เจ้าตัวชี้ท้อแท้-เบื่อหน่าย ระบุทำงานไม่เข้าตาสมคิด

ครม.เด้งปลัดคลังไปนั่งเลขาฯสภาพัฒน์ “อภิศักดิ์” อ้างเพื่อเร่งขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์-ปฏิรูป ช่วงโค้งสุดท้ายรัฐบาลก่อนเปิดสนามเลือกตั้ง ยันทีม ศก. ไม่มีปัญหาขัดแย้ง “สมชัย” คาดอธิบดีสรรพากรเสียบแทน เผยเลขาฯ สศช.คนเก่าทำงานล่าช้าไม่ทันใจ ด้าน “สมชัย” ไม่แฮปปี้ยื่นลาออกทันที พ้อท้อแท้เบื่อหน่าย นายกฯปล่อยซิงเกิลใหม่ “สู้เพื่อแผ่นดิน” สื่อความหมายทำเพื่อชาติไม่หวั่นเสียงนินทา เผยมีเลือกตั้งท้องถิ่น 2-3 ครั้งก่อนเลือกตั้งใหญ่ รับกำลังใคร่ครวญร่วมพรรคการเมืองกับ “สมคิด” ขอประกาศชัดๆ ใกล้เลือกตั้ง บอกใบ้เป็นนายกฯตามระบบดีกว่าคนนอก ไม่สนเสียงครหาลงพื้นที่หาเสียงล่วงหน้า แจงแผนเกษียณ 63 ปี เฉพาะบางอาชีพที่จำเป็น “วิษณุ” ชี้ยังต้องศึกษาเพิ่มเติม ทบทวนได้ ผบ.ทบ.ยันไม่เกี่ยวข้องเหล่าทัพ นปช.แต่งตัวจรจัดบุก ป.ป.ช.ทวงคดีสลายชุมนุม ก่อนทำบุญรำลึก 8 ปี

ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็ปเข้าไปทุกที ในขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งทำงานช่วงโค้งสุดท้ายอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญคือแผนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ล่าสุดมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายบุคลากรเพื่อขันนอตไขลานเร่งขับเคลื่อนให้มีความคืบหน้ามากขึ้น

โยกปลัดคลังนั่งเลขาสภาพัฒน์

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติการโอนและรับโอน นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ขณะที่นายปรเมธี วิมลศิริ เลขา สศช.เป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่แทนปลัดกระทรวงการคลัง ยังไม่มีการเสนอในที่ประชุม

...

วางตัวเดินแผนยุทธศาสตร์–ปฏิรูป

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีที่ ครม.มีมติโยกย้ายนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังไปนั่งในตำแหน่งเลขา สศช.ว่า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำเรื่องขอตัวไปช่วยงาน เพราะนายสมชัยมีคุณสมบัติเหมาะสม สศช.เป็นหน่วยงานรับผิดชอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และปฏิรูปเศรษฐกิจคณะใหญ่ โดยมีเลขา สศช. เป็นผู้ผลักดันนโยบาย ซึ่ง สศช.ในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่าในอดีต ที่มีหน้าที่กลั่นกรองเรื่องเพื่อป้องกันการทุจริต รัฐบาลคิดว่าปลัดกระทรวงการคลังเหมาะสมจะเข้าไปขับเคลื่อน เพราะเป็นคนที่เก่งพร้อมสร้างระบบให้เดินต่อไปได้ จึงมีคนขอตัวไปช่วยงาน

ต้องการศักยภาพ–ไม่มีปมขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงการคลังก็ถือเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ การย้ายปลัดกระทรวงการคลังจะเหมาะสมหรือไม่ นายอภิศักดิ์ตอบว่า สศช.จะเป็นหน่วยงานที่ดูกรอบใหญ่ของเศรษฐกิจมากกว่า ส่วนกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ทำตามในบางเรื่อง แต่ สศช.ดูเรื่องการปฏิรูปในทุกเรื่อง ทั้งการศึกษา ความมั่นคง และเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังดูแลเฉพาะเศรษฐกิจ งานกระทรวงการคลังเองก็แน่นอนว่าจะอ่อนลงหน่อยเพราะไม่มีใครจะเก่งเท่าปลัดกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงภาพรวมของประเทศ ยืนยันว่านายสมชัยไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกัน แม้แต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯก็ยังชื่นชมการทำงานของนายสมชัย ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เพียงแค่มองว่าท่านเป็นคนที่มีศักยภาพ ตนได้พูดคุยกับนายสมชัยก่อนที่จะเสนอชื่อโยกย้ายเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งท่านก็ไม่ได้ตอบอะไร

เล็งดันคนในเป็นปลัดคนใหม่

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า ส่วนบุคคลที่จะมานั่งในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่นั้น ยังไม่ทราบจะเป็นใคร แต่จะพยายามเสนอคนในกระทรวงการคลังเข้ารับตำแหน่งแทน เพื่อมาขับเคลื่อนงานที่ปลัดคลังคนเดิมทำไว้ เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารกระทรวงการคลังครั้งใหญ่ในการประชุม ครม.วันที่ 17 เม.ย.หรือไม่ นายอภิศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะเรื่องการโยกย้ายนายสมชัยนั้น ตนเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา

คาดอธิบดีสรรพากรเสียบแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า บุคคลที่เหมาะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังคาดว่า จะเป็นนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากรคนปัจจุบัน และนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรมีโอกาสขึ้นนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ส่วนอธิบดีกรมศุลกากรนั้น คาดว่านายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลังและนายยุทธนา หยิมการุณ หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงการคลัง มีโอกาสรับตำแหน่งดังกล่าว

“กอบศักดิ์” เชื่อมั่นฝีมือ “สมชัย”

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง มีความสามารถที่จะมาช่วยขับเคลื่อนการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ประเทศที่จัดทำแผนไว้เสร็จแล้ว จึงให้มารับตำแหน่งเลขาธิการ สศช. ซึ่งตนในฐานะกำกับดูแล สศช. ก็เตรียมที่จะ ทำงานร่วมกับเลขาธิการคนใหม่ เชื่อว่านายสมชัย ซึ่งผ่านการบริหารกระทรวงมา จะช่วยทำให้แผนเดินหน้าได้ และ สศช.ก็อยู่ระหว่างการปฏิรูปองค์กรครั้งสำคัญ ดังนั้น การที่มีนักบริหารเข้ามา ก็คาดหวัง ว่าจะช่วย สศช.ปฏิรูปองค์กรด้วย โดยการโอนย้ายครั้งนี้ก็ได้แจ้งให้เจ้าตัวทราบล่วงหน้าก่อนด้วย

เผยเด้ง “ปรเมธี” ปฏิรูปล่าช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการย้ายนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาฯ สศช. ไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น เนื่องจากมองว่าการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปยังล่าช้า ไม่เป็นไปตามที่ ครม.คาดหวังให้เกิดผลเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นผลงานชิ้นโบแดง ขณะเดียวกันยังจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายอีกหลายลอตหลังจากนี้ เนื่องจากใกล้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว

“สมชัย”ชิงลาออกก่อนโดนย้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง ครม.มีมติโยกย้ายนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์แบบสายฟ้าแลบ โดยที่ไม่มีข่าวกระเส็นกระสายมาก่อนหน้านี้ และเจ้าตัวก็ไม่ทราบเรื่อง แม้แต่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ยังระบุว่าเพิ่งทราบเรื่องเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ทำให้เกิดกระแสข่าวว่านายสมชัยตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังทันที โดยไม่รอให้การโยกย้ายตามมติ ครม.ดังกล่าวมีผล

เจ้าตัวเผยเบื่อหน่ายท้อแท้

นายจักรกฤษฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะรักษาการปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ตัดสินใจลาออก ภายหลัง ครม.มีมติโยกย้ายไปเป็นเลขาฯ สศช.ว่า ขณะนี้นายสมชัยอยู่ระหว่างการลาพักร้อนโดยได้เดินทางไปประเทศไอซ์แลนด์กับครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกระแสข่าวการลาออกนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือลาออก จึงยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดอะไรได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัยรู้ล่วงหน้าว่าจะถูกโยกย้ายไม่กี่วันก่อนหน้า โดยตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งมีผลงานไม่เข้าตานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ไลน์ (LINE) หานายสมชัยเพื่อสอบถามในกรณีดังกล่าว และนายสมชัยได้ตอบไลน์กลับมาว่า ได้ตัดสินใจที่จะลาออก เนื่องจากเบื่อหน่าย ท้อแท้กับการทำงาน แต่ยังไม่ได้ทำหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ

“พงษ์ภาณุ” อุ้มพระเข้าพบ “สมคิด”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุม ครม.เสร็จสิ้นลง และมีมติเห็นชอบให้โยกย้ายข้าราชการระดับสูง 2 ตำแหน่งครั้งนี้ ทำให้เก้าอี้ปลัดกระทรวงการคลังยังว่างอยู่ ระหว่างบรรดาผู้สื่อข่าวได้ยืนวิพากษ์วิจารณ์กันถึงบุคคลที่เหมาะสมว่ามีใครบ้างและรอคณะรัฐมนตรีทยอยลงมาบริเวณด้านหลังตึกบัญชาการ 1 ภายในทำเนียบรัฐบาล ทันใดนั้น ปรากฏว่า นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินมาเพื่อเตรียมไปห้องของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยมีลูกน้องเดินอุ้มพระพุทธรูปตามมาด้วย ทำให้สื่อมวลชนถึงกับฮือฮาและแซวนายพงษ์ภาณุว่าเป็นหนึ่งในแคนดิเดตปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่หรือเปล่า แต่นายพงษ์ภาณุปฏิเสธว่ายังไม่ทราบเรื่องการโยกย้ายที่เกิดขึ้น และมาสวัสดีวันสงกรานต์นายสมคิดตามประเพณีไทย และนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า หลังจากนั้น นายพงษ์ภาณุได้เข้าพบนายสมคิดเพียงแค่อึดใจแล้วกลับออกมา

นายกฯนำทำบุญสงกรานต์

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในงานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2561 จากนั้นนายกฯและนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 61 รูป บริเวณสนามหญ้าข้างตึกไทยคู่ฟ้า ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป พิธีรดน้ำขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ บริเวณโถงกลางตึกสันติไมตรี โดยเปิดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) นายทหารระดับสูง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงสื่อมวลชนเข้ารดน้ำขอพร โดยนายกฯมอบพระสมเด็จให้เป็นที่ระลึก พร้อมกล่าวให้พรว่า สิ่งใดที่ทำมาตลอดปีถือเป็นความหวัง ของประชาชน จะสำเร็จมากบ้าง น้อยบ้าง เราต้องทำให้มากขึ้น บนความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราไม่ทำเอง รอให้ใครมาช่วย เป็นไปไม่ได้ ในฐานะ ครม.ต้องทำเพื่อประชาชน เพื่อให้ ชาติมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และขอขอบคุณทุกคำอวยพร ให้ทุกคนทำงานสำเร็จเพื่อชาติที่รักยิ่งของเรา

ปล่อยซิงเกิลใหม่ “สู้เพื่อแผ่นดิน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการรดน้ำขอพรนายกฯ ได้มีการเปิดเพลงใหม่ที่นายกฯแต่งขึ้นล่าสุดชื่อว่า “สู้เพื่อแผ่นดิน” เป็นครั้งแรก พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” เป็นเพลงในลำดับที่ 6 ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพลงช้า เนื้อหาบ่งบอกถึงความพยายามทำเพื่อประเทศชาติ แม้จะมีคำติฉินนินทาหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะทำทุกอย่างด้วยหัวใจซื่อตรง เพื่อให้พรุ่งนี้ดีขึ้นกว่าเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเพลงดังกล่าว มีการใช้เครื่องดนตรีไทยร่วมกับดนตรีสมัยใหม่ และมีท่วงทำนองคล้ายกับเพลงประกอบละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งนายกฯกล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ว่า เพื่อให้รู้ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ

เชิญชวนแต่งชุดไทยบริจาคโลหิต

ต่อมาเวลา 09.45 น. ก่อนนายกฯเป็นประธานการประชุม คสช.และ ครม. น.ท.พญ.อุบลวัณณ์ จรูญเรืองฤทธิ์ ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย นำศิลปินดารา นักร้อง อาทิ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร ศิลปินบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ต้น-ธนษิต จตุรภุช ศิลปินบริษัท ทรู แฟนเทเชีย จำกัด เกรท-สหพล อัศวมั่นคง ศิลปินโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และบิว-กัลยาณี เจียมสกุล ศิลปินบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เข้าพบนายกฯเพื่อเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย แต่งชุดไทยบริจาคโลหิตในโครงการ “แล้งนี้ ไม่แล้งน้ำใจ ด้วยการให้โลหิต” ภายใต้แนวคิดแต่งชุดไทยบริจาคโลหิตมีความสุขแถมได้บุญ เพื่อเตรียมสำรองโลหิตใช้ในการรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยผู้บริจาคโลหิตสามารถบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 9-16 เม.ย. ที่ศูนย์ บริการโลหิตแห่งชาติ จะได้รับเสื้อยืด“BLOOD DONATION” เป็นที่ระลึก

ขอ “ปีเตอร์” ร้อง “ชายคนหนึ่ง”

ขณะที่นายกฯกล่าวว่า จะช่วยประชาสัมพันธ์เพราะช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการใช้โลหิตเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าคนไทยไม่แล้งน้ำใจอยู่แล้ว ทำดีไม่ยากหรอก ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ มากบ้าง น้อยบ้าง ทำทุกคน ทุกวันก็จะดีเอง ขอให้มีความสุข เดินทางปลอดภัยทุกคน ช่วยกันบริจาคทำเพื่อคนอื่นเยอะๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เหล่าบรรดาศิลปินได้มอบ พวงมาลัยให้กับนายกฯและขอให้นายกฯพรมน้ำให้พรนั้น เมื่อถึงคิวปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล นายกฯบอกว่า ชอบอยู่เพลงหนึ่งเพลงอะไรนะ ปีเตอร์บอกว่า “ชายคนหนึ่ง” นายกฯจึงขอให้ปีเตอร์ร้องเอ่ยว่า “เอาหน่อยซิ” ปีเตอร์จึงร้องท่อนหนึ่งว่า “เธอไม่ต้องกังวล เธอไม่ต้องเกรงใจ ความรักฉันที่ฝากไว้ เป็นเรื่องง่ายกว่านั้น” ก่อนตบท้ายว่า “อย่าลืมบริจาคเลือดกันนะครับ” จากนั้นเหล่าดาราได้ขอนายกฯถ่ายเซลฟี่ด้วย เสร็จสิ้นแล้วนายกฯขึ้นตึกไปเป็นประธานการประชุม คสช. และ ครม. โดยวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม แจ้งลากิจ ไม่เข้าร่วมประชุม

“บิ๊กป้อม” ลา ครม.เช็กสุขภาพ

กระทั่งเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. กรณี พล.อ.ประวิตรลาการประชุมว่า “ไปหารายได้ เสริมมั้ง มันเรื่องอะไรของสื่อ พล.อ.ประวิตรลากิจ ได้ตามระเบียบ เขาก็ลาไป และไม่ได้บอกว่าจะไปไหน ปัดโธ่ ทำไมสื่อคิดถึงหรือ พล.อ.ประวิตรลาไปดูแลร่างกาย เพราะต้องรักษาตัว ก็ต้องไปตรวจ ร่างกายทำนองนี้” เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรไปรักษาตัวที่ต่างประเทศหรือในประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ทำไม จะตามไปหรือ จะต้องรู้ทุกเรื่องหรือไง ไม่รู้สักเรื่องได้ไหม

เลือกท้องถิ่น 2-3 ครั้งก่อน ลต.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า คงจะมีก่อนเลือกตั้งสักครั้ง หรือสองครั้ง แต่จะต้องดูสถานการณ์ก่อน เชื่อว่าทุกคนมีความพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเลือกวันไหนก็พร้อมหมด ที่มีการออกมาโวยวายทุกวันนี้ แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็ขานรับพร้อม แต่พอกำหนดการออกมาแบบนี้ ก็มีเสียงค้าน ผมไม่พร้อม เวลาไม่พอ สื่อก็นำไปขยายความให้คนเหล่านี้อยู่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้ทำอะไรกันเลยหรืออย่างไร

“ผมไปเฝ้าบ้านเขาสักวัน เหมือนสื่อเฝ้าฉันหรือเปล่า ก็เปล่าเลย แต่พอไปเฝ้ามากๆ ก็บอกว่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งฉันขี้เกียจไปเฝ้า หรือตามใครแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เผยผลงาน 4 ปีกว่า 500 หน้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการแถลงผลงานรัฐบาล 4 ปีว่า ความจริงก็อยากแถลงเพราะเหนื่อยแล้ว แถลงแล้วแถลงอีกบางทีก็ยังไม่รู้กันเลย คนเราต้องเข้าใจสัจธรรมของมนุษย์โลก อะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง หรือสลับซับซ้อน ก็ไม่ค่อยอยากจะรู้ แต่ก็ไม่ว่ากัน เรื่องนี้กำลังพิจารณาว่าจะแถลงด้วยตัวเอง หรือแบบคณะเหมือนที่ผ่านมา แต่จะทำลงเว็บไซต์ เพราะเอกสารมีทั้งหมดถึง 500 กว่าหน้า รัฐบาลมุ่งหวังที่จะลดเอกสาร ลดการใช้กระดาษลง ดังนั้น จึงจะเอาลงเว็บไซต์ก่อน สงสัยอะไรก็ถามมา กรุณาช่วยอ่านหน่อยโดยเฉพาะสื่อ

รู้ทางพวกเจตนาไม่บริสุทธิ์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืน รัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อการเมือง แต่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้มแข็งมีรายได้ที่เพียงพอ แก้ไขปัญหาทั้งระบบ ใครก็ตามที่มีเจตนามาต่อว่ารัฐบาล เจตนาไม่บริสุทธิ์ก็ดูออก ดังนั้น ตนจะสนใจแต่เจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อทบทวนและแก้ไขปัญหา ไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ จึงต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ถ้าส่วนราชการไม่ฟังประชาชน ทุกอย่างก็เดินหน้าไปไม่ได้ ตนเหนื่อยแต่ไม่บ่นเพราะจะหาว่าบ่นเพื่อทวงบุญคุณ เส้นทางการเป็นนายกฯของตนไม่ใช่ทางการเมือง แต่ก็มาทำงานการเมือง ขออย่าได้เขียนบิดไปมา เพราะจะเป็นประโยชน์ให้คนไม่หวังดี

ยอมรับคิดอยู่ร่วมพรรค “สมคิด”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สนับสนุนตั้งพรรคการเมืองและจะเชิญให้เป็นที่ปรึกษาพรรคว่า “วันนี้เขาหารือกันอยู่ก็ให้เขาหารือกันไป ก็ยังไม่เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น และถ้าเขาตั้งพรรคขึ้นมาวันข้างหน้าก็ต้องไปดูว่าพรรคไหนเป็นอย่างไรเราควรจะสนับสนุนหรือเปล่า หรือจะสนับสนุนพรรคไหนอย่างไร แต่วันนี้เค้ายังไม่มาเชิญซักคนเลย” ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯทราบเคลื่อนไหวนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เขาก็คุยกันอยู่ละมั้ง ผมเห็นเขาคุยกันอยู่ แต่เขายังไม่พูดอะไรกับผม และยังไม่มีการทาบทาม แต่ถ้ามีการทาบทามก็ต้องขอคิดดูก่อน ผมบอกแล้วว่าผมจะต้องพิจารณาใคร่ครวญอีกที ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ นโยบายของพรรคตรงกับที่ผมได้ทำมาแล้วหรือเปล่า มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงและดีขึ้นหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรผมก็ต้องไปเลือกตั้งเหมือนกับคนอื่นเขาเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าพรรคนี้ดี ผมก็จะเลือกพรรคนี้ จะสนับสนุนพรรคไหนที่ดีแล้วเขามาขอให้ผมไปช่วยผมก็จะพิจารณา ส่วนจะดีหรือจะเสียผมก็ยังไม่รู้เลย”

ยังไม่มีใครมาเชิญเข้าพรรค

เมื่อถามว่า การที่พรรคการเมืองจะมาเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษาพรรคจะไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า วันนี้ยังไม่ได้รับแล้วจะไปปฏิเสธได้อย่างไร ถึงวันนี้ยังไม่มีใครมาเชิญ และวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นว่าจะพูดคุยอะไรกันได้หรือเปล่า เพราะมีหลายพรรคก็บอกว่าจะไม่มาคุยแล้วจะเลือกตั้งท่าเดียว เมื่อไม่มาคุยแล้วจะเลือกตั้งได้อย่างไร ต้องมาคุยกันก่อน เมื่อถามว่า ที่พรรคการเมืองไม่อยากมาคุยกำหนดวันเลือกตั้งเพราะเกรงว่าเป็นการผูกมัด พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จะไปผูกมัดอะไร ตนไม่ได้เชิญมาพูดคุยเพื่อให้แสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ต้องการให้มาพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้กับประเทศ ตนก็จะฟังว่าเขาจะพูดอะไร

ประกาศตัวชัดเจนใกล้เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะประกาศความชัดเจนของตัวเองเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็คงใกล้ที่จะเลือกตั้งละมั้ง เพราะผมเองเป็น ส.ส.ไม่ได้อยู่แล้ว” ต่อข้อถามว่า ความตั้งใจของนายกจะเข้าไปเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือเป็นแค่สมาชิกพรรค พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ แต่ทุกคนก็ต้องเป็นสมาชิกพรรค ทั้งนี้เมื่อถึงวันที่ต้องตัดสินใจเมื่อเขาเสนอมาก็ต้องดูว่าเขาจะมาขอให้ไปทำหน้าที่อะไร เพราะให้ไปสมัครเป็น ส.ส.ก็ไปไม่ได้ ถ้าจะให้สมัครเป็นอย่างอื่นก็ต้องดูว่าที่เสนอมานั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ที่ตนจะไปช่วยงานเขา แล้วมีใครรับรองได้หรือไม่ว่าเมื่อตนไปอยู่พรรคการเมืองไหนแล้วพรรคนั้นจะชนะ

บอกใบ้เป็นนายกฯตามระบบดีกว่า

เมื่อถามว่า หากในการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา นายกฯคิดว่าเพื่อความสง่างามควรให้ ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ หรือควรให้ ส.ว.เสนอชื่อนายก-รัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ ถ้าตั้งได้โดยการเสนอชื่อจาก ส.ส.ก็เป็นเรื่องดีมิใช่หรือ แต่ถ้าขัดแย้งกันมากๆ ตั้งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ไม่ยอมกันก็ต้องเอาคนนอกมาใครก็ได้ ก็ไปเลือกมา เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้ดูเหมือนจะมีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์เพียงผู้เดียว นายกรัฐมนตรีตอบว่า “สื่อเป็นคนทำให้ฉันดังเอง ก็ลองยกชื่อคนอื่นเข้ามาเป็นนายกฯคนนอกบ้าง” เมื่อถามว่า ถ้าไม่ใช่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์คิดว่าควรจะเป็นชื่อใคร นายกรัฐมนตรีตอบว่า ไม่รู้เหมือนกันยังนึกไม่ออก ตัวเองยังไม่ได้นึก

ต้องหาทางเลือกหลีกหนีขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้ไม่รังเกียจการเมืองแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมเคยรังเกียจใครที่ไหน ผมไม่ได้รังเกียจการเมือง ผมเพียงแต่รังเกียจการเมืองที่ไม่สุจริต ไม่มีธรรมาภิบาล ผมรังเกียจการเมืองที่สร้างความขัดแย้ง พอใจกันหรือยัง หรืออยากจะให้เป็นเหมือนเมื่อปี 2557 หรืออย่างไร ดังนั้นเมื่อเราไม่พอใจการเมืองแบบนั้นก็ต้องไปเลือกกันแบบใหม่ ส่วนจะเลือกใครก็ตามสะดวกพวกท่านเถอะ แต่ถ้าผมลงไปอยู่ด้วยตรงนี้ มีใครรับประกันได้บ้างว่าผมจะได้ ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่า มันคุ้มค่ากับประเทศชาติและคุ้มค่ากับตัวผมหรือไม่ ซึ่งความคุ้มค่าของผมหมายถึงจะได้ทำงานของผมก็แค่นั้นเอง จะไปคิดอะไรมาก มันเป็นทั้งชะตากรรมและชะตาแบ ที่สื่อถามแบบนี้จะเอาให้ได้กันหรืออย่างไร”

เมินข้อครหาลงพื้นที่ชิงหาเสียง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ในขณะนี้ว่า เป็นการเริ่มต้นในการหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมต้องลงพื้นที่อยู่แล้ว สื่ออย่าไปให้ความสำคัญกับคนที่มองว่าเป็นการหาเสียง ผมต้องการจะลงพื้นที่ไปในทุกจังหวัด ตั้งใจไว้ว่าก่อนจะหมดหน้าที่จะลงพื้นที่ไปในทุกจังหวัดและทุกกลุ่มจังหวัดให้ได้มากที่สุดแค่นั้นเอง เพียงแต่มาตรงกับช่วงเวลาของโรดแม็ปพอดี แล้วจะให้ผมไปทำในตอนไหน ผมก็อยากลงไปพบประชาชนในทุกพื้นที่และการลงไปก็ไม่ได้ฟังเพียงแต่ส่วนราชการเพียงอย่างเดียว ได้ไปแอบฟังประชาชนพูดบ้างและถามในสิ่งที่ประชาชนอยากจะพูด ซึ่งแม้บางครั้งจะไม่ได้พูดโดยตรงก็ส่งเป็นคลิปหรือเอสเอ็มเอสมา ผมก็นำข้อมูลไปซักไซ้ไล่เลียง ไม่ใช่ว่าทางราชการเสนออะไรมาก็ฟังอย่างเดียว ผมก็ต้องฟังทั้งสองฝ่าย การที่นายกฯลงพื้นที่ไม่ใช่ฟังแต่สิ่งดีๆ สิ่งไม่ดีก็เจอและนำมาแก้ไข”

“บิ๊กตู่” แจงชัดๆใครเกษียณ 63 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงแผนปฏิรูปประเทศกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาการยืดการเกษียณอายุราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี ว่า “ไม่ใช่ขยายอายุเกษียณ ใช้คำว่าให้คนที่มีสมรรถนะ สมรรถภาพในการทำงาน ได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาหรือผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น หมอผ่าตัดที่มีประสบการณ์สูงๆ ที่เขาเป็นข้าราชการอยู่ บางทีมันก็ต้องจ้างต่อ เรียกว่าจ้างพิเศษ ไม่อย่างนั้นถ้าจะไปขยายเรื่องอายุ วันนี้อธิบดี ปลัดกระทรวงที่อยู่ ก็นานพอสมควร พอไป 63 ปี ข้างล่างก็บอกแก่ตายพอดีไม่ได้ขึ้นกัน รัฐบาลต้องดูอย่างนี้ แยกแยะให้ออกหน่อย นี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่ข้อแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น”

“วิษณุ” ชี้ต้องให้สะเด็ดน้ำก่อน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า แผนการเกษียณอายุราชการ 63 ปี ยังไม่มีผลบังคับใช้ เป็นเพียงการประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ เมื่อประกาศแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องศึกษาความเป็นไปได้ แต่ไม่มีกำหนดเวลาว่าจะต้องศึกษานานเพียงใด กรอบเวลาที่กำหนดในแผนปฏิรูปสามารถทบทวนได้ และการศึกษานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นได้ โดยในแผนการปฏิรูปมุ่งเน้นให้พิจารณาในตำแหน่งสำคัญก่อน

ผบ.ทบ.ยันไม่เกี่ยว ผบ.เหล่าทัพ

ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงแผนงานปฏิรูปที่จะขยายอายุราชการเป็น 63 ปีว่า เป็นเพียงตุ๊กตาที่ตั้งขึ้นมา ซึ่งในแผนของการปฏิรูปประเทศ ไม่มีอะไรที่ต่างจากเดิม อยู่ในแผนของการปฏิรูปประเทศที่กล่าวมาแล้วนั้น ในเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เข้าใจว่าเป็นไปในลักษณะของบางสาขาอาชีพ เป็นการแต่งตั้งลักษณะผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่เป็นการต่ออายุราชการที่หลายฝ่ายเข้าใจ และคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เพราะมีเฉพาะบางสาขาอาชีพเท่านั้น โดยเป็นไปในลักษณะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ในเชิงให้คำแนะนำ ในสาขาอาชีพที่มีความจำเป็น

“วัฒนา” ข้องใจจุฬาฯย่ำยีนิสิต

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุผ่านโพสต์เฟซบุ๊กว่า ในขณะที่ประชาชนจำนวนหนึ่งรวมถึงนิสิต นักศึกษาและคณาจารย์ ออกมาเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งและหยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สิ่งที่น่าละอายคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เชิญหัวหน้าเผด็จการที่ปล้นสิทธิของประชาชน ทั้งยังถูกนานาชาติประณามว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด ไปแสดงวิสัยทัศน์ให้นิสิตฟังโดยเอาคะแนนมาล่อ กันนิสิตบางคน เช่น นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์และอดีตประธานสภานิสิตจุฬาฯ ที่ถูกเผด็จการตั้งข้อหาให้ไปฟังที่ชั้นสอง การแสดงออกของจุฬาฯตอกย้ำว่า จุฬาฯนอกจากไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนแล้ว ยังพร้อมจะย่ำยีนิสิตและตบหน้าประชาชนเพื่อเอาใจเผด็จการ ดังนั้น ในฐานะนิสิตเก่าต้องขอโทษประชาชน แต่ภาพของนิสิตบางคนที่ใช้หน้ากากและกระดาษเพียงแผ่นเดียว สื่อสารถึงความรู้สึกของตัวที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้บริหาร ทำให้มีกำลังใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ ที่พร้อมจะต่อสู้และไม่ยอมจำนนกับความไม่ถูกต้อง ขอส่งกำลังใจให้กับนิสิตดังกล่าว พร้อมขอสดุดีประชาชนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพ ยืนหยัดในหลักการไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการแม้จะถูกดำเนินคดี

“เต้น” ทวง ป.ป.ช.รื้อคดีสลายชุมนุม

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เดินทางทวงถามความคืบหน้าขอให้ ป.ป.ช.รื้อฟื้นการดำเนินคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 53 เนื่องในโอกาสครบรอบ 8 ปี เหตุการณ์สลายชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว โดยนายณัฐวุฒิและแกนนำ นปช.พร้อมใจกันแต่งกายเป็นคนจรจัด ไร้ที่พึ่ง ใส่เสื้อผ้ามอมแมม นุ่งกางเกงขาสั้น ถือป้ายข้อความ “อยุติ-ธรรม” ไว้บนบ่า นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีว่า รู้สึกเสียใจและเจ็บปวด เพราะสิ่งที่ถามมาตลอดไม่มีความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ระบุว่า อยู่ระหว่างเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เมื่อเทียบเคียงกับคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว เหตุใดคดีกลุ่ม นปช.จึงล่าช้า ไม่คืบหน้า ยืนยันจะจะติดตามทวงถามความยุติธรรมให้ได้ ขอฝากไปถึงประธาน ป.ป.ช.ว่า หากถึงที่สุดถ้าเห็นว่านี่คือการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะดำเนินการรวบรวมรายชื่อประชาชน ยื่นต่อประธานรัฐสภาส่งต่อให้ประธานศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระต่อ ป.ป.ช. เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะดำเนินการ แต่จะรอให้มีสภาฯจากการเลือกตั้งก่อน

เสื้อแดงรำลึก 8 ปี 10 เม.ย.53

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ศาลาพระเทพสุเมธี วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน แกนนำกลุ่ม นปช. นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายนิสิต สินธุไพร นางธิดา ถาวรเศรษฐ นัดหมายคนเสื้อแดง ญาติผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ร่วมจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ในวันครบรอบ 8 ปี เหตุสลายชุมนุมกลุ่ม นปช. 10 เม.ย.53 ที่บริเวณถนนดินสอ แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีพระสงฆ์ 10 รูปสวดบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์และถวายเพล จากนั้นมีพิธีรำลึกเหตุการณ์ด้วยการยืนสงบนิ่งต่อหน้าภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายชุมนุม พร้อมเปิดเพลงนักสู้ธุลีดิน ศิลปินเสื้อแดง จิ้น กรรมาชน ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสลด ญาติผู้เสียชีวิตถึงกับร่ำไห้ออกมาด้วยความอาลัย นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ภารกิจ นปช.ยังไม่จบ เชื่อหลังการเลือกตั้ง พลังของฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นกระแสที่สูงกว่าฝ่ายสืบทอดอำนาจ จะทำให้ทุกฝ่ายต้องกลับมาพูดคุยหาทางแก้ปัญหาการสืบทอดอำนาจ เมื่อถึงช่วงนั้นนปช.พร้อมประสานความร่วมมือกับทุกกลุ่มทุกพรรค

“วัชรพล” ชี้ จนท.กังวลคดีเสื้อแดง

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่ม นปช. ยื่นหนังสือพร้อมนำหลักฐานใหม่ต่อ ป.ป.ช. ให้ทบทวนคดีสลายการชุมนุมปี 53 ว่า เจ้าหน้าที่ทำสำนวนมีความกังวลใจอยู่บ้างกับคดีดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องตั้งแต่ปี 51-53 เชื่อมโยงกับคำวินิจฉัยของศาล จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า สำนวนดังกล่าวจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร คาดหลังสงกรานต์จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช.ได้ แต่เมื่อ ป.ป.ช.มีมติออกมา อาจมีมุมมองของคนที่เห็นต่างออกไปได้

ชพน.เปิดรับสมาชิกยืนยันสถานะ

วันเดียวกัน ที่สำนักงานสาขาพรรคชาติไทยพัฒนา จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดรับการยืนยันเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาที่มาจากอำเภอต่างๆ นอกจากนี้ ในพื้นที่ในอำเภอต่างๆ ใน จ.สุพรรณบุรี ได้มอบหมายให้ ตัวแทนของแต่ละพื้นที่เดินทางไปยังภูมิลำเนาที่ประสงค์ได้ยืนยันสมาชิกพรรค โดยนายวราวุธกล่าวว่า วันนี้สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาในส่วนอำเภอเมืองกว่า 200 คน ทยอยเข้ามายืนยันความเป็นสมาชิกภาพ พร้อมจ่ายค่าบำรุงพรรค ส่วนในต่างอำเภอก็มีตัวแทนพรรคในพื้นที่ อาทิ นายประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย นายเสมอกัน เที่ยงธรรม นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายนพดล มาตรศรี นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง นายสรชัด สุจิตต์ อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี เป็นตัวแทนพรรค ในการให้สมาชิกพรรคยืนยันสมาชิกภาพในอำเภอต่างๆ ทั้ง จ.สุพรรณบุรี เรามีสมาชิกอยู่ประมาณ 4,500 คน จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด ไม่ให้น้อยกว่าครึ่ง