ดีเอสไอ สนธิกำลังตำรวจ กรมท่องเที่ยว ลุยตรวจค้น 3 บริษัทนอมินีต่างชาติในภูเก็ต หลังขยายผลพบเส้นทางการเงินกว่า 200 ล้านบาทในกลุ่มปากีสถาน-อินเดีย ส่วนใหญ่เปิดร้านอาหาร ขณะที่กลุ่มยุโรป รัสเซีย เป็นอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. 67 นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการท่องเที่ยว สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นสำนักงานบัญชีและที่ปรึกษากฎหมายในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต กรณีต้องสงสัยว่ามีการประกอบธุรกิจในลักษณะเข้าข่ายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว (นอมินี) โดยเข้าตรวจค้น 3 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ 2 จุด เป็นที่ตั้งสำนักงานกับที่ทำงาน และอีกจุดเป็นบ้านพักอาศัยในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
...
นายทวีวัฒน์ กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เน้นการจัดเก็บข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปใช้ประกอบความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีการตั้งเป็นเลขคดีพิเศษสำหรับบริษัทดังกล่าว เมื่อประมาณปลายปี 66 ซึ่งเป็นการดำเนินการกับบริษัทสำนักงานบัญชีรายใหญ่ที่จดทะเบียนให้กับกลุ่มธุรกิจต่างชาติ
เบื้องต้นมีข้อมูลบริษัทอยู่กว่า 60 บริษัท โดยกลุ่มบริษัทดังกล่าวมี 2 ส่วน คือ มีคนต่างชาติเป็นตัวกลางในการจัดหาคนต่างชาติด้วยกันที่ต้องการมาลงทุนหรือประกอบธุรกิจในเมืองไทย โดยบริษัทจะทำหน้าที่ในการจดทะเบียนให้อยู่ในรูปแบบของธุรกิจในประเทศ จากข้อมูลที่สืบสวนได้
และข้อมูลเส้นทางการเงินนั้นจะมี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยุโรปและรัสเซีย จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมที่พัก กับกลุ่มชาวปากีสถานและอินเดียจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหาร เฉพาะเส้นทางการเงินที่ตรวจพบประมาณ 200 กว่าล้านบาท ไม่รวมในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในส่วนคนไทยที่เกี่ยวข้องมีจำนวนไม่มาก โดยทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งมีคนต่างชาตินำข้อมูลของนักลงทุนต่างชาติมาให้