ถูกลดเกรดอยู่ก.ทรัพยากรฯ ‘อภิศักดิ์’โยกไปคุมคมนาคม ปรับ‘อนันตพร-อภิรดี’ออก
“บิ๊กตู่” ฟิตจัดหลังบินกลับถึงไทย สั่งยกเลิกวาระงานกะทันหัน งดภารกิจนอก เข้าทำเนียบจัดโผ ครม. ชี้นิ่งแล้วอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนเลขาฯ ครม. รูดซิปปากสนิท กระแสแรงโยก “บิ๊กฉัตร” พ้นเกษตรฯ ไปนั่งกระทรวงทรัพย์ ดึง “ยุคล” ลูกหม้อเสียบแทน มอบอำนาจ “สมคิด” จัดทัพทีมเศรษฐกิจใหม่ โยก “อภิศักดิ์” ไปคุมเมกะโปรเจกต์คมนาคมแทน “อาคม” “อภิรดี” พ้น พณ. “อนันตพร” หลุดวงโคจร ดัน “อารีพงศ์” คุมพลังงานแทน เขี่ย “อดุลย์” ดึง “บิ๊กแป๊ะ” เสียบ รมว.พม. “วุฒิศักดิ์” โผล่คั่วเก้าอี้ ศธ. เอาอีกจ้องจับผิด “บิ๊กป้อม” ป่วยการเมือง คนสนิทยันยังสบายดี กลุ่มประมงแห่ให้กำลังใจ “ฉัตรชัย” ขออยู่สางปมไอยูยูต่อ “พิชัย” แซะโละทีมเศรษฐกิจ “วิษณุ” ประชด กกต.ว่างงาน ส่งศาล รธน.ตีความเลือกตั้งท้องถิ่น ประสานเสียง “มีชัย” ไม่ปลดล็อกไม่ใช่ปัญหา
ความคืบหน้าเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ก็เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลทันที ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหู
จับตา “บิ๊กตู่” เข้าทำเนียบจัดโผ ครม.
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ถึงไทยกลางดึก เมื่อเวลา 02.25 น. ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีวาระงานหรือการประชุมอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ระบุว่าลงตัวแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการตามกระบวนการ กระทั่งเวลา 13.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการ ธปท. เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นได้นั่งทำงานต่อที่ห้องทำงาน โดยงดการออกกำลังกายประจำสัปดาห์
...
นายสุวิทย์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้นัดประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาการศึกษา
สั่งยกเลิกวาระงานกะทันหัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ยกเลิกกำหนดการเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ASEAN @ 50; In Retrospect ของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 16 พ.ย. เวลา 09.00 น. อย่างกะทันหัน โดยมอบหมายให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ไปเป็นประธานแทน ขณะที่ในวันที่ 16 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีภารกิจนอกทำเนียบรัฐบาล มีเพียงในเวลา 13.30 น. จะให้การต้อนรับนายโก๊ะ จ๊ก ตง รัฐมนตรีอาวุโสเกียรติคุณสิงคโปร์และอดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และเวลา 15.00 น. บันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
เลขาฯ ครม.รูดซิปปากพูดไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าเรื่องการปรับ ครม. ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ให้คำตอบเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้สื่อมวลชนไม่ต้องรอที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะตนก็ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ส่วนเรื่องอื่นคงพูดไม่ได้
“บิ๊กโด่ง” คุมงาน ครม.สัญจรใต้
ช่วงเช้าที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งที่ 3/2560 จ.สงขลา และการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ปัตตานี ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า มีการประสานในพื้นที่เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่มีอะไรน่าหนักใจหรือน่าเป็นห่วง ส่วนกระแสข่าวว่าอาจถูกปรับ ครม.ด้วยนั้น ยังไม่ทราบ ไม่มีใครทราบอะไรหรอก ทุกคนยังทำงานปกติ และตั้งใจทำงานเต็มที่ ส่วนการปรับ ครม. จะเป็นอย่างไรไม่ทราบเหมือนกัน
ทส.ปัด “บิ๊กป้อม” ป่วยการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.ปัตตานี และสงขลาแทน ทำให้ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตกันมากที่ พล.อ.ประวิตรหายตัวไป จึงสอบถามไปยังนายทหารคนสนิทที่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ทราบว่าติดภารกิจส่วนตัวที่ต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่าเป็นภารกิจใด แต่ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร สบายดี ไม่ได้ป่วยอะไร และ พล.อ.ประวิตรจะเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดมหกรรมทางเรือนานาชาติ ครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ในวันที่ 19 พ.ย.นี้แน่นอน
กลุ่มประมงให้กำลังใจ “บิ๊กฉัตร”
วันเดียวกันเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมง 22 จังหวัดชายทะเล ประมาณ 500 คน เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หลังมีกระแสข่าวหนาหูว่าจะถูกปรับพ้นจากตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ โดย พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวกับผู้มาให้กำลังใจ ว่า ขอบคุณชาวประมงที่มาให้กำลังใจ ความจริงไม่อยากให้กลุ่มใดมา เพราะอาจถูกนำไปบิดเบือนกันว่าจัดตั้งกลุ่มมาให้กำลังใจตัวเอง เพราะไม่ทำอยู่แล้ว การที่ชาวประมงเดินทางมาเขาคิดกันเอง เหมือนกลุ่มชาวนาที่โทรศัพท์คุยกับตนว่าจะเดินทางมาให้กำลังใจทั้ง 77 จังหวัด ยังห้ามไม่ให้มา ส่วนการจะพิจารณาว่าจะให้อยู่ หรือไปทำงานตรงไหน เป็นหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพิจารณา
รีบแจงไม่ได้จัดม็อบหนุนตัวเอง
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ไม่รู้จริงๆเรื่องการปรับ ครม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไร แต่ไม่ อยากให้มีการมาชุมนุมที่กระทรวงเกษตรฯอีก เพราะเหมือนเป็นการกดดัน และบางคนก็นำไปกล่าวหาว่าจัดตั้งม็อบมาให้กำลังใจตัวเอง ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสพูดคุยอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์เลย เนื่องจากเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการพูดคุยเรื่องปรับ ครม.กัน
ขอให้อยู่แก้ปัญหาไอยูยูต่อ
นายมงคล สุขเจริญคนา นายกสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดินทางมาให้กำลังใจ พล.อ.ฉัตรชัยที่แก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) เพราะเหลือเพียงไม่กี่ก้าวก็จะสำเร็จแล้ว จึงไม่เห็นด้วยหากจะปรับ พล.อ.ฉัตรชัยออกจาก รมว.เกษตรฯ เพราะเปรียบเสมือนเปลี่ยนม้ากลางศึก การแก้ไขปัญหาไอยูยูอาจสูญเปล่า ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาการทำงานระหว่าง พล.อ.ฉัตรชัยกับชาวประมงเป็นไปอย่างราบรื่น พล.อ.ฉัตรชัยมีความเข้าใจและรับฟังชาวประมงดี ถ้าเกิดเปลี่ยนคนตอนนี้การแก้ไขปัญหาไอยูยูที่กำลังทำอยู่อาจหยุดชะงักได้ และอาจส่งผลต่อชาวประมงทั้งประเทศ
“ออมสิน” เชื่อจะชัดเจนเร็วๆนี้
ที่ จ.ชัยนาท นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างนำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้ความช่วยเหลือ และมอบถุงยังชีพให้ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จ.ชัยนาท และสิงห์บุรี ว่า นายกฯและรัฐบาลไม่เคยลืมพื้นที่ ไม่เคยลืมประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม ส่วนกระแสข่าวว่าอาจถูกปรับออกจาก ครม.นั้น ยืนยันว่าไม่ทราบ ยังทำงานปกติตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนการปรับเปลี่ยนต่างๆเป็นเรื่องของนายกฯ และเชื่อว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเร็วๆนี้
“วุฒิศักดิ์” มีชื่อโผล่คั่วเก้าอี้ ศธ.
ด้านนายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามให้รับตำแหน่ง รมต.ศึกษาธิการในการปรับ ครม. เที่ยวล่าสุดว่า ยังไม่ทราบ ไม่ใช่คนให้ข่าวเรื่องนี้ เมื่อถามว่าได้รับการทาบทามจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯหรือยัง นายวุฒิศักดิ์ตอบว่า ขอให้มีความชัดเจนก่อนจึงค่อยพูด
“พรเพชร” เผยยังไม่มี สนช.ไขก๊อก
ช่วงเย็นที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวถึงกระเเสข่าวมี สนช.บางส่วนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ว่า ยังไม่มีสมาชิกสนช.คนใดมายื่นใบลาออกกับตนอย่างเป็นทางการ แต่โดยขั้นตอนเเล้ว ใครจะลาออกไปเป็นรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่ง สนช. ก่อนที่จะมีการแต่งตั้ง
“บิ๊กแป๊ะ” ไม่พูดกระแสข่าวลาออก
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ให้สัมภาษณ์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นำคณะเดินทางมาราชการที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 13-19 พ.ย. เพื่อหารือกระชับความสัมพันธ์กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่อต้านก่อการร้าย และการฝึกอบรมให้ตำรวจไทยมีศักยภาพสูง รวมทั้งในเอเชีย ยุโรป และออสเตรเลีย ส่วนกระแสข่าวลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ไปดำรงตำแหน่งอื่นนั้น ผบ.ตร.คงไม่ตอบคำถาม ขอตอบเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมาทำเต็มความสามารถ ยึดคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เช่น ปราบยาเสพติด ค้ามนุษย์ ดูแลความมั่นคง โดยเฉพาะความเดือดร้อนประชาชน
“ศรีวราห์” ว่าแค่ข่าวลือฟังไม่ได้
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา โฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบ.ตร.ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนกรณีที่ ผบ.ตร.เดินทางไปต่างประเทศ จะมีรอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุดเป็นผู้รักษาราชการแทน คือ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน
ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า รอง ผบ.ตร.ทุกคน เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่ง ผบ.ตร. ตนขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดยังไม่มีผู้ใดทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนต่อไป ว่า เรื่องนี้ตอบไม่ได้ ไม่มีความเห็น เป็นข้าราชการประจำ มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเหนือตนที่ชอบด้วยกฎหมาย อะไรที่เป็นคำสั่งก็ต้องปฏิบัติ ไม่ได้เจอ ผบ.ตร.เนื่องจากท่านเดินทางไปต่างประเทศ เรื่องข่าวลือก็คือ ข่าวลือฟังไม่ได้อยู่แล้ว ในชั้นศาลไม่มีใครฟัง ฟังไม่ได้
โยก “บิ๊กฉัตร” ไปนั่งกระทรวงเกรดบี
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการปรับ ครม.ล่าสุด คาดว่าจะมีปรับย้ายประมาณ 10 กว่าตำแหน่ง ในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีโควตาทหาร คาดว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะถูกปรับย้ายจาก รมว.เกษตรฯ ไปนั่งเป็น รมว.แรงงาน ที่ว่างลง แต่กระทรวงแรงงานเป็นโควตาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ พล.อ.ฉัตรชัย อาจถูกโยกสลับมานั่งเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีการทาบทามนายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีต รมว.เกษตรฯในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มานั่ง รมว.เกษตรฯแทน ซึ่งนายยุคลเป็นคนสนิทนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ล่วงลับ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย อาจถูกปรับหลุดจากวง ครม.เลย แต่อาจเป็นเพราะมีสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับนายกฯ จึงถูกโยกมาอยู่ในกระทรวงเกรดบีแทน ด้านกระทรวงพลังงาน คาดว่า พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน จะถูกปรับออก โดยมีการทาบทามให้นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เข้ามาเป็นแทน
หึ่ง “บิ๊กแป๊ะ” ยอมทิ้ง สตช.นั่ง พม.
สำหรับกระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้งหมด นายกฯมอบอำนาจให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นผู้จัดสรร โดยกระทรวงพาณิชย์อาจปรับนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ออกจากตำแหน่ง ขณะที่กระทรวงคมนาคม นายสมคิดต้องการผลักดันนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังแทน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เพื่อให้เดินงานเมกะโปรเจกต์ ขณะเดียวกันในส่วนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งมีชื่อมาตั้งแต่ในช่วงแรกของการปรับ ครม.และอยู่ในช่วงการต่อรองตำแหน่ง ซึ่งมีชื่อไปดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรมหรือ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ล่าสุดคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะไปแทน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจะถูกปรับออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดในช่วงค่ำมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ มีการหารือกับนายกฯ หากต้องถูกปรับพ้นจาก รมว.เกษตรฯ ก็ขอขึ้นเป็นรองนายกฯ เพราะไม่ต้องการไปดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน หรือ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ
“พิชัย” จี้ยกเครื่องทีมเศรษฐกิจ
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกระแสข่าวว่าจะมีการปรับ ครม. โดยเป้าใหญ่อยู่ที่ทีมเศรษฐกิจที่บริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลว ประชาชนเดือดร้อนกันมาก ทุกผลโพลระบุตรงกันอยากให้ปรับเปลี่ยน ไม่แน่ใจว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะถูกปรับเปลี่ยนด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง แต่กลับบอกว่านโยบายเศรษฐกิจยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน หากไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์หวังจะตั้งพรรคการเมืองเพื่อกลับมาเป็นนายกฯต่อ ต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ และหากจะเปลี่ยนแต่ตัวบุคคลแต่ไม่เปลี่ยนแนวทางนโยบายก็ไม่น่าจะแก้ปัญหาได้ ควรหรือไม่ที่นายกฯต้องปรับเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาความนิยมไม่ให้ตกต่ำลงไปกว่านี้ เพราะจะทำให้หมดโอกาสกลับมาเป็นนายกฯได้อีก
พท.ตื๊อไม่เลิก ขอ คสช.ปลดล็อก
ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี บริเวณสำนักงาน ก.พ. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนนายวิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ขอให้ยกเลิกประกาศคสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง นายอนุสรณ์กล่าวว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดให้พรรคการเมืองต้องทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการจะมีผลทางกฎหมาย พรรคเพื่อไทยจึงขอให้หัวหน้า คสช.ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยเร็วอย่างไม่มีเงื่อนไข การที่ยังไม่ปลดล็อกโดยอ้างว่าบ้านเมืองยังขัดแย้ง ดูไม่สมเหตุสมผล รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายพิเศษในมือจัดการได้ จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าที่ยังไม่ปลดล็อก น่าจะมาจากเหตุผลของ คสช. มากกว่าเหตุผลของพรรคการเมือง เช่น เริ่มมีการเคลื่อนไหวตั้งพรรคทหาร ที่ยังจัดองคาพยพไม่เสร็จ หรืออีกเหตุผลคือต้องการชิงความได้เปรียบทางการเมือง ใช่หรือไม่
“ถาวร” ขอแยกแยะอย่าเหมารวม
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. กล่าวว่า กรณีรัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่จะสร้างสถานการณ์นั้น ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าช่วงที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรหลัก ทั้งข้าว ยาง และปาล์มน้ำมัน ราคาตกต่ำมาก เกษตรกรรายย่อยเดือดร้อนแสนสาหัส แต่รัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบอ้างกลไกราคาตลาด ซึ่งเป็นการแก้ตัว ดังนั้น รัฐบาลต้องแยกแยะให้ออก เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือ ทั้งหน่วยงานข่าว มีประวัติภูมิหลัง และพฤติการณ์ของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม รู้ดีอยู่แล้ว ยืนยันว่าในส่วนของชาวสวนยางที่ออกมา เพราะเขาเดือดร้อนจริงๆ ดังนั้นอย่าเหมารวมว่าทั้งหมดมีเจตนาแอบแฝง
แนะใช้กองทุนฟื้นฟูฯช่วยเกษตรกร
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ฝากเรียกร้องถึงรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาเกษตรกรรายย่อย ที่ขอให้ปรับปรุง พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ที่ผ่านมารัฐบาลนี้แก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด ดังนั้นการพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับภาระหนี้สินเพื่อใช้กองทุนฟื้นฟูฯมาบริหารจัดการให้เป็นรูปธรรม จะเป็นส่วนหนึ่งที่บรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านได้ และขอให้รัฐบาล โดยสำนักนายกรัฐมนตรี กับกระทรวงการคลัง นำระบบประกันรายได้เกษตรกร มาใช้แก้ไขปัญหาวิกฤติราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำด้วย
“วิษณุ” ประชด กกต.พวกว่างงาน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า เมื่อ กกต.มีข้อสงสัยจึงต้องหาคำตอบ โดยยื่นศาลรัฐธรรมนูญตามช่องทาง ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดีเสียอีก กกต.จะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในช่วงที่ไม่ได้ทำอะไร ทั้งนี้รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ กกต.เป็นเจ้าภาพจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ กกต.จะมอบหมายให้หน่วยงานอื่นหรือไม่ ก็แล้วแต่ เมื่อถามถึงการปลดล็อกพรรคการเมืองที่ กกต.เดินทางการมาดูระบบ การตรวจสอบข้อมูลสมาชิกพรรคของพรรคชาติไทยพัฒนา เหมือนกดดันรัฐบาลให้ปลดล็อกการเมืองเร็วขึ้นหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ได้มีสัญญาณใดๆ ถือว่าดีแล้วที่ กกต.ไปดูงาน ทำให้รู้ว่าพรรคการเมืองที่มีสมาชิกพรรคมาก จะตรวจสอบเรื่องสมาชิกภาพอย่างไร เนื่องจากระเบียบกฎหมายเก่าและใหม่ไม่เหมือนกัน
เสียงแข็งไม่ปลดล็อกไม่ใช่ปัญหา
เมื่อถามว่าเมื่อได้รับเสียงสะท้อนปัญหาการตรวจสอบสมาชิกภาพพรรค จะพิจารณาปลดล็อกเร็วขึ้นหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ คงต้องถามนายกฯและ คสช. นายกฯยังไม่ได้หารือเรื่องนี้กับตน เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยท้วงติงว่าแม้ กกต.จะมีอำนาจขยายกรอบเวลา แต่จะส่งผลให้พรรค การเมืองส่งผู้สมัครไม่ทัน นายวิษณุตอบว่า เรื่องนี้เรารู้แล้ว คสช.ก็รู้ กฎหมายบอกไว้ เชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถแก้ไขได้ ประเด็นนี้ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรือทางตัน นายกฯยืนยันว่าจะไม่ให้เป็นภาระและกระทบต่อสิทธิพรรคการเมือง นายกฯคงเห็นแนวทางแล้ว จึงยังไม่มีอะไรต้องตกใจในเวลานี้ เรารู้ว่าถ้าไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง หรือทำไม่ทัน จะกระทบต่อการรับเงินอุดหนุนพรรคการเมืองและการส่งคนลงสมัคร เมื่อรู้แล้วต้องหาทางแก้ไข
“มีชัย” ชี้แก้ ก.ม.ได้ถ้าทำไม่ทัน
ช่วงบ่ายที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ว่า จะเสร็จทันวันที่ 28 พ.ย.ตามกำหนดที่จะส่งให้ สนช.พิจารณา ส่วนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการของ สนช. หากตั้งคณะกรรมาธิการชุดเดียวพิจารณาทั้ง 2 ฉบับได้ก็จะดี เบื้องต้น กรธ.จะพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วย ส.ส.เสร็จภายในสัปดาห์นี้ แล้วสัปดาห์หน้าจะเอามาดูคู่กับกฎหมาย ส.ว. ว่าต้องแก้อะไรให้สอดคล้องกันบ้าง ส่วนข้อสังเกตว่า กฎหมาย ส.ส. มีปัญหา เช่น ต่างเขตต่างเบอร์ของผู้สมัคร เรามีตัวแทนจาก กกต.มาร่วมพิจารณาด้วย เขาบอกทำได้ ส่วนรายละเอียดอื่นที่พรรคต้องทำ เช่น ตรวจสอบสมาชิก หากทำไม่ทัน ขอให้ กกต.ขยายเวลาได้ หรือแก้กฎหมายพรรคการเมืองได้ โดย กกต.มีอำนาจเสนอให้ สนช.พิจารณา ตรงไหนมีปัญหาก็แก้ เหมาะสมกว่าการออกคำสั่ง คสช.
ให้ ป.ป.ช.เปิดกรุแต่ปิดเรื่องส่วนตัว
นายมีชัยกล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่พรรคการเมืองต้องตรวจสอบจำนวนสมาชิกของพรรคตามกฎหมายกำหนด อาจใช้วิธีการส่งจดหมาย หรือใช้การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต ส่วนกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกพรรค เช่น ถูกคำพิพากษาให้จำคุกนั้น ต้องให้บุคคลนั้นลงนามเพื่อยืนยัน และรับรองเพื่อให้พรรคไม่เกิดปัญหา เมื่อถามถึงข้อกำหนดการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฎหมายลูก ให้เปิดเผยโดยสรุป จะกระทบสิทธิการรับรู้ข้อมูลหรือไม่ นายมีชัยตอบว่า กฎหมาย ป.ป.ช.ต้องเปิดเผย แต่อย่าเปิดจนเขาเดือดร้อน เช่น เลขบัตรประชาชน เลขทะเบียนต่างๆ ไม่ลิดรอนสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การเปิดเผยต้องเปิดครบเหมือนเดิม แต่ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคล ไม่เช่นนั้นจะมีคนไม่หวังดีเอาข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ เราต้องปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของเขาด้วย จึงไม่ได้ถอยหลังไปกว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา
จับตาพวกบิดเบือนในสื่อโซเชียล
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึง กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆเวลานี้ ว่า จากข่าวสารพบว่าบางกลุ่มยังมีการเคลื่อนไหวบิดเบือนผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ ในส่วนที่เป็นคำแนะนำดีๆก็มี ส่วนที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ต้องติดตามในสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรสั่งการ เมื่อถามว่าจะถึงขั้นต้องเรียกมาปรับ ทัศนคติอะไรหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชตอบว่า คงตอบเรื่องนี้ไม่ได้
สตช.ยันสถานการณ์ยังปกติดี
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีมีหนังสือสั่งการถึงทุกหน่วยในสังกัด ติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่มีข้อมูลต้องการล้มล้างรัฐบาลว่า เป็นหนังสือสั่งการตามปกติตามวงรอบ สั่งการให้ทุกพื้นที่ออกสืบสวนหาข่าว ติดตามปัญหาจากข้างล่างขึ้นบน ว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือมีปัญหาเรื่องอะไร ไม่ได้เป็นไปตามที่ไปตีความกัน ที่ผ่านมาคำสั่งดังกล่าวออกมาเป็นระยะ จึงถือเป็นวงรอบปกติด้านการข่าว ขออย่าตื่น ตระหนก
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ได้มีเหตุอะไร เป็นเพียงการเฝ้าระวังตามปกติ สำหรับวันที่ 16 พ.ย.การชุมนุมของกลุ่มหนี้สินเกษตรกรไม่มีปัญหาอะไร การชุมนุมต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข อย่าผิดกฎหมาย และยังไม่ได้รับรายงานว่ามีความเคลื่อนไหวเป็นพิเศษของกลุ่มใด ตำรวจมีมาตรการดูแลความสงบของประเทศมาตั้งแต่ปี 2557 คำสั่งเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ไม่ได้มีนัยอะไร บ้านเมืองยังปกติ
ตั้งเป้า 5 ปีปฏิรูประบบยุติธรรม
อีกเรื่อง นายอัชพร จารุจินดา ประธานคณะ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม แถลงว่า เป้าหมายการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่ วางแผนไว้ในระยะ 5 ปี จะมุ่งสู่เป้าหมายให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม มี 5 ข้อ คือ 1.ให้ประชาชนเป็นเจ้าของกระบวนการยุติธรรม ปรับกระบวนการทำงานให้สนองความต้องการประชาชน ต้องไม่ให้มีคำว่าตำรวจไม่รับแจ้งความ คดีไม่คืบหน้า 2.ให้ประชาชนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน กระบวนการยุติธรรมสามารถช่วยเหลือประชาชน การประกันตัวต้องได้รับการปฏิรูปใหม่ 3.ปฏิรูประบบการสืบสวนสอบสวนใหม่ให้เชื่อมั่นว่ากระบวน การสอบสวนมีความโปร่งใส 4.สร้างสังคมให้มีความปลอดภัยยั่งยืน ปรับปรุงระบบการลงโทษใหม่ เปลี่ยนแนวคิดว่าใครผิดจับเข้าคุกอย่างเดียวซึ่งไม่เกิดประโยชน์ แต่ต้องดูการลงโทษที่เหมาะสมไม่ให้ทำผิดซ้ำอีก 5.ให้กระบวนการยุติธรรมสนับสนุนการพัฒนาประเทศ
เล็งเปลี่ยนระบบประกันตัวใหม่
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกคณะกรรมการปฏิรูปฯ กล่าวว่า ได้จัดทำแผนปฏิรูปขั้นต้นเสร็จแล้วมี 10 ประเด็นคือ 1.กำหนดระยะดำเนินงานทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมให้ชัดเจน 2. สร้างกลไกช่วยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม 3.สร้างกลไกให้บังคับ ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น การปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาคดีอาญา โดยใช้ระบบประเมินความเสี่ยงและกำกับดูแลหลังปล่อยตัว มาแทนการเรียกทรัพย์สินเป็นหลักประกัน 4.สร้างกลไกบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด 5.ปรับปรุงระบบสอบสวนคดีอาญาให้ตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับอัยการ 6.ปรับปรุงระยะเวลา ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนไม่ให้คดีขาดอายุความ 7.สร้างความเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและอัยการในคดีอาญา 8.การปฏิรูประบบนิติวิทยาศาสตร์ 9.เสริมสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมให้อำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างรวดเร็ว 10.พัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
“วรวิทย์” นั่งเลขา ป.ป.ช.คนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงความคืบหน้าการพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการป.ป.ช. แทนนายสรรเสริญ พลเจียก ที่ลาออกไปเป็นคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ว่า ในการประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ประชุม ป.ป.ช. ลงมติเห็นชอบให้ นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช.เป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.คนใหม่ ตามที่คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช. ที่มี พล.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน เสนอชื่อมาให้ที่ประชุม ป.ป.ช.เห็นชอบ
จ่อร้องอดีต อสส.ไม่ฟ้อง “สุเทพ”
นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) กล่าวว่า วันที่ 16 พ.ย. ตนจะไปยื่นข้อกล่าวหา นายตระกูล วินิจฉัยภาค ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด และนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบและไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของบุคคลทั้ง 3 ที่กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ พ.ร.บ. ป.ป.ช. กรณีไม่สั่งฟ้องและดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือก-สุบรรณ อดีตรองนายกฯ กับพวกในข้อหากบฏ ตามที่อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้แถลงการณ์สั่งฟ้องคดี และได้ฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาบางส่วนไว้แล้ว แต่นายสุเทพ และผู้ต้องหาบางส่วนยังไม่ถูกดำเนินคดี จนล่วงเลยมาถึง 3 ปีกว่า ขณะนี้พยานหลักฐานประกอบกับระยะเวลาที่ล่าช้า แต่ไม่มีการนำผู้ต้องหาที่เหลือส่งฟ้องทำให้คดีเกิดความเสียหาย
ผบ.สูงสุดมอบนโยบายให้ ทบ.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับกองทัพบก โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.นำผู้บังคับบัญชาระดับสูงและผู้บังคับหน่วยของกองทัพบกให้การต้อนรับ การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยมอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังเข้าดำรงตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ทั้งนี้ พล.อ.ธารไชยยันต์ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กองทัพบกให้ความเร่งด่วนในการพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการหน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” รวมทั้งการปฏิบัติตาม ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเต็มขีดความสามารถและสมพระเกียรติ และให้ยึดถือนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงกลาโหม และนโยบายเร่งด่วนของ รมว.กลาโหมเป็นแนวทาง