง จะได้เลือกกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์หัวเราะพร้อมกล่าวอย่างเขินๆว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากัน มาเดินรณรงค์เรื่องคูคลอง ไม่ได้มาเดินการเมือง ขอให้เดินแค่ครึ่งทาง เพราะเดี๋ยวมีคนว่าเอา เบื่อทำอะไรแล้วมีคนนำไปโยงเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด เดี๋ยวบางพวกมาเดินอีก มาอ้างว่ารัฐบาลเดินได้ ผมล่ะเบื่อจริงๆ”

ไม่นอนอยู่บ้านขอทำงานจนมี รบ.ใหม่

ภายหลังนายกฯเดินรณรงค์เสร็จสิ้น ได้เข้าสักการะพระพุทธชินราช ในพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และได้ถวายโคมบูชาพระพุทธชินราชด้านหน้าพระอุโบสถ แต่จังหวะที่นำโคมขึ้นแขวนปรากฏว่า โคมได้หล่นลงมา เจ้าหน้าที่รีบเก็บขึ้นให้นายกฯแขวนอีกครั้ง คราวนี้นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาได้เข้าช่วยนายกฯแขวน โดยนายกฯกล่าวว่าแสบตาทำให้มองไม่เห็นตอนแขวน ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมว่า มาวันนี้เพื่อมาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นนะ เดี๋ยวหาว่าตนมาทำนู่นทำนี่ ขยับอะไรไม่ได้เลย จะให้ตนนอนอยู่บ้าน ตนเป็นรัฐบาลที่มีหน้าที่ทำงานต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ เพราะกฎหมายให้ทำได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะนั้นได้มีชาวบ้านตะโกนว่า “ให้เป็นนายกฯต่อ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มเขินๆ พร้อมกล่าวว่า ทำต่อไปเลยเหรอ พอๆแล้วเดี๋ยวโดนด่า เป็นเรื่องของท่าน วันนี้เรามาทำความดีให้แผ่นดินด้วยหัวใจถวายในหลวง รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และถวายพ่อหลวงด้วย ยังอยู่กับเราทั้งหมด และเชื่อว่าคนไทยที่เป็นคนไทยอย่างแท้จริงรักตน ใครไม่รักยกมือ แหย่เล่นรักไม่รักตนก็ทำให้ ทำอะไรคนรักมันง่าย มากกว่าทำอะไรให้สำเร็จแต่ต้องใช้เวลา และในโอกาสปีใหม่อยากส่งความปรารถนาดีของตน รัฐบาล และ ครม.ไปยังประชาชนทั้งหมดด้วยใจจริง ทำงานมา 4 ปีแล้วไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น

เปย์ต่อ “แท็กซี่-โรงงาน-วินมอไซค์”

น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่การหาเสียงของรัฐบาลตามที่พรรคการเมืองออกมาวิจารณ์ เรื่องสวัสดิการจริงๆ ทำกันมานานทุกรัฐบาล แต่กระจัดกระจายอยู่หลายกระทรวง การใส่เงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กับผู้ที่ถือบัตรทั้ง 14.5 ล้านคน เพื่อการดำรงชีวิตในเบื้องต้น คู่กับการฝึกอาชีพเพิ่มทักษะ เข้าถึงแหล่งทุน โดยมีผู้ที่ถือบัตร 1.7 ล้านคนเข้าฝึกอาชีพแล้ว ต่างจากประชานิยมที่แจกอย่างเดียวเพื่อให้ได้คะแนนเสียงแล้วจบ ไม่คิดจะทำอะไรต่อ ภายใน 1-2 เดือนนี้ จะคิกออฟโครงการช่วยเหลือพี่น้องผู้ขับรถแท็กซี่โดยลดภาระค่าเช่ารายวัน วันละ 700-800 บาท มาเป็นค่าผ่อนรถไม่กี่ร้อยบาท มีเงินเหลือต่อวันมากขึ้น และสามารถเป็นเจ้าของรถได้ในเวลาไม่นาน แต่แท็กซี่ที่เข้าโครงการนี้ต้องห้ามปฏิเสธผู้โดยสารด้วยเช่นกัน ส่วนการช่วยเหลือค่าน้ำมันรถแก่อาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้างนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาลดราคา 3 บาทต่อลิตร และไม่เกินวันละ 5 ลิตรต่อคัน รวมทั้งหาแนวทางช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีเงินเดือน 8-9 พันบาทต่อเดือน ถือว่าไม่เข้าเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

“วิษณุ” ย้ำ “บิ๊กตู่” หาเสียงไม่ได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนำร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งนำขึ้นทูลเกล้าฯว่า คาดว่ามีการนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯถวายแล้ว ส่วนกรณี กกต.ระบุว่าจะรู้วันเลือกตั้งที่ชัดเจนจะเป็นวันที่ 24 ก.พ.62 หรือไม่ต้องรอร่างฯ พ.ร.ฎ.ให้การเลือกตั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่เกิน 4 ม.ค.62 นั้น ไม่จำเป็น เมื่อถามว่า ปฏิทินที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกและหัวหน้า คสช.ให้มาอยู่ในบัญชีเพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเริ่มทำได้เมื่อไหร่ นายวิษณุตอบว่า การทาบทามทำได้เลย แต่การเสนอชื่อให้ กกต.ต้องอยู่ภายใน 5 วันที่มีการเปิดรับสมัคร จะทำก่อนหรือหลังไม่ได้ และหลังจากเสนอชื่อให้ กกต.แล้วก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร เป็นเหมือนนายกฯ คนอื่นที่ผ่านมา แต่เรื่องการหาเสียงต้องให้พรรคพูด นายกฯจะพูดในแง่ของรัฐบาลเท่านั้น พูดอะไรก็ตามต้องตั้งต้นด้วยการเป็นรัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมือง นายกฯไม่ได้เป็นผู้สมัคร ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จะพูดได้แค่รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง

ประชุม ครม.สัญจรทำได้ยาวๆไป

เมื่อถามว่า การ ครม.สัญจรยังมีปกติไปจนถึงเดือน ก.พ.หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มีปกติเพราะกำหนดล่วงหน้านานแล้ว มีไปได้เรื่อยๆ เมื่อถามว่าจะเหมาะสมหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ถึงอย่างไร ครม.ต้องประชุมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะประชุมที่นี่หรือสัญจรไม่ต่างกัน แต่ถ้าประชุมสัญจรอาจได้ลงพื้นที่ ต้องยอมรับว่าคนเป็นรัฐบาลย่อมมีโอกาสได้เปรียบ แต่จะไปเอาเปรียบไม่ได้ อยู่เฉยๆ ก็ได้เปรียบเพราะมีงานทำ มีผลงาน ทั้งนี้การเอาหรือไม่เอาเปรียบถ้าแบ่งโดยกฎหมายมีเส้นแบ่งชัดเจน แต่คนข้างนอกมองก็ต้องปล่อยไป ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากในเรื่องพวกนี้ เมืองไทยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะแล้ว

สั่งห้ามองค์กรต่างชาติสังเกตการณ์

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. ชี้แจงขั้นตอนการเลือกตั้ง ส.ว. ส.ส.ให้ทูตต่างประเทศได้รับทราบว่า ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง กกต.ได้ถามมายังกระทรวงการต่างประเทศถึงแนวคิดการให้ต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งในไทย ยืนยันว่าเราเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติ ที่อยู่ในสถานทูตประเทศต่างๆ ช่วยเป็นหูเป็นตาได้ แต่ไม่ควรให้ชาวต่างชาติซึ่งอยู่นอกประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์ ทำไมต้องให้คนนอกประเทศมาตามดูเพื่อจะหาปัญหา เพราะประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไม่มีต่างประเทศเข้ามาเกาะติดเรื่องบ้านเมืองเขา ดังนั้นถ้าเกิดต่างชาติเข้ามาติดตามการเลือกตั้งในไทย ก็แสดงว่าประเทศไทยยังมีปัญหา ถามว่าเราอยากให้บ้านเมืองเรามีปัญหาหรือ คิดว่าเราดูแลเองได้ แม้ตอนนี้จะมีรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร แต่เราจัดการเองได้ ลำพังเจ้าหน้าที่สถานทูตในประเทศไทย นั่นก็มีชาวต่างชาติมาสังเกตการณ์เกือบ 100 คนแล้ว ยิ่งเมื่อบวกกับคนไทยที่เป็นผู้สังเกตการณ์ด้วย ก็ถือว่าเพียงพอ

“สุนัย” โต้ “ดอน” ไม่มีใครอยากเผือก

วันเดียวกัน ที่ห้องประกอบ หุตะสิงห์ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการเสวนาเรื่อง “จับโกงก่อนกา : ว่าด้วยการจับตาการเลือกตั้ง” จัดโดยกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย หรือดีอาร์จี นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษา Human Rights Watch ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งในไทยครั้งนี้ไม่มีสัญญาณอะไรที่เสรีและเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอิสระของ กกต. ปัญหาเรื่องเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนภายใต้ ม. 44 ที่น่าเสียใจคือสื่อมวลชนไทยยังถูกปิดปากด้วยคำสั่งเซ็นเซอร์ของ คสช. ที่น่าห่วงที่สุดคือหลังเลือกตั้งนับคะแนนไปแล้ว พรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากจะได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่ การสังเกตการณ์เลือกตั้งทางฮิวแมนไรต์และนานาชาติเขาสนใจนั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะเสือก แต่ไทยไปให้สัญญาไว้เองว่าจะจัดการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม นานาชาติจึงอยากจะเข้ามาดู และส่งหนังสือถามเข้ามาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ กกต.ยังไม่ให้คำตอบ การส่งคณะผู้แทนนานาชาติเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้ง ก.พ.62 คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันแล้ว ความพยายามปิดหูปิดตานานาชาติไม่ให้ส่งเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ ตอนนี้ถูกแก้เกมโดยแต่ละประเทศจะใช้ทูตในไทยทำหน้าที่สังเกตการณ์แทน หากการเลือกตั้งไม่ยุติธรรมก็จะส่งผลต่อการทบทวนความสัมพันธ์กับไทย มีผลร้ายเกิดขึ้นกับรัฐบาลใหม่

“สมศักดิ์” เมินโต้เฉลิมเสียเวลาเปล่า

ที่จังหวัดนครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการ กลั่นกรองผู้สมัครทั่วประเทศ 350 เขตเลือกตั้งแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หากไม่มีพรรค การเมืองอื่นใดมากล่าวให้ร้ายหรือปล่อยข่าวทำลายคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐถือเป็นเรื่องแปลก ตนคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องถูกโจมตีว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะสืบทอดอำนาจ ซึ่งจะให้คำตอบที่สามารถอธิบายได้ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์คิดสืบทอดอำนาจ แล้วทำไมผู้สมัคร ส.ส. 350 เขตไม่มีทหารพลเอก พลโทเข้ามาสมัครแม้แต่คนเดียว รวมทั้งแบบบัญชีรายชื่อ เรื่องนี้เป็นประจักษ์พยานที่เห็นอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ขณะนี้นักการเมืองมีการขอตำแหน่งทางการเมืองกันแล้ว โดยตนเป็น รมว.พาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.คมนาคม และนายสุชาติ ตันเจริญ เป็น รมว.พลังงานนั้น เราไม่มีปัญหาอะไร เราก็เดินหาเสียงของเราไป และก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะถ้าใช้เวลาไปพูดเรื่องส่วนตัวมากๆ จะเสียเวลาเปล่า ถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐมั่นใจว่าจะได้ตัวเลขที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานมากกว่า 50 ที่นั่ง และขณะนี้ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ลูกหาบเผยซื้อ ฮ.รอเป็น รมว.เกษตรฯ

นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขานุการนายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค เพื่อไทย ระบุว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้จองตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ของรัฐบาลชุดต่อไปนั้น เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนประกาศเลยว่านายสมศักดิ์ไม่ได้อยากเป็น รมว.พาณิชย์ แต่จะเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพราะขณะนี้นายสมศักดิ์ได้จองซื้อเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้วจำนวน 2 ลำ เพื่อไว้ใช้บินตรวจงานด้านเกษตรกรรมทั่วประเทศ ตนอยากฝากไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นลูกพี่เก่าตนว่าอย่ามาคิดเรื่องของพรรคของพวกตนเลย ให้กลับไปคิดเรื่องของพรรคตัวเองดีกว่า โดยเฉพาะกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ขอให้มองตาเต็มตาได้ไหมว่าพวกคุณรักกันจริง ชอบกันจริง ได้ข่าวว่าไม่ลงรอยกัน จะสามารถทำงานร่วมกันได้จริงหรือเปล่า และมีความจริงใจกันหรือเปล่า ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาชูมือ 3 นิ้วปลุกเสื้อแดงประกาศแก้รัฐธรรมนูญนั้น ตนคิดว่าเวทีของท่านก็ได้แค่นี้ แค่พูดวิพากษ์วิจารณ์ แต่คง ไม่สามารถกลับมาบริหารจัดการในประเทศไทยได้ กลัวแต่ว่าจะเอาลูกเอาเมียเอาน้องไปอยู่ด้วยกัน ถ้าดีจริงจะหนีไปอยู่ต่างประเทศทำไม

สอง รมต.พปชร.ลุยด้ามขวานทอง

สำหรับความเคลื่อนไหวแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วันเดียวกัน ที่โรงแรมเนคก้า ไรเฌอ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานสถาบันปัญญาประชารัตน์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคและที่ปรึกษาสถาบันฯ ร่วมกิจกรรม “ปัญญาประชารัฐ คิดให้ไทยทะยาน” โดยมีนักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ ในพื้นที่ภาคใต้ที่สนใจในปัญหาบ้านเมืองเข้าร่วมจำนวนมาก เพื่อระดมความเห็นจัดทำนโยบาย “เสริม สร้าง ปรับ เปลี่ยน” ทำให้เกิด “ด้ามขวาน 4.0” พัฒนาภาคใต้ จากนั้นนายสุวิทย์ได้เข้าร่วมงานเมาลิดสัมพันธ์ พบปะประชาชน ต.คลองแงะ อ.สะเดา จ.สงขลา รับฟังข้อเสนอแลกเปลี่ยนแนวทางสร้างสังคมสวัสดิการเพื่อทุกคน ส่งเสริมการใช้ยางและปาล์มในประเทศ สร้างรายได้เสริมด้วยการ ปลูกผักเหลียง ไม้เศรษฐกิจ ไม้หอมเทพทาโร เป็นต้น

ทษช.ชูส่วนผสมคนรุ่นใหม่–รุ่นเก๋า

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่มัสยิดอัตตักวา แขวงบางมด ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำพรรคลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนในเขตทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า พรรคไทยรักษาชาติจะนำเทคโนโลยีมาขยายโอกาสให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนหนุ่มสาว แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่สามารถเรียนรู้ได้ พรรคผสมผสานแนวคิดระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ตั้งแต่สมัยไทยรักไทยมา ร่วมพัฒนาประเทศ ด้านนายจาตุรนต์กล่าวว่า ข้อกังวลของประชาชนเช่นปัญหาเรื่องยาเสพติด รัฐบาล คสช.เข้มงวดแต่กับประชาชน แต่ไม่เข้มงวดกับปัญหายาเสพติด คนที่อยู่ในคุกล้วนแล้วแต่เป็นผู้เสพ แต่ผู้ขายกลับไม่ถูกลงโทษ จึงทำให้ปัญหายาเสพติดได้รับการแก้ไขไม่ตรงจุด

เย้ยถ้า “บิ๊กตู่” กลับมา ศก.ไม่กระเตื้อง

จากนั้นเวลา 17.00 น. แกนนำพรรค เดินทางมาที่ซอยเจริญกรุง 85 เพื่อพบปะกับประชาชนย่านเจริญกรุง โดย ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า ปัญหาหลักๆ 3 ข้อที่ประชาชนอยากให้แก้ไข คือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหายาเสพติดที่ระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ และปัญหาบัตรคนจน ที่ใช้ได้เฉพาะร้านค้าประชารัฐ ซึ่งสินค้าราคาแพงกว่าท้องตลาด การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจควรจะทำอย่างยั่งยืน เรามีนโยบายที่ดีและยั่งยืนเสนอเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และยืนยันว่าตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลเดิม แม้จะเลือกตั้งใหม่ แต่ได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เหมือนเดิมจะไม่ สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ส่วนกระแสข่าวของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกนอกประเทศนั้น ยอมรับว่ากระทบกับพรรค แต่มองว่าเป็นคดีการเมืองอยู่แล้ว แต่ผู้มีอำนาจควรตักเตือนอย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหยิบยกประเด็นนี้มาโจมตี และเอาความดีเข้าตัวความชั่วให้คนอื่น

จี้หยุดเอาเปรียบโปรยงบฯ หาเสียง

นายจาตุรนต์กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัวว่า พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว และกำลังเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นเหมือนลงสมัครเป็นนายกฯ ขณะที่ 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐยังไม่ลาออก ทั้งที่สามารถอยู่ในสภาพรักษาการในระหว่างที่มีเลือกตั้งได้ แต่ในกรณีนี้ทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มก็เลยเป็นปัญหา ดีที่สุดคือทั้ง ครม.ต้องทำตัวให้เหมือนรัฐบาลรักษาการ หยุดใช้งบฯ หว่านโปรยหาเสียงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. แต่ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีท่าทีจะหยุดเลย เร็วๆนี้เหมือนจะเอางบฯไปแจกอีกหลายๆจังหวัด พล.อ.ประยุทธ์กำลังจะเป็นผู้สมัครเป็นนายกฯ จึงไม่ควรมีสถานะเป็นหัวหน้า คสช.จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และควรประกาศหยุดใช้มาตรา 44 ด้วย

บัตรคนจนเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้

นายจาตุรนต์กล่าวว่า ส่วนของบัตรคนจนหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรประชารัฐที่ ลด แลก แจก แถม ไม่หยุด โดยเฉพาะช่วงนี้ทำกันเหมือนเข้าข่ายให้และสัญญาว่าจะให้อย่างชัดเจน แต่เป็นการให้และสัญญาว่าจะให้โดยเงินภาษีของประชาชน และล่าสุดพรรคพลังประชารัฐท้าพรรคการเมืองอื่นถ้าใครไม่เห็นด้วยให้ยกเลิกโครงการนี้ เป็นการทำให้เราเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเอาโครงการเหล่านี้ มาหาเสียง และขั้นต่อไปคงไปบอกประชาชนว่า ถ้าเป็นพรรคอื่นจะเลิกต้องเลือกพลังประชารัฐเท่านั้นถึงจะมีโครงการต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น แต่คงไม่มีพรรคไหนไปประกาศยกเลิก เพราะมันไปไม่ได้อยู่แล้ว เป็นเพียงโครงการฉาบฉวยแค่หวังคะแนนเสียง สืบทอดอำนาจไปนานๆ โครงการนี้ยิ่งทำนานไปจะเป็นภาระทาง การคลัง ทำได้แค่ระยะสั้นๆ ใครมาทำต่อก็ทำไม่ได้

จวกรัฐแจกจนจุกทำ ศก.เสียหาย

นายสุธรรม แสงประทุม สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ระบุการลงพื้นที่เพื่อไปติดตามผลงานรัฐบาลว่า ก่อนหน้านี้บริหารประเทศมาตั้งนาน แต่ไม่ได้ลงพื้นที่บ่อยเช่นปัจจุบัน ยิ่งตอนนี้คนในรัฐบาลไปตั้งพรรคการเมืองเพื่อแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจคำว่าเป็นกลาง และคำว่าได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ การบริหารประเทศก่อนหน้านี้ของรัฐบาลทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการทำมาหากิน เกษตรกร ขายพืชผลไม่ได้ราคา คนทำมาค้าขายทยอยปิดกิจการ แต่วันนี้รัฐบาลออกนโยบายแจกเงินให้ชาวบ้านทั้งทางปาก ทางจมูก ทางหู จนจุกไม่รู้ว่าจะรับสิ่งที่รัฐบาลต้องการแจกเพิ่มอีกได้หรือไม่ ในระยะยาวมาตรการเช่นนี้จะเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเอาเงินมาใช้ผิดประเภท และสร้างค่านิยมผิดๆ ให้ชาวบ้านต้องพึ่งพาเขาเท่านั้น ต่างจากรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ไม่ได้เอาเงินไปแจกอย่างเดียว แต่เอาเงินไปให้ประชาชนบริหารจัดการกันเอง เป็นกองทุนหมู่บ้าน 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน

“ยงยุทธ” ย้ำเพื่อชาติทางออกประเทศ

นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ในฐานผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติกล่าวว่า การเข้ามาเป็นกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ เพราะต้องการให้พรรคนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของประเทศ พรรคอื่นจะนำเสนอให้ประชาชนเลือกตัวเองก่อนเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะแก้ปัญหาให้ แต่พรรคเพื่อชาติจะเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้งแล้วหาสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาให้หมดไป เมื่อคนเราพูดคุยกันแล้วก็จะเกิดความเข้าใจกันและรักกัน ตน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ มีความเห็นร่วมกันว่าต้องหาพื้นที่ให้คนต่างความคิดมาพูดคุยกัน จะปล่อยให้มองปัญหาของประเทศคนละมุมแล้วขัดแย้งกันเหมือนเดิมต่อไปไม่ได้ เลยสนับสนุนให้พรรคเพื่อชาติเกิดขึ้นมาเป็นพรรคการเมือง เพื่อเป็นสื่อกลางในการพูดคุยของคนคิดต่างในการแก้ปัญหาของประเทศ และเดินไปในเส้นทางประชาธิปไตยกับเพื่อนร่วมทางที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยด้วยกัน

วอน คสช.ถอยห่างอย่าถ่วงรั้ง

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงแนวคิดการพัฒนาประชาชนไทยให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้ในโลกดิจิทัลของพรรคว่า โลกเราเปลี่ยนแปลงทุกวัน หลายอาชีพมนุษย์ เริ่มตกงาน เพราะหุ่นยนต์ทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ ดังนั้น ต้องหาจุดแข็งสิ่งที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ แล้วเริ่มพัฒนาประชาชนของเราตั้งแต่วันนี้ แต่ระบบเผด็จการทุกระบบเน้นให้ประชาชนเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายจะได้ไม่มีคนคิดต่าง เห็นได้จากการเรียกพรรคการเมืองไปประชุมรับฟังคำสั่ง คสช. แต่ไม่ให้พรรคการเมืองเสนอความคิดเห็น เมื่อเป็นเช่นนี้ประชากรไทยจะดำรงชีพในโลกดิจิทัลได้อย่างไร เพราะถ้าคิดวิเคราะห์ ไม่เป็นก็ไม่สามารถแข่งขันกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ได้ ถ้าเผด็จการและคนรุ่นเก่ารักชาติจริงและเห็นแก่อนาคตของประเทศ ควรยอมเสียสละถอยออกไปจากแวดวงการเมือง

พท.ฝากความหวังสุดท้ายที่ กกต.

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ประกาศตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัวว่า ถ้าจะเป็นนักการเมืองที่สมบูรณ์ ต้องตัดสินใจอยู่พรรคหนึ่งพรรคใดอย่างชัดเจน และไม่ควรทำตัวเหมือนรัฐมนตรีสี่คน ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคแล้วยังอยู่ในตำแหน่งแบบนี้เรียกว่าไม่มีสปิริต จะอ้างว่าทำงานการเมืองนอกเวลาราชการ ก็ไม่ถูก เพราะตลอดเวลาเขากินเงินเดือนประชาชน ถ้าอยากเป็นนักการเมืองเต็มตัวก็ให้ถอดหัวโขนอื่นแล้วออกมาเดินงานการเมืองเต็มที่ อีกทั้งการตั้งพรรคใช้ชื่อเดียวกับโครงการที่รัฐบาลดำเนินการ เอาเงินไปแจกมันก็ไม่ชอบอยู่แล้ว และความคิดจะไม่ให้มีโลโก้พรรคในบัตรเลือกตั้งนั้น ไม่เข้าใจว่ากลัวอะไร ถือเป็นการเอาเปรียบไม่เป็นธรรม วันนี้หวังว่า กกต.ที่เป็นองค์กรอิสระจะเป็นกลาง ไม่อยู่ ภายใต้การชี้นำของใคร เพราะเป็นความหวังสุดท้าย ที่จะมีการเลือกตั้งที่เป็นธรรม

ปชป.โชว์เกิดปั๊บรับเงินเเสน

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปิดตัวนโยบายเรื่องการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพลูกหลานไทยว่า การเลือกตั้งจะเป็นโอกาสสำหรับประชาชนและประเทศ ขออย่าเป็นเพียงพิธีกรรมสำหรับนักการเมือง เพื่อตอบสนองอำนาจหรือผลประโยชน์ ประชาธิปัตย์จะเน้นนโยบายเปลี่ยนแปลงหลังเลือกตั้ง ปัจจัยสำคัญของการไปสู่ความเจริญก้าวหน้า คือ คน จึงต้องยกเครื่องการศึกษา เพื่อคุณภาพของเด็กไทย ขจัดความเหลื่อมล้ำ ให้มีโอกาสพัฒนาตนเอง ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นสวัสดิการที่ควรได้รับ เน้นพัฒนาเด็กตาม 7 เป้าหมาย สุขภาพดี มีทักษะการคิดวิเคราะห์ มีทักษะสองภาษา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี มีคุณธรรมและจิตสาธารณะ เข้าใจสิทธิและหน้าที่ และมีทักษะชีวิต สำหรับนโยบายการศึกษาจะดำเนินการใน 10 ข้อหลัก ตอบโจทย์ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ คือ 1.เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน เบี้ยเด็กเข้มแข็ง 0-8 ปี 1,000 บาท ต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของเด็กตลอดปี

ขายฝันจัดเต็มเรียนฟรีถึง ปวส.

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 2.ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วประเทศจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพ พัฒนาหลักสูตรที่เน้นกระบวนการคิด เพิ่มครูปฐมวัยทั่วประเทศ 3.อาหารเช้า กลางวันฟรี มีคุณภาพ ให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 4.เด็กทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ด้วย English for All จัดการเรียนการสอนโดยเจ้าของภาษา ตั้งแต่ อนุบาล 5.ปรับหลักสูตรเพื่อโลกอนาคต ตั้งแต่ระดับประถมเน้นการคิดวิเคราะห์มากกว่าการท่องจำ 6. เรียนฟรีถึงระดับ ปวส. จบแล้วมีงานทำ ในอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน ทั้งสายช่างและพาณิชย์ พัฒนาระดับฝีมือ ทักษะการทำงานจริงเพื่อผลิต บุคลากรให้ตรงตามความต้องการของตลาด 7.การศึกษาตลอดชีวิต คูปองเพิ่มทักษะสำหรับผู้ใหญ่ แจกคูปองเพิ่มทักษะและส่งเสริมการเรียนรู้ สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย ให้ทันสมัยต่อความเปลี่ยนแปลงเพิ่มโอกาสสร้างอาชีพ 8.คืนครูให้นักเรียน ลดภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน 9.จัดตั้งกองทุน Smart Education เพื่อสนับสนุน Social Enterprise และ Startup ด้านการศึกษา รวมถึงการนำเทคโนโลยี EdTech (Education Techno-logy) เพื่อใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนและการสอบ ให้มีประสิทธิภาพ และ 10.การกระจายอำนาจจากกระทรวงสู่โรงเรียน

“เทือก” ฉะ “จุรินทร์” อย่าวาดภาพสีดำ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์วิเคราะห์การเลือกตั้ง ปี 62 เป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช. และอาจเกิดเหตุซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ รอบ 2 ได้ว่า ประชาชนทั้งประเทศคาดหวังให้การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 ก.พ. 2562 เป็นการเลือกตั้งที่ดีเกิดสิ่งดีๆ กับบ้านเมือง ดังนั้น ใครก็ตามที่พยายามวาดภาพให้เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องเลวร้ายเท่ากับกำลังทำในสิ่งที่ตรง กันข้ามกับความคาดหวังของประชาชน ส่วนตัวเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเรียบร้อย บ้านเมืองต้องดีขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ใครมาทำให้บ้านเมือง วุ่นวายเสียหาย เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน ผลการเลือกตั้งจะบอกกับเราว่า ประชาชนจะกำหนดทิศทางประเทศอย่างไร

ภราดรภาพขอเลิกขัดแย้ง—ป้ายสี

พล.ท.ชุมพร วิเชียร ประธานที่ปรึกษาพรรคภราดรภาพ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่กำลังก้าวไปสู่การเลือกตั้ง นานาชาติติดตามเฝ้าดูประเทศไทยของเราอยู่ จึงไม่อยากเห็นการใส่ร้ายป้ายสี หรือการกระทำใดที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนเป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช. อาจทำให้ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อถามว่า จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกหรือไม่ พล.ท.ชุมพรตอบว่า เป็นเพื่อนเตรียมทหาร รุ่นเดียวกัน ตนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เต็มตัวอยู่แล้ว เพราะต้องการให้ทำงานช่วงรอยต่อให้เรียบร้อย เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ พรรคภราดรภาพยินดีเข้าไปร่วมงานด้วย ถ้าอุดมการณ์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ชพน.ยึดแน่นแนวทางสายกลาง

วันเดียวกัน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค เปิดศูนย์ประสานงานพรรคชาติพัฒนา สาขาสีคิ้ว พร้อมพบปะประชาชนชาวโคราช โดยนายสุวัจน์กล่าวว่า ยินดีที่นายเทวัญและคณะผู้บริหารพรรค ประกาศนโยบาย พรรคชาติพัฒนา No Problem คือ พรรคชาติพัฒนาไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นคำพูดของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรค ถือแนวทางพรรคทางสายกลางในการที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศในเรื่องความขัดแย้ง แนวทางของพรรคชาติพัฒนาจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ

อนค.ป่วนลาออก–แต่ยังไว้ไมตรี

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี ซอยเพชรเกษม 77/7 สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ที่โดนตัดชื่อทิ้งจากการสมัครเข้าไพรมารีโหวต เพื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งบางรายมารวมตัวกัน นำโดยนายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล ผู้ประสงค์ลงสมัครชิงไพรมารีโหวตเขต 25 บางขุนเทียน นายณัฐวรรธน์กล่าวว่า เคยร้องเรียนไปยังพรรคเพื่อขอคำอธิบายกรณีถูกตัดชื่อเข้ารับการหยั่งเสียง ซึ่งมีหลายราย ทั้งในกรุงเทพฯ จ.สงขลา นครศรีธรรมราช กาฬสินธุ์ บางพื้นที่มีการนำผู้สมัครที่สมัครเขตหนึ่งแต่ระบบของพรรคให้มาลงอีกเขตหนึ่ง ยืนยันว่าตนมีอุดมการณ์ต่อต้านการรัฐประหารแน่นอนจึงเข้ามาเป็นสมาชิกอนาคตใหม่ ไม่ใช่อย่างที่ดูถูกพวกตนกันว่ามาจากพรรคอื่น ตีรวนให้มีปัญหา การโดนตัดชื่อออกรู้สึกว่าพรรคไม่ให้ความสำคัญกับสมาชิก ต้องทบทวนการทำงานใหม่ จึงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค อย่างไรก็ตาม ยังมีความศรัทธาและผูกพันอยู่ จึงจะไม่ปลดป้ายเผา หรือมอบขวดนม ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้

รปช.จัดโต๊ะจีนระดมทุน 240 ล้าน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่อิมแพค เอ็กซิบิชัน ฮอลล์ 2 มีการประชุมสมัชชาพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คือหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรครวม 7 คน ทั้งนี้ มีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังศูนย์สาขาจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ จำนวน 17 จุดด้วย มีสมาชิกพรรคร่วมประชุมรวม 8,325 คน นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล่าวว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. พรรคจะจัดงานระดมทุนเข้าพรรคในรูปแบบโต๊ะจีนจำนวน 240 โต๊ะ ราคาโต๊ะละ 1 ล้านบาท ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากนั้นที่ประชุมใหญ่พรรคได้มีมติแก้ไขข้อบังคับ พรรค และรับรองมติที่นายเอนก คือไม่ต้องเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยขอให้ใช้กรรมการบริหารพรรคชุดเดิม

ขอดันล้มภาษีบุหรี่เข้าบัตรทอง

นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ตนและตัวแทนภาคีเครือข่ายยาสูบทั่วประเทศ เข้าพบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เพื่อขอบคุณที่ผลักดันบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบและครอบครัวในภาคเหนือ ภาคอีสาน เพชรบูรณ์ และสุโขทัย กว่า 2 แสนคน แต่ที่ยังกังวลคือหากรัฐบาลจะเก็บภาษีบุหรี่เพิ่มอีก 2 บาทเพื่อสมทบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือกองทุนบัตรทอง จะทำให้ราคาบุหรี่กระโดดขึ้นจาก 60 บาท เป็น 90 บาททันที โควตารับซื้อใบยาของ ยสท.คงต้องลดลงไปอีกหรือไม่มีเลย จึงได้ยื่นเรื่องเสนอแนวทางให้กับนายสมศักดิ์ช่วยผลักดันให้รัฐบาลทบทวนและยกเลิกร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บเงินสมทบเพื่อกองทุนบัตรทองฯ อีกทั้งยังป้องกันสูญเสียคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้ปลูกใบยาสูบ

เชื่อช้อปช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันเดียวกัน กรุงเทพโพล โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “มาตรการช้อปช่วยชาติ ประชาชนจะซื้ออะไร?” สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,181 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 54.0 รับทราบเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ช้อปช่วยชาติ 2561” ที่ซื้อสินค้าแล้วนำไปลดหย่อนภาษีได้เฉพาะสินค้า 3 กลุ่ม

ขณะที่ร้อยละ 46.0 ไม่ทราบ เมื่อถามว่า มาตรการช้อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นพฤติกรรมในการซื้อสินค้าของประชาชนได้อย่างไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.2 อยากซื้อสินค้าโอทอปมากขึ้น เพื่อช่วยกลุ่มชุมชนของจังหวัดต่างๆ ร้อยละ 27.2 อยากเปลี่ยนยางรถส่วนตัว เพื่อความปลอดภัยในช่วงปีใหม่ และร้อยละ 25.1 อยากซื้อหนังสือเพื่อให้ลูกให้หลานเป็นของขวัญปีใหม่ เมื่อถามว่า “ท่านสนใจจะซื้อสินค้า 3 กลุ่มที่อยู่ในมาตรการช้อปช่วยชาติหรือไม่” ส่วนใหญ่ร้อยละ 82.6 ระบุว่า “สนใจ” โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 59.0 สนใจซื้อยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ รองลงมาร้อยละ 27.8 สนใจซื้อหนังสือ รวมทั้งอี-บุ๊ก และร้อยละ 16.9 สนใจซื้อสินค้าโอทอป ของดีของแต่ละภาค แต่ละจังหวัด ขณะที่ร้อยละ 17.4 ไม่สนใจ และเมื่อถามว่ามาตรการช้อปช่วยชาติ 2561 จะกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีได้มากน้อยเพียงใด พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 53.1 จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 46.9 จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด