ทำเสื่อมเสียชื่อเสียงเมืองไทย สาวแสบอ้างตัวเป็นไกด์และเอเย่นต์ทัวร์ รับเงินค่าจองห้องพักจากบริษัททัวร์มาเลย์กว่าครึ่งล้านบาท ให้ติดต่อจองห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์หาดใหญ่ ถึงเวลากลับลอยแพนักท่องเที่ยว 140 ชีวิตเคว้งคว้าง ที่แท้นำไปใช้ส่วนตัวจนเกลี้ยง นายกเทศบาลนครหาดใหญ่และเจ้าของโรงแรมต้องมาช่วยแก้ปัญหา เปิดห้องประชุมและห้องนวดให้นอนพักชั่วคราว ตำรวจเช็กประวัติเคยโดนแจ้งจับพฤติกรรมเดียวกันมาแล้ว
สาวแสบหลอกตุ๋นบริษัทนำเที่ยวมาเลย์ เอาเงินจองห้องไปใช้ส่วนตัวทำวุ่น นักท่องเที่ยวไม่มีห้องพักในช่วงสงกรานต์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินับหมื่นคน เข้ามาท่องเที่ยวในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเฉพาะชาวมาเลเซียเข้ามามากที่สุด ห้องพักทุกโรงแรมเต็มหมด ร้านค้า ร้านอาหาร มีนักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยแน่นขนัด คาดมีเงินสะพัดนับพันล้านบาท ส่งผลต่อเศรษฐกิจของ จ.สงขลา คึกคักขึ้นมาทันตาเห็น
ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุชุลมุลวุ่นวายขึ้น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย. พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับรายงานจาก พ.ต.ท.อดินันท์ วงศ์หมัดทอง รอง ผกก.ป. สภ.หาดใหญ่ ว่า มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียจำนวนมากถูกไกด์เถื่อนหลอกจองห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ โอนเงินมาให้จองห้องพักตั้งแต่เดือน พ.ย.66 แต่เมื่อมาถึงแล้วไม่มีห้องพักให้ หลังรับแจ้งสั่งการให้ พ.ต.ท.อนุวัฒน์ ฤทธิชัย รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ ประสาน พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.ทท.3 พ.ต.อ.กฤษณัฐ มนัส ผกก.3.บก.ทท.3 นำกำลังไปตรวจสอบที่หน้าโรงแรมญันนะตีย์โฮเต็ล ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ตั้งอยู่ใจกลางเทศบาลนครหาดใหญ่ พบรถบัสโดยสารจอดอยู่ 4 คัน มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กยืนอออยู่หน้าโรงแรม พนักงานโรงแรมแจ้งว่า ไกด์คนไทยที่รับเงินค่าจองห้องพักกับบริษัททัวร์มาเลเซียไม่ได้จองห้องพักกับโรงแรมแต่อย่างใด ไม่สามารถให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้
...
หลังทราบข้อมูล ตำรวจติดต่อและตามตัวไกด์หญิงคนไทยผู้รับจองห้องพักให้มาพบที่โรงแรมเพื่อแก้ไขปัญหา ทราบชื่อ น.ส.วณิชชา หรือเน อาชารัตนะ อายุ 39 ปี ทันทีที่ น.ส.วณิชชาพร้อมเพื่อนสาวทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวด้วยกันมาถึงโรงแรม และเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวพร้อมตำรวจถึงกับหน้าซีด ขณะที่ไกด์มาเลเซียและนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งกรูเข้าไปสอบถามเรื่องห้องพัก น.ส.วณิชชาอ้างตัวว่า เป็นพนักงานอยู่โรงแรมแห่งนี้ ขอให้ใจเย็นๆ จะจัดหาห้องพักให้
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับไกด์สาวชาวมาเลเซียทราบว่า นำนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเที่ยวงานสงกรานต์หาดใหญ่ จ่ายเงินจองห้องพักกับบริษัททัวร์มาเลเซีย จองห้องพักล่วงหน้า 2 คืน 3 วัน ทั้งหมด 64 ห้อง รวมเป็นเงิน 69,840 ริงกิต หรือประมาณ 539,000 บาท ตั้งแต่เดือน พ.ย.66 บริษัททัวร์ได้โอนเงินจองค่าห้องพักเข้าบัญชี น.ส.วณิชชา ไกด์ทัวร์และเอเย่นต์ฝั่งไทย เมื่อถึงวันเดินทาง นำนักท่องที่ยว 140 คน ขึ้นรถบัสโดยสาร 4 คัน จากประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เวลา 03.00 น. มาถึงหน้าด่านสะเดา จ.สงขลา เวลา 06.00 น. หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้แวะเที่ยวตามจุดต่างๆใน จ.สงขลา จนถึงเวลา 12.00 น. นักท่องเที่ยวต้องเข้าห้องพักโรงแรม น.ส.วณิชชา แจ้งมาว่ากำลังหาห้องพัก ให้พานักท่องเที่ยวแวะที่ไหนก่อนก็ได้ ตนต้องให้คนขับรถบัสขับวนพานักท่องเที่ยวแวะซื้อของฝากเพื่อยื้อเวลาออกไป
ไกด์สาวมาเลเซียเล่าต่อไปว่า จนถึงเวลา 16.00 น. ตนให้คนขับรถบัสทั้ง 4 คัน ขับมาจอดหน้าโรงแรมที่บริษัททัวร์จองไว้ เมื่อ น.ส.วณิชชา เดินทางมาถึงโรงแรมครั้งแรกได้แจ้งกับตนว่าหาห้องพักได้แค่ 10 ห้องเท่านั้น ตนต่อว่ากลับไปว่าจองห้องพักไว้ 64 ห้อง น.ส.วณิชชาหายออกจากโรงแรมไปแล้วกลับมาอีกรอบเวลา 18.00 น. แจ้งกับตนว่าในเขตตัวเมืองหาดใหญ่ไม่มีห้องพักเหลือเลย ทุกโรงแรมเต็มหมดแล้ว และบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ทำให้ตนและกลุ่มนักท่องเที่ยวเริ่มไม่พอใจ มีนักท่องเที่ยวบางส่วนอยากกลับประเทศมาเลเซียทันที แต่บางกลุ่มอยากเที่ยวสงกรานต์หาดใหญ่เพราะจองทริปเที่ยวตั้งแต่ปีที่แล้ว และคืนนี้ยังไม่รู้จะนอนพัก ที่ไหนเพราะโรงแรมเต็มหมดแล้ว
ต่อมา พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เดินทางมาที่โรงแรมพร้อมนายราเชนท์ อาตมาตร อายุ 52 ปี เจ้าของโรงเเรมญันนะตีย์โฮเต็ล เพื่อแก้ปัญหาห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกลุ่มดังกล่าว เมื่อ พล.ต.ต.สาคร เดินมาที่โต๊ะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำ น.ส.วณิชชาและเพื่อน พล.ต.ต.สาครได้ต่อว่าทั้งคู่ทันทีว่า “สิ่งที่ทำอยู่นี้ทำให้ประเทศไทยและเมืองหาดใหญ่เสียชื่อเสียงอย่างมาก เข้าไปอยู่ในคุกทั้งคู่เลย” ก่อนจะหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า ได้คุยกับนายราเชนท์ เจ้าของโรงแรมเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น นายราเชนท์สั่งให้เปิดห้องนวดและห้องประชุมโรงแรมเป็นที่พักชั่วคราว พร้อมติดต่อโรงแรมรอบนอกเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งหมดให้มีที่หลับที่นอน ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นายราเชนท์ อาตมาตร เจ้าของโรงเเรมญันนะตีย์โฮเต็ล เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่เคยรู้เรื่องเพิ่งทราบจากพนักงานแจ้งมาตอน 17.00 น. ว่า มีลูกค้ามาจองห้องพักเอาไว้แต่โรงแรมไม่มีห้องพัก ให้ลูกค้า และลูกค้ายืนยันได้โอนเงินมาให้เอเย่นต์เรียบร้อยแล้ว สอบสวนพนักงานทั้งหมดสรุปว่าไม่มีการจองห้องพักโรงแรมจริง โรงแรมไม่เคยได้รับการติดต่อจองห้องพัก รับเงินมัดจำ หรือใบจอง หรืออะไรทั้งสิ้น ถ้ามีการจองห้องพักโรงแรมจะออกใบจองและใบเสร็จรับเงินให้ในกรณีลูกค้าจ่ายเงินค่ามัดจำ และจะประสานไปทางผู้จองหรือเอเย่นต์เพื่อยืนยันว่าได้ห้องพักแน่นอน เป็นห้องประเภทใดบ้าง ยืนยันว่าไกด์หญิงคนดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือทำงานเป็นพนักงานของโรงแรม ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ตนสั่งให้เปิดห้องประชุมและห้องนวดของโรงแรมให้เข้าพักฟรีไปก่อนเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น ส่วนเรื่องคดีที่แอบอ้างถึงโรงแรมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเช่นกัน เนื่องจากทำชื่อเสียงโรงแรมเสียหาย
...
จากนั้นชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ และงานสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว คุมตัว น.ส.วณิชชาไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.หาดใหญ่ พร้อมเชิญไกด์บริษัททัวร์มาเลเซีย ที่โอนเงินจองค่าห้องพักให้กับ น.ส.วณิชชาไปสอบปากคำด้วย หลังเค้นสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง น.ส.วณิชชารับสารภาพว่า นำเงินค่าจองห้องพักของนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปใช้ส่วนตัวเกือบหมดแล้ว เหลือเงินจองห้องพักได้แค่ 10 ห้องเท่านั้น และจะชดใช้ค่าเสียหายให้ก่อน 25,000 บาท ตรวจสอบประวัติ น.ส.วณิชชาพบเคยก่อเหตุแบบเดียวกันนี้มาแล้วในพื้นที่ สภ.คอหงส์ จ.สงขลา มีบริษัททัวร์อีกบริษัทของมาเลเซียเข้าแจ้งความไว้เมื่อต้นปี 2566 นอกจากนี้ น.ส.วณิชชายังเปลี่ยนชื่อ และนามสกุลมาแล้วถึง 6 ครั้ง ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ น.ส.จิราพัชร์ อัศวเจริญชัย ก่อนจะเปลี่ยนชื่อ ล่าสุดคือ น.ส.วณิชชา อาชารัตนะ หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ แจ้งข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ฯ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่