กปร.ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พัฒนาพื้นที่แบบครบวงจร "หมู่บ้านกูแบสีรา" อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พลิกฟื้นพื้นที่ทำกิน สร้างอาชีพ-เพิ่มรายได้ช่วยเหลือประชาชน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน อดีตนายก อบต.ฯ เผยหลังมีโครงการดังกล่าวมาช่วยเหลือ หมู่บ้านผ่านเกณฑ์ จปฐ.ทั้งหมู่บ้าน หลังเมื่อก่อนผ่านเพียง 3 ครัวเรือน 

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 66 นางสุพร ตรีนรินทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ พร้อมคณะอนุกรรมการ ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านกูแบสีรา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริไว้ เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในคราวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสภาพพื้นที่และทรงเยี่ยมราษฎร รับทราบถึงความเดือดร้อนของราษฎร ที่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมขังที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำการเกษตรเป็นเวลานาน รวมถึงยังขาดแคลนน้ำในการอุปโภคและบริโภคในช่วงหน้าแล้ง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎรเป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ดำเนินการศึกษาในภาพรวมทั้งระบบ เมื่อศึกษาภาพรวมทั้งระบบได้แล้วให้ดูว่า ส่วนใดควรแก้ไขอย่างไร โดยขอให้ดำเนินการแก้ไขไปทีละส่วนเป็นขั้นตอน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ และทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

...

นางดวง ช่วยเมือง ราษฎรบ้านกูแบสีราและประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำ หมู่ที่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หนึ่งในราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ บอกถึงการดำรงชีพภายหลังจากมีการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่แบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาแหล่งน้ำ การพัฒนาดิน ตลอดถึงอาชีพเสริม การศึกษา สาธารณสุข และการคมนาคมในหมู่บ้านว่า จากที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อการทำกินได้ เปลี่ยนแปลงมาเป็นความสมบูรณ์ประกอบอาชีพได้ ได้รับผลผลิตที่ดีมีรายได้เพิ่มขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ที่บ้านทำนา ทำสวน ส่วนข้างบ้านปลูกพืชผักในกระสอบเพราะพื้นที่มีน้อย ปลูกพริก 50 ต้น เก็บขายได้ 3,000 กว่าบาท ต่อรอบการปลูก ปลูกแบบปลอดสารพิษไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ปุ๋ยหมัก โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดินเข้ามาอบรมให้ความรู้โดยใช้ทะลายปาล์มกับสารเร่ง พด.และใช้มูลไก่ ซึ่งทำให้ประหยัดต้นทุนในการเพาะปลูกได้มากและรายได้ก็เพิ่มขึ้น" นางดวง กล่าว

ขณะที่ นายมะยะโก๊ะ บือแน ราษฎรบ้านกูแบสีรา อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกอลำ เปิดเผยว่า บ้านกูแบสีราเดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีประชากร 370 คน 78 ครัวเรือน เป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดใน จ.ปัตตานี มีผ่านเกณฑ์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) เพียง 3 ครัวเรือน นอกนั้นตกเกณฑ์หมด หลังจากได้มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงมาสำรวจสภาพพื้นที่ จากนั้นมีการพัฒนาแหล่งน้ำ สร้างระบบน้ำแบบคลองไส้ไก่ เพื่อส่งน้ำไปยังแปลงเพาะปลูกของราษฎรได้อย่างทั่วถึง และช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง นอกจากนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาส่งเสริมสนับสนุนด้านอาชีพ ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และคมนาคม ทำให้ชาวบ้านตำบลกูแบสีรา ได้รับการพัฒนาอย่างครบวงจร

"ที่นี่พื้นที่เหมือนกับแอ่งกระทะ เป็นที่ลุ่มทำให้เกิดน้ำท่วมขัง แต่เมื่อมีระบบการระบายน้ำที่ดี ก็มีการทำการเกษตร ปลูกพืชผัก ปลูกผลไม้ ปลูกยางพาราได้ เมื่อก่อนการคมนาคมลำบาก ถนนเดิมเป็นลูกรังแต่ปัจจุบันมีถนนลาดยางหมดแล้ว ซึ่งในอดีตประชากรส่วนใหญ่จะจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็จะออกไปหางานทำนอกหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ทุกคนได้เรียนต่อจนจบภาคบังคับแล้ว บางรายก็เรียนต่อจนจบปริญญาตรีก็มีถึง 11 คน และได้ทำงานเป็นบุคลากรทางการศึกษา เป็นเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุโรงพยาบาลในอำเภอยะรัง อีกส่วนก็เป็นบัณฑิตอาสามาช่วยทำงานด้านต่างๆ ในหมู่บ้าน เศรษฐกิจก็ดีขึ้นมาก จากที่ทั้งหมู่บ้านผ่าน จปฐ.เพียง 3 ครัวเรือน ปัจจุบันผ่านเกณฑ์หมดทั้งหมู่บ้าน เมื่อมีการศึกษา มีความรู้เรื่องการประกอบอาชีพ ทำให้มีรายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ย 40,000 บาทต่อปี" นายมะยะโก๊ะ กล่าว

...

ด้าน น.ส.ฟาตือเมาะ บาแหะ ประธานกลุ่มพัฒนา บ้านกูแบสีรา ต.คลองลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง จนเหลือบริโภคภายในครัวเรือน จึงนำมาแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุงขายกิโลกรัมละ 25 บาท หากขายเป็นข้าวเปลือกจะได้เพียงกิโลกรัมละ 12 บาท ขณะเดียวกันทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาส่งเสริมอาชีพฝึกอบรมการถนอมอาหาร และแปรรูปอาหารชนิดต่างๆ ให้ทั้งเพื่อบริโภคและจำหน่าย อาทิ การทำข้าวยำ ทำน้ำบูดู แกงขี้เหล็ก และซุบไก่ เป็นต้น

"รู้สึกดีใจมากที่มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ปลูกพืชผักได้อย่างสมบูรณ์ทำให้ไม่ลำบาก ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน มีความสุขมากในตอนนี้" น.ส.ฟาตือเมาะ กล่าว

...

ทั้งนี้ สำนักงาน กปร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันดำเนินงานพัฒนาตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2545 ประกอบด้วยด้านการจัดสรรที่ดิน ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ ด้านการพัฒนาการเกษตรและส่งเสริมอาชีพ เช่น ส่งเสริมเกษตรกรทำการเกษตรแบบผสมผสาน ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ การแปรรูปผลผลิต รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มทำขนม กลุ่มปักผ้าคลุมผม เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมศึกษาดูงานตามโครงการต่างๆ เช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ในการทำเกษตร ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการมีส่วนร่วมของราษฎร จัดทำโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับและประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาราษฎรโดยมุ่งเน้นวิถีชีวิตบนพื้นฐานความพอเพียง ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี