“หากความขัดแย้งมันหยั่งลึกไปนานกว่านี้ เด็กออกนอกบ้านมาเล่นกันไม่ได้ เพียงเพราะว่าบ้านชอบการเมืองคนละฝ่าย ไม่รู้เหตุผลว่าเกลียดกันเพราะอะไร เมื่อถึงจุดนั้น มันคือ ความน่ากลัว”

นี่คือความคิดของเด็กรุ่นใหม่ ที่เห็นม็อบการเมือง การประท้วง ความขัดแย้ง การต่อสู้กันทางความคิด จนถึงขั้นติดอาวุธประหัตประหารกันมาแล้ว เขาอยากตะโกนบอกเลยว่า “เบื่ออออ......”

การเมือง The Series คอลัมน์การเมืองสุดเข้มข้นของ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้สัมภาษณ์นักการเมืองสุดเก๋ามาหลายท่านแล้ว วันนี้ขอเสนอ เลือดใหม่ สไตล์ 3 คำ กับกลุ่ม NEW DEM กับลูกนักการเมืองที่มีดีกรีอดีตนายกรัฐมนตรี “ชวน หลีกภัย“ อันได้แก่ สุรบถ หลีกภัย หรือ ปลื้ม VRZO

ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย ที่เริ่มต้นจากการจับงานด้านบันเทิงจนช่ำชอง ซึ่งวันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะขออาสาทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว...

...

“ผมเชื่อว่าทุกคนมีเวลาของตัวเอง ที่รู้ว่าเราพร้อมอะไร และเมื่อไหร่ ตอนนี้ตัวผมเองพร้อม กลุ่ม NEW DEM ก็พร้อม เห็นว่าสังคมตอนนี้ต้องการอะไรใหม่ๆ มาช่วยส่งเสริมให้ประเทศชาติไปได้ไกลกว่านี้ จึงถึงเวลาที่คนรุ่นใหม่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศ”

สุรบถ หลีกภัย มีความเชื่อว่า ตอนนี้คือโอกาสของคนรุ่นใหม่ เพราะเห็นสัญญาณจากพรรคการเมืองทุกพรรคก็ชูคนรุ่นใหม่ขึ้นมา

“ตัวผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไร ที่คิดว่าเข้ามาแล้วจะแก้ปัญหาได้ แต่ผมเชื่อนะ..ว่าทุกคนคงเบื่อมาก และยังรู้สึกเสียใจในความเกลียดชัง ความขัดแย้ง ประเทศชาติที่ไม่น่าจะมีความขัดแย้งที่มากกว่านี้

สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ เราต้องลดความขัดแย้งลง ผมเข้าใจว่าประเทศเราเป็นประชาธิปไตย มีสิทธิ์จะแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีสุดๆ แต่คิดว่ามันควรจะมีขอบเขตของความแตกต่าง แต่การเถียงกันจนแตกแยกนั้นไม่ได้การเถียงกันเพื่อสิ่งที่ดีกว่า"

ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “ชวน หลีกภัย” ยังได้เน้นย้ำว่า หากความขัดแย้งมันหยั่งลึกไปนานกว่านี้ เด็กออกมานอกบ้านกันมาเล่นกันไม่ได้ เพียงเพราะว่าบ้านชอบการเมืองคนละฝ่าย ไม่รู้ว่าเกลียดกันเพราะอะไร เมื่อถึงจุดนั้น คือ ความน่ากลัว ดังนั้น มันควรจะหยุดแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ คือ การร่วมมือ ไม่ใช่แค่นักการเมือง แต่ทุกคน...ต้องลดอคติในใจ

เป็นลูก ชวน หลีกภัย มันกดดัน เคยไม่เข้าใจ

ปลื้ม สุรบถ เผยความในใจว่า ตอนเด็กๆ นั้น ยอมรับเลยว่าเป็นลูกนายชวน หลีกภัย มันเหนื่อยมาก กดดันมาก เครียด ทำอะไรก็ผิด เช่น วิ่งแข่ง เข้าที่ 1 ก็จะโดนตรา 1 เพราะ...

“ตั้งแต่เด็กตัวเราไม่เคยพูด หรือ เอาชื่อพ่อไปอ้างเลย ไม่ว่าใคร หรือ กลุ่มไหน จะมาให้สิทธิพิเศษกับเรา เพราะเราเป็นลูกคุณพ่อ ผมไม่เคยรับ เพราะไม่ชอบ เราถูกเลี้ยงมาแบบนี้ การมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มันเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล"

เคยบอกคนอื่นมั้ยว่าเราเป็นลูกใคร.. “ไม่มี! และไม่มีวันมี” สุรบถ ตอบสวนก่อนยิ้มกว้างและอุทานว่า “โอ๊ย..ไม่ๆ ผมรู้สึกเขิน ไม่ชอบอะไรพวกนี้มากๆ เพราะเราฝังใจตั้งแต่เด็ก เราโดนเรื่องแบบนี้มาตลอด”

วันแรกที่เข้ามาบอกพ่อ ว่าอยากเป็นนักการเมือง อุดมการณ์ของปลื้มคือ..

“พ่อบอกว่าปลื้มต้องจำไว้นะ นักการเมือง คืออาชีพที่ทำเพื่อคนอื่น และต้องใจรัก ต้องแน่วแน่มากๆ ซึ่งพ่อได้ย้ำสิ่งที่เคยสอนไป”

สุรบถ หลักภัย เลือดใหม่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลาคุยกับคุณพ่อ ผมจะไม่คุยเพื่อเอาคำตอบจากพ่อแบบเป๊ะๆ ถึงแม้จะเป็นเรื่องการเมือง พ่อก็ไม่ได้คุยแบบจริงจัง เพราะพ่อรู้สึกว่ามันคือความตั้งใจและอุดมการณ์ของแต่ละคน เขาเลยไม่บอกว่า “ปลื้มต้องคิดแบบนี้นะ ทำแบบนั้นนะ”

แต่การพูดคุยจะพูดกับแบบกว้างๆ เพื่อให้เราไปตกผลึกเอง เพื่อหาแนวทางของตนเอง สิ่งที่ตั้งใจในการทำงานการเมือง ผมไม่อยากเรียกว่าเป็นอุดมการณ์ เพราะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพิเศษ เป็นนักการเมือง ทายาทนักการเมือง แค่ลองมอง..คุยกับตัวเอง อยากได้แบบนี้..จะดีกว่ามั้ย ซึ่งเราก็ได้พูดขึ้นมา ปรากฏว่ามีคนคิดเหมือนเรา ก็เลยมาช่วยกันตกผลึก

“ผมอยากเห็นคนในชาติมีความสุข อยากให้ทุกคนให้เกียรติกันทางด้านความคิด ความแตกต่าง อยากให้ความแตกต่างของทุกคนก้าวไปในอนาคต ในทุกๆ เจเนอเรชั่น แล้วเชื่อว่าประเทศจะได้เคมีใหม่ๆ รวมไปถึงกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการยอมรับของสังคมในตอนนี้”

“พ่อเป็นไอดอล” สอนให้เป็นคนซื่อสัตย์ แต่ไม่ยัดเยียดสไตล์การเมือง

เมื่อถามว่า มองอย่างไร ที่ปลื้มเองก็ยังหนีไม่พ้นเงาพ่อ นายสุรบถ กล่าวว่า สิ่งที่พ่อย้ำเสมอ คือ เราต้องเป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต มันเป็นหัวใจของคนในสังคมที่เราต้องทำ ถ้าเราหลุดออกไปสร้างความเดือดร้อน

“พ่อจะไม่ยัดเยียดความเป็นคุณพ่อ หรือต้องการให้เราเป็นคนยังไง แต่จะสอนเรากว้างๆ ให้ไปตกผลึก มันจึงกลายเป็นส่วนผสม โดยผมก็มีบุคลิก คาแรกเตอร์ ความชอบ แนวความคิดของตัวเอง ที่ไม่เหมือนพ่อ สิ่งที่พ่อปลูกฝังอยู่ในซีรีบรัม (สมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่หลากหลาย) ก็คือความซื่อสัตย์”

คิดว่าตัวเองจะเป็นนักการเมืองแบบไหน เหมือนหรือแตกต่างกับ คุณชวน ยังไง นายสุรบถ กล่าวว่า ส่วนที่เหมือนกับพ่อ คือ อยากทำอะไรเพื่อสังคม อยากจะช่วยคนให้ได้มากที่สุด ไม่เบียดเบียน โกง หรือ ทำร้ายใคร ทำงานด้วยความเสียสละ แต่ส่วนความต่าง มันคือ บุคลิก ผมก็เป็นผม บวกกับว่า ผมเป็นคนรุ่นใหม่ ดังนั้นการทำงาน ก็อาจจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพราะเราเติบโตมาช่วงที่เทคโนโลยีกำลังมา ทำให้เราเข้าใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ และจะทำหน้าที่ประสานกับคนรุ่นเก่า

สังคมไทยเหลื่อมล้ำ รักเด็กไม่เท่ากัน ให้ความสำคัญเด็กเก่ง แต่มองข้ามความแตกต่าง

นายสุรบถ สะท้อนมุมมองสังคมว่า ตอนนี้สิ่งที่เห็นคือ สังคมเรารักเด็กไม่เท่ากันผู้ใหญ่บางคน อาจชอบเด็กเรียนดี เกรดเฉลี่ยต้อง 4.00 อาชีพต้องเป็นหมอ ทนาย หรือ ข้าราชการ แต่รู้ไหม ว่าตอนนี้มีอาชีพใหม่ๆ ผุดขึ้นมามากมายบนโลก แต่ละอาชีพล้วนเป็นอาชีพที่มีเกียรติและสุจริต แต่เรากลับไม่ให้เกียรติความแตกต่างของเด็กในตอนนี้ เช่น บางคนชอบสายภาพยนตร์ โฆษณา หรือ ครีเอเตอร์ ยูทูบเบอร์ แคสเตอร์ เด็กพวกนี้จะมีมุมมองไม่เหมือนเด็กเรียนเก่ง แต่เราควรจะให้เกียรติและสนับสนุนเขา แต่พอไม่ชอบเขาก็หาเหตุผลมาว่าเขา

“เด็กเล่นเกม มีใจรักในเกม ก็โดนด่า...เด็กติดเกม! ไม่มีอนาคต! เสียเวลา! เสียสุขภาพ! แต่รู้ไหมว่า เกมทำรายได้ให้ประเทศไทยปีที่แล้วหมื่นล้าน และคาดว่าจะโตถึง 3 หมื่นล้าน สิ่งที่ถูกมองว่าไร้สาระกลับเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก สร้างอาชีพมากมาย อาทิ นักพากย์ นักแคสเตอร์ นักกีฬาอีสปอร์ต อีดิเตอร์ คนทำกราฟิก นักพัฒนาเกม คนทำอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดนี้คืออาชีพจากเกม”

ความตั้งใจของผม คือ อยากจะทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ และที่สำคัญคือเราจะ “ไม่ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลัง”

ปลื้ม สุรบถ ยกคำพูดหนึ่งที่เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ว่า “ธรรมชาติจะคัดสรรคนแข็งแกร่งให้อยู่”

คำพูดนี้ถูกแค่เพียงครึ่งเดียว! ปลื้มกล่าวอย่างมาดมั่น “ส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ เพราะหากเราทิ้งใครไว้ ไม่ว่าจะเด็ก คนแก่ ผู้ชาย ผู้หญิง หรือจะเพศเดียวกัน แบบนี้จะเป็นสังคมได้อย่างไร สังคมคือการรวมตัวของคนหลายๆ แบบ เราควรจะช่วยกันนำคนทุกคนไปสู่อนาคต พูดแล้วเหมือนอุดมคติ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ

พรรคเก่าแก่ เก๋าประสบการณ์การเมือง ผสานรุ่นใหม่ ภาพลักษณ์ใหม่

สุรบถ หลีกภัย บอกว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า พรรคจะให้ลง ส.ส.หรือไม่ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นคงขึ้นอยู่กับพรรค แต่สิ่งที่เราทำอยู่คือ การทำงานกับคนรุ่นใหม่ แม้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นองค์กรที่เก่าแก่ แต่เก่า ใช่ว่าไม่ดี เพราะประชาธิปัตย์มีประสบการณ์การบริหารประเทศชาติ มีความเข้าใจในนโยบาย สิ่งที่มีคือความรู้และประสบการณ์

การที่เราคุยกับคนรุ่นใหม่พรรคอื่น ก็มาจากพวกเรา พวกเรารู้จักคนรุ่นใหม่กับพรรคอื่น เราเชื่อว่าทุกคนเบื่อกับความขัดแย้ง เราต้องเริ่มเปลี่ยนจากพวกเราทุกคน ในเมื่อพวกเราเป็นนักการเมือง เราต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่า แต่ละพรรคการเมืองสามารถคุยกันได้ ไม่ใช่ว่าคุยกันไม่ได้ ทำกิจกรรมร่วมกันไม่ได้ ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่ และกำลังพิสูจน์ กลุ่ม NEW DEM และทุกๆ คนควรหันหน้ามาหารือกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ หาโมเดลที่ดีต่อทุกคน ทุกกลุ่ม

มีมั้ย ที่ถูกผู้ใหญ่ในการเมืองบางคนมองว่าทำไม่ได้จริง คัดค้าน ปลื้ม ยอมรับว่ามีจริงๆ แต่เราก็ต้องหนักแน่น เรายืนยันว่า NEW DEM เราจะไม่ให้ใครมาแทรกแซง เรามองว่าการที่มีใครสักคนต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนั้นๆ มันก็มีเหตุผลเพียงพอที่เราจะทำให้ดีต่อสังคม


อยากทำงาน กระทรวงศึกษาฯ

สิ่งที่อยากทำในอนาคต เป็นไปได้อยากทำอะไร กระทรวงไหน นายสุรบถ กล่าวว่า ผมไม่เคยมองว่าต้องเป็นอะไร ตำแหน่งอะไร ทำงานส่วนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจดจำผมก็ได้ แต่ถ้าทำให้ประเทศชาติดีขึ้นจริงได้นี่แหละ คือ หัวใจที่ผมอยากจะเข้ามาทำงานการเมือง

“ผมอยากจะสร้างอะไรสักอย่างเพื่อคนอื่นจริง นี่พูดจริงๆ นะ ไม่ได้ต้องการพูดแบบหล่อๆ คือ อยากเห็นคนมีความสุข ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่ให้ทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คนในห้องเรียนมีความสุข โดยที่ไม่จำเป็นที่ต้องให้คนรู้ เรามองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมว่าทุกคนมีความสุข เราก็จะมีความสุข ซึ่งอาชีพการเมือง คือ สามารถทำให้เกิดสิ่งนั้นได้”

หากให้เลือกทำงานได้ ก็อยากทำงานที่กระทรวงศึกษาฯ เพราะคือรากฐานของทุกอย่าง รู้ว่าทุกคนพูดเรื่องนี้มาเยอะมาก แต่มันคือเรื่องจริงที่ยังทำไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องดีเลย ที่การศึกษาประเทศเรา รักเด็กแค่ประเภทเดียว คือ เด็กที่เรียนดี เท่านั้นหรือ แต่เด็กที่มีความแตกต่าง กลับถูกแกมดูถูก

“เด็กแต่ละคน เหมือนพืชที่แตกต่างกัน เราเอาดินที่ดีที่สุดมาให้กับเด็กทุกคน ผมก็เชื่อว่าดินที่เอามามันก็จะเป็นดินที่ดีกับเด็กประเภทหนึ่ง แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นดอกบัว ตะบองเพชร หรือ ต้นข้าว ล่ะ ดังนั้น เราจึงต้องให้ดินที่เหมาะสมกับพืชแต่ละประเภท เพื่อให้เขาเติบโตอย่างงาม แล้วประเทศชาติจึงจะดีเอง"

ขอ 3 คำ ปลื้ม สุรบถ อนาคตของประเทศอยากเห็น...

ถ้าหากจะขอ 3 คำ สำหรับ ปลื้ม สุรบถ อยากพูดอะไร โอ้โห..พอโดนถามเองรู้สึกยากนะ...คงเป็นอะไรง่ายๆ “ผม ปลื้ม ครับ” สวัสดีครับ ผมไม่ใช่สายที่ต้องมาขายตัวเองได้ แต่อยากให้คนศึกษาเรา เปิดใจกับเรา แล้วจะได้เห็นความตั้งใจของเรา

อนาคตข้างหน้าอยากเห็นอะไร นายปลื้ม กล่าวว่า ผมไม่สนใจว่าประชาชนจะเลือกใคร หรือ ใครจะชนะการเลือกตั้ง แต่ผมอยากเห็นทุกคนมาสนใจการเมือง ผมไม่อยากให้ทุกคนมองว่า การเมืองคือเรื่องของนักการเมือง หรือ เรื่องไกลตัว แต่การเมืองคือเรื่องใกล้ตัวมากๆ สิ่งที่คุณเหยียบอยู่ตอนนี้ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศชาติ นี่เป็นสิทธิ์ที่คุณมี คุณสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แล้วเชื่อว่าจะมีคนมาเห็นด้วยกับคุณหรือแตกต่าง

“ผมอยากบอกว่า ให้รอดูผลงานที่จะทำ สิ่งที่ตั้งใจ หากเป็นรูปธรรม คุณจะเห็นเอง ว่านี่คือตัวผม มีความตั้งใจของตัวเอง มีความคิดที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ปีกเงาของคุณพ่อชวน หลีกภัย ถ้าสิ่งไหนมันคือตัวผม อุดมการณ์ แล้วไม่ตรงกับคุณพ่อ ผมก็ต้องยึดมั่นความเป็นตัวผมเอาไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าผมเป็นลูกชวน หลีกภัย จะต้องเหมือนพ่อเป๊ะ ผมคือ ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย”

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน