ด่านสตูล - สงขลา คึกคักรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย แห่เข้าไทยเพื่อเดินทางเที่ยว หลังยกเลิกระบบเทสต์แอนด์โก มาใช้ระบบไทยแลนด์พาส รวมทั้งคนไทยเดินทางออกไปเยี่ยมญาติฝั่งมาเลย์

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 ที่ จ.สตูล ซึ่งเป็นวันแรกของการใช้ระบบไทยแลนด์พาส สำหรับผู้ที่เดินทางเข้า-ออก ระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยที่ด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล มีนักท่องเที่ยวจากรัฐต่างๆ เช่น รัฐปีนัง หรือกรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ ประเทศมาเซีย ทยอยเดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านทางด่านวังประจัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียบางคนตั้งใจจะเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ต บ้างก็ไปยังเกาะลันตา จ.กระบี่

และนอกจากนี้มีคนมาเลเซียที่มีญาติอยู่ในประเทศไทยเดินทางมาเยี่ยมญาติ ส่วนคนที่แต่งงานกับคนไทยต่างก็พาลูกพาเมีย กลับไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวคนไทยจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เดินทางเข้าไปเที่ยวในประเทศมาเลเซียผ่านทาง จ.สตูล

ด้าน นพ.สุพล เจริญวิกกัย ผอ.รพ.ควนโดน จ.สตูล กล่าวว่า สำหรับระบบไทยแลนด์พาส เป็นระบบการใช้พาสปอร์ต สำหรับคนไทยและต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สามารถเดินทางเข้ามาได้โดยไม่ต้องตรวจอะไรแล้ว สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนของทั้ง 2 ประเทศรัศมีในการเดินทางเข้าประเทศตามข้อตกลงของกระทรวงมหาดไทยทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งระยะเวลาจะสั้นกว่าเดิม สำหรับผู้ใช้บอร์เดอร์พาส 30 วัน แต่ช่วงโควิด-19 อยู่ได้แค่ 3 วัน

...

ขณะที่ จ.สงขลา ด่านพรมแดนสะเดา การเดินทางเข้าประเทศเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาวมาเลเซียและคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เดินทางกลับในช่วงเทศกาลฮารีรอยอ ทยอยเดินทางเข้ามาทางด่านพรมแดนสะเดาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าเกือบ 1 พันคน

ถือว่ากลับมาคึกคักมากที่สุดในรอบ 2 ปีจากสถานการณ์โควิด โดยในวันแรกของการยกเลิกเทสต์แอนด์โก มีการลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบไทยแลนด์พาสผ่านทางด่านพรมแดนสะเดา จำนวน 1,300 คน และอีกบางส่วนก็มาลงทะเบียนที่หน้าด่าน โดยเจ้าหน้าที่ด่านพรมแดนสะเดาทุกฝ่ายพร้อมให้บริการผู้ที่เดินทางเข้าประเทศตลอดช่วงเวลาเปิดปิดด่านตั้งแต่เวลาตี 5 จนถึง 4 ทุ่ม

นอกจากนี้ในส่วนของ จ.สงขลา ในวันนี้ก็ยังเป็นวันแรกของการปลดล็อกเปิดพื้นที่ให้เป็นจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว สีฟ้า ใน 12 จังหวัด ซึ่งจะมีการปรับมาตรการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกัน จากเดิมให้เวลาถึง 23.00 น. เป็นถึงไม่เกินเวลา 24.00 น.