นายกฯ รับ กำลังพิจารณาขึ้นภาษีบุหรี่ อีกซองละ 2 บาท แต่ยันยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ป้อง 4 รมต.ไม่ขัดกฎหมาย ไม่ต้องลาออก เข้าพรรคการเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว

วันที่ 2 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ถึงกระแสข่าวที่กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.ขึ้นภาษีบุหรี่ซองละ 2 บาท เพื่อนำรายได้มาสนับสนุนการดูแลสุขภาพประชาชนของกระทรวงสาธารณสุขว่า กำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิจารณ์การแต่งตั้ง นายสนธยา คุณปลื้ม เป็นนายกเมืองพัทยา เอื้อประโยชน์ นายสมชาย คุณปลื้ม ว่า การตั้งใครขึ้นมาก็แล้วแต่ ไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรทั้งสิ้น เรื่องนี้ได้พูดมาหลายครั้งแล้ว อย่าถามซ้ำซาก 


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล ไปร่วมทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ (พปช.) ต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีไปทำงานการเมืองนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล พูดมาหลายครั้งแล้ว และย้ำเตือนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ด้วย รวมถึงช่วงที่เขามาขออนุญาต โดยได้บอกไปว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน อย่าทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย เพราะในการบริการราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีทั้ง 4 คน ไม่ใช่ผู้ตัดสินหลักใน ครม. เพราะการจะออกมติอะไรจะต้องเป็นมติของ ครม.ทั้งคณะ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี 


...

“คงไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์อะไรกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์อย่างเช่นที่ผ่านมา หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เพราะหลายคนออกมาพูดว่าจะเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเคยเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า แล้วใครเป็นคนทำ ถ้าไม่มีก็แล้วไป แต่ขอร้องอย่ามาอ้างว่า วันนี้จะมีการทำอย่างนั้นอย่างนี้ รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดการเอื้อประโยชน์อยู่แล้ว เราจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป สานต่องาน รักษาความสงบเรียบร้อย อะไรผิดกฎหมายก็ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


เมื่อถามย้ำว่า แม้การไปทำงานการเมืองจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่มีกระแสกดดันให้ 4 รัฐมนตรีลาออกเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า กฎหมายเขาว่าอย่างไร ก่อนหน้านั้นเขาทำอย่างไรกันอยู่ มีกรณีแบบนี้หรือไม่ “มีหรือเปล่า มีไหมจ๊ะ” เมื่อถามย้ำอีกว่าแต่มีการอ้างว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเผด็จการ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมเป็นรัฐบาลที่ผมต้องบอกว่า มีธรรมาภิบาล สมัยที่คุณเป็น คุณมีธรรมาภิบาลหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”