"ภูเก็ต" ศึกตะลุมบอนเดือด ริมชายหาดกะรน ที่แท้สาเหตุเพราะ "นักท่องเที่ยวอินเดีย" เบี้ยวเงิน 2,000 บาท ค่าเล่นพาราเซลลิ่ง อ้างลากรอบเล็ก-ไม่ถูกใจ

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา โซเชียลใน จ.ภูเก็ต มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ตะลุมบอนกันระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติกับคนไทย โดยระบุข้อความไว้ว่า "ซัดกันนัว ตะลุมบอนหาดกะรน กลุ่มแขกอินเดีย คาดกับเด็กร่ม อาจเกิดความเข้าใจผิดกัน #มวยทะเล #ภูเก็ต" โดยมีการลงภาพนิ่งเหตุการณ์ไว้จำนวน 5 ภาพ ซึ่งคาดว่าแคปมาจากคลิป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวคาดการณ์กันว่า เกิดขึ้นบริเวณชายหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ภาพนิ่งดังกล่าวแคปมาจากคลิปที่มีคนโพสต์ไว้ในติ๊กต่อก ความยาว 1.16 นาที ซึ่งในคลิปไม่ได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไหนและเกิดขึ้นเมื่อใด กลุ่มคนที่ตะลุมบอนกันนั้น ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใครกับใคร แต่จากการตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน ยังไม่มีการแจ้งความเหตุทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายกันบริเวณชายหาดกะรน เข้ามาแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าหลังเหตุการณ์จบ ไม่มีคนเจ็บ คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป เพราะอาจเป็นการเข้าใจกันผิด 

...

ความคืบหน้าล่าสุด วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.20 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณชายหาดกะรน ซึ่งเป็นจุดที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นจุดเกิดเหตุ โดยได้พบกับ นายโบ๊ต คนดูแลการเล่นพาราเซลลิ่ง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว

จากการสอบถาม นายโบ๊ต เล่าว่า จากคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักท่องเที่ยวได้มาขึ้นพาราเซลลิ่ง โดยได้ตกลงราคากันไว้ 2,000 บาทต่อ 1 รอบ แต่ขอเก็บเงินแขก แต่แขกก็ไม่ยอมจ่ายก่อน จริงๆ แล้วต้องจ่ายเงินก่อน หลังจากแขกไม่จ่ายก่อน ก็เลยให้แขกเล่นไปก่อน เพราะแขกบอกว่าเดี๋ยวเล่นเสร็จจะลงมาจ่าย เพราะมีเงินสดไม่พอ มีอยู่แค่ 1 พันบาท จึงให้แขกเล่น แต่หลังจากที่แขกลงมาจากเครื่องเล่นแล้ว อ้างว่าลากรอบเล็กเกินไป แล้วบอกว่าจะไม่จ่ายเงิน อ้างไม่เป็นไปตามที่เขาอยากเล่น

"จากนั้นตนได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เพื่อจะถ่ายแขกทั้งหมด เพื่อส่งต่อในกลุ่มว่าแก๊งนี้เป็นแก๊งที่เล่นร่มแล้วไม่จ่ายเงิน โดยถ่ายไว้ทีละคน จนเดินไปเจอคนสุดท้าย ยกนิ้วกลางให้ตนแล้วมากระแทกโทรศัพท์ของตน จึงเกิดการตะลุมบอนตามคลิปดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด เพียงแจ้งเตือนผู้ประกอบการด้วยกันให้ระวังไว้เท่านั้น" นายโบ๊ต กล่าว