"มวยถูกคู่" เทียบฟอร์ม "เสือ" เฉลิม อยู่บำรุง อดีตดาวสภาฝีปากกล้า ปะทะ "สิงห์" สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สนับสนุนรายใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ งานนี้ใครดีใครอยู่ สูสี ก้ำกึ่ง มองไม่ออกสุดท้ายใครจะเข้าเส้นชัยเป็นผู้ชนะ
แล้วกลิ่นอายเก่าๆ แวดวงการเมืองเริ่มกลับมา เมื่อรัฐบาล คสช.ปลดล็อกถนนการเมือง เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ซึ่งจากนี้ไป"ปี่กลอง" ก็เริ่มดัง ก็จะได้เห็นการ "ชิงไหวชิงพริบ" ในที่นี้คือ ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า ฟากฝั่งประชาธิปไตย ประกอบไปด้วยพรรคการเมืองอย่าง พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคประชาชาติ รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ และพรรคเสรีรวมไทย
ขณะที่กลุ่มพรรคการเมืองอีกฝั่ง เรียกว่าฝั่งสนับสนุน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และหัวหน้า คสช. ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป อาจรวมไปถึงพรรคที่เป็นกลางๆ ยัง "แทงกั๊ก" อย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และอาจรวมถึงพรรคเก่าแก่อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าสถานการณ์เป็นใจ หลังเลือกตั้งรู้ผลแล้ว ก็อาจตัดสินใจร่วมรัฐบาลหนุน "บิ๊กตู่" ได้เช่นกัน
...
อย่างไรก็ตาม เมื่อสีสันบรรยากาศการเมืองเก่าๆ ก่อนรัฐประหาร ปี 2557 เริ่มกลับมา เราจึงได้เห็นการปะทะคารมระหว่าง 2 นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่เป็นคู่แรก ท่ามกลางบรรยากาศกำลังจะไปเลือกตั้ง เรียกว่า ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ ชนิด "ใครดีใครอยู่" ระหว่าง"พยัคฆ์" อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปะทะ กับ"สิงห์" อย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการไทยรักไทย อดีต รมว.คมนาคม ยุครัฐบาลทักษิณ ที่ข้ามฟากมาสวมหมวกให้ พรรคพลังประชารัฐ ถือเป็น "มวยคู่เอกที่ถูกคู่" ทั้งชื่อชั้น บารมี และการประลองเชิง เริ่มจาก ร.ต.อ.เฉลิม เปิดฉาก ซัดใส่ "กลุ่มสามมิตร" ของ เสี่ยสุริยะ กับ เสี่ยสมศักดิ์ เทพสุทิน ว่า มีการต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีกับพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยแล้ว ทำให้เสี่ยใหญ่อย่าง นายสุริยะ ถึงกับ "อดรนทนไม่ได้" ต้องออกมาโต้กลับ ร.ต.อ.เฉลิม "พฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยน คิดว่าคนอื่นนิสัยเหมือนกับตัวเอง ที่มักต่อรองตำแหน่งและผลประโยชน์" เพียงเท่านั้น ระเบิดก็ลงทันที เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม โพสต์เฟซฯ สวนกลับ
"คุณสุริยะ ให้สัมภาษณ์ว่า ผมชอบต่อรอง และสร้างข่าวเท็จ ผมยืนยันว่าชีวิตทางการเมืองของผมยาวนานกว่าคุณมาก ผมไม่เคยต่อรอง ผมไม่เคยสร้างข่าวเท็จ และผมไม่เคยไปเก็บเงินในการก่อสร้างทาง สะพาน ถนน จากกระทรวงคมนาคม การที่คุณแนะนำให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนผู้ทำหน้าที่หัวหน้าทีมปราศรัยเป็นคนอื่น ผมถือว่าคุณเผือก เพราะไม่ใช่หน้าที่คุณ เป็นเรื่องพรรคเพื่อไทย คุณบอกว่า การหาเสียงต้องประนีประนอมไม่สร้างขัดแย้ง ผมขอท้าคุณให้มาแสดงความคิดเห็นพร้อมกันที่ไหนก็ได้ "
ช่างตอบโต้กันเผ็ดมันส์แบบ "ถึงพริกถึงขิง" เสียจริงๆ ทำการเมืองช่วงใกล้เลือกตั้งร้อนฉ่า อุณหภูมิแทบทะลุปรอทแตกขึ้นมาทันที
ทั้งนี้ หากย้อนเวลากลับไป คอการเมืองเก่าๆ คงยังจำกันได้ถึงวีรกรรมและเรื่องอื้อฉาวของคนทั้งคู่ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องระเห็จหนี รสช.ไปต่างประเทศ ในยุค รสช.ที่มี พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เป็นหัวหน้ารัฐประหาร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น อีกเรื่องที่คนยังจำไม่ลืมคือ เรื่องลูกชายคนเล็ก พัวพันคดียิง "ดาบยิ้ม" จนเสียชีวิตในผับ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม กางปีกปกป้องลูกชายชนิดเต็มกำลัง แบบไม่กลัวปะทะกับใครหน้าไหนทั้งสิ้น...
หันกลับมาที่ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ยุคเป็น รมว.คมนาคม ก็มีเรื่องอื้อฉาวไม่แพ้กัน คือ ถูกกล่าวหาว่า ทุจริตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด"ซีทีเอ็กซ์" สนามบินสุวรรณภูมิ ขึ้นหน้าหนึ่งของสื่อในช่วงนั้นอย่างยาวนาน
ดังนั้น ถึงบอกว่าคนทั้งคู่หากเทียบชื่อชั้นกันแล้ว เปรียบเป็นมวยก็ถือได้ว่า มีความเหมาะสม ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประสบการณ์ เพราะคนทั้งคู่เคยอยู่พรรคเดียวกัน เคยดำรงตำแหน่งเป็นถึง รมต.กระทรวงสำคัญในรัฐบาลเหมือนกัน
อาจมีความต่างกันอยู่บ้าง ที่ นายสุริยะ เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย มีเงินทุนอยู่เป็นจำนวนมาก ร.ต.อ.เฉลิม ไม่มีทางสู้ได้ แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็มีฝีปากที่ยอดเยี่ยมหาตัวจับได้ยาก เคยเป็นถึงดาวสภา ซึ่งเรื่องนี้ นายสุริยะ ก็คงสู้ไม่ได้เช่นกัน
งานนี้คงเรียกเสียง "ซู้ดปาก" จากกองเชียร์ข้างสนามทั้ง 2 ฝ่ายได้ "อึงคะนึง" อยู่ ราคาต่อรองคู่คี่ ก้ำกึ่ง ชนิด "หายใจรดต้นคอ" แบบห้ามกะพริบตา
ส่วนสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ ต้องรอผลหลังการเลือกตั้งใหญ่ 24 ก.พ. 2562 รู้กัน งานนี้ใครดีใครอยู่!!!