2 ผัวเมียเจ้าของธุรกิจให้เช่าสินสอดและออมทองสะอื้นไห้ โร่ร้องเรียนที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข หลังถูกสาวแสบรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน เป็นลูกจ้าง อบต.ในเมืองนครศรีธรรมราช แถมมีพ่อเป็นตำรวจยศ ร.ต.อ. มาขอร่วมทำธุรกิจด้วย ก่อนแอบปลอมแชตไลน์ ทำทีเป็นลูกค้ามาเช่าสินสอดและออมทองเกือบ 750 ราย ตุ๋นเงินไปได้กว่า 11 ล้านบาท เข้าแจ้งความแต่คดีไม่คืบ

สาวแสบปลอมไลน์เป็นลูกค้าหลอกเช่าสินสอดและทองคำ 2 ผัวเมียสูญกว่า 11 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 12 ก.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายปิยพัชร์ สมใจ อายุ 34 ปี น.ส.อธิจิตตรา นาคราช อายุ 28 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของธุรกิจให้เช่าสินสอดและทำธุรกิจออมทอง นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข หลังถูกอดีตลูกจ้างและเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและอ้างเป็นลูกตำรวจ ทำทีมาตีสนิทให้ตายใจหลอกลวงว่า สามารถหาลูกค้ามาเช่าสินสอดได้ แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกสูญเงินไปกว่า 11 ล้านบาท แจ้งความดำเนินคดีแล้วแต่ไม่คืบหน้า หนำซ้ำพ่อของผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจบอกทางผู้เสียหายหากอยากได้เงินคืนให้ไปฟ้องเอาเอง

น.ส.อธิจิตตราผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ตนทำธุรกิจผ่อนสินค้า ทองคำ และให้เช่าสินสอด มา 3-4 ปี ต่อมาเมื่อเดือน ต.ค.66 มีรุ่นน้องเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันชื่อ น.ส.ฟิล์ม อายุ 26 ปี ลูกจ้างฝ่ายการเงิน อบต.แห่งหนึ่ง จ.นครศรีธรรมราช ทักไลน์มาหาจะขอผ่อนทองคำ ช่วงแรกจ่ายเงินปกติ สักพัก น.ส.ฟิล์มมาขอเป็นนายหน้าในพื้นที่ภาคใต้ อ้างจะหาลูกค้ามาผ่อนทองให้ ตนมองว่าเป็นการขยายธุรกิจเลยตกปากรับคำ จะใช้วิธีโอนเงินเข้าร้านทองโดยตรง และให้ น.ส.ฟิล์มไปรับทองที่ร้าน ที่ผ่านมาผ่อนจ่ายตรงทุกงวด กระทั่ง เม.ย.67 น.ส.ฟิล์มบอกว่าอยากร่วมทำธุรกิจให้เช่าสินสอดด้วย อ้างรู้จักคนเยอะและเคยทำธุรกิจงานแต่งงานมาก่อน จะเปิดเพจดึงลูกค้ามาให้ แต่ขออ้างตัวเป็นเจ้าของเงินทั้งหมดเพื่อสร้างเครดิตกับลูกค้า ตนไว้ใจเห็นว่าเคยทำธุรกิจกันมาเลยตกลง แบ่งรายได้ให้ 30%

...

น.ส.อธิจิตตรากล่าวว่า น.ส.ฟิล์มวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ครั้งแรกอ้างว่ามีลูกค้ามาเช่าสินสอด 2 แสนบาท เมื่อถึงกำหนดคืน อ้างว่ามีลูกค้าเช่าต่อ และยอดค่ายืมสินสอดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอด 5 เดือน มีลูกค้าทั้งหมด 253 ราย ค่าสินสอดที่เอาไปกว่า 6.2 ล้านบาท น.ส.ฟิล์ม ได้ส่งแชตคุยกับลูกค้าสร้างสตอรีและความน่าเชื่อถือจนตนหลงเชื่อ กระทั่งวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนขอเงิน 9 แสนบาทคืน เพื่อไปจ่ายให้ญาติที่ร่วมลงทุน เพราะเห็นว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีงาน น.ส.ฟิล์มถึงยอมรับสารภาพว่าได้โกงตน และทุกแชตที่ผ่านมาอุปโลกน์ขึ้นทั้งหมดเพื่อต้องการเงิน เพราะ น.ส.ฟิล์มได้ตั้งวงแชร์ เป็นเท้าแชร์ และถูกโกงแชร์เช่นกัน ตนกับสามีได้เข้าแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 12 ส.ค.

ผู้เสียหายกล่าวต่อว่า จากนั้นลงไปตรวจสอบที่ จ.นครศรีธรรมราช พบว่าลูกค้าทั้งหมด ทั้งลูกค้าเช่าสินสอดและลูกค้าผ่อนทองเป็นเรื่องโกหก ผู้ก่อเหตุไปเอารายชื่อคนรอบตัวหรือญาติมาแอบอ้าง หลังจับได้ว่า น.ส.ฟิล์มทำแชตปลอมเป็นลูกค้าขอเช่าสินสอด 253 ราย และปลอมแชตเป็นลูกค้าผ่อนทอง 494 ราย รวม 747 ราย ไล่ตรวจสอบสลิปทั้งหมดพบว่าการโอนเงินใช้บัญชีของเพื่อน ทุกอย่างปลอมหมด แต่ตัว น.ส.ฟิล์มกลับใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายกับเงินของคนอื่น ทำให้ตนกับสามีสูญเงินรวมกว่า 11 ล้านบาท หลังแจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกเอะใจบ้างหรือไม่ว่าถูกโกง ผู้เสียหายกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า เอะใจแต่ไม่คิดว่าจะโกงขนาดนี้ คิดว่าน่าจะแอบเอาสินสอดไปให้เช่าเองไม่ผ่านทางร้าน เพราะตนในฐานะนายจ้างได้จ่ายทั้งเงินเดือนและค่าเปอร์เซ็นต์ให้ผู้ก่อเหตุมาตลอด เมื่อไปตามที่บ้านของผู้ก่อเหตุพบว่าพ่อผู้ก่อเหตุเป็นนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอก และยังถูกฝั่งครอบครัวของผู้ก่อเหตุพูดกลับมาว่า “เป็นคนให้มันไปเอง อยากได้ไปฟ้องเอา” รู้สึกเสียใจมากเพราะตนเป็นคนทำธุรกิจ มองว่าทำไมครอบครัวถึงไม่อบรม ทำไมลูกถึงอยากได้เงินของคนอื่น อีกทั้งผู้ก่อเหตุมีพ่อเป็นตำรวจ น่าจะแนะนำหรือชี้ช่องทางสู้คดี เนื่องจากหลังจากเกิดเรื่องได้ไปแจ้งความ แต่ผู้ก่อเหตุพยายามสู้คดีไปในทางคดีแพ่ง

นายธนกฤตกล่าวว่า มิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมโกงในลักษณะนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ มีความผิดคาบเกี่ยวกันระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง มิจฉาชีพจะต่อสู้และอ้างได้ว่า ผ่อนชำระจ่ายเงินเข้าระบบและเป็นเรื่องของการผิดสัญญา ทำให้เป็นคดีแพ่ง แต่พฤติการณ์ที่อุปโลกน์ สร้างลูกค้าปลอมเข้ามาเช่าสินสอดและทำเอกสารปลอมชื่อคนอื่น ถือเป็นคดีอาญา และเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ กระทำผิดไม่ต่ำกว่า 200 กรรม ในส่วนคดีอาญา ผู้ก่อเหตุอาจมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี ตนจะเข้าไปดูแลคดีนี้และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายแน่นอน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่