คนในวงการมวยมาร่วมอาลัย รดน้ำศพ “พุฒ ล้อเหล็ก” อดีตยอดมวยไทย ก่อนนำศพไปทำพิธีฝัง 11 มิ.ย.นี้ ลูกชายเผยเตรียมสานต่อค่ายมวยที่สระบุรี สืบทอดวิชามวยไทยในรูปแบบของคุณพ่อ

เวลา 13.20 น. วันที่ 4 มิ.ย.62 ที่อาคารอเนกประสงค์สมาคมชาวย่านตาขาว ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว จ.ตรัง สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายทวี พิพัฒกุล หรือ “พุฒ ล้อเหล็ก” อดีตยอดมวยไทย ที่เสียชีวิตลงอย่างสงบในวัย 67 ปี ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่รักษามาอย่างยาวนาน หลังเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) จ.สงขลา และเสียชีวิตลง เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา สร้างความเศร้าโศกให้แก่บรรดาลูกหลาน ญาติพี่น้อง คนวงการมวยเป็นอย่างมาก ซึ่ง “พุฒ ล้อเหล็ก” ถือเป็นอดีตยอดมวยไทยคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง หาตัวเปรียบได้ยาก รวมทั้งได้สร้างผลงานให้กับประเทศไทยไว้เป็นอย่างมาก

บรรยากาศภายในงานบำเพ็ญกุศลศพวันนี้ ได้มีพิธีการรดน้ำศพ โดยมีนายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง พี่ชาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนจุดธูปเคารพศพ รวมทั้งมีบรรดาญาติพี่น้อง คนสนิท ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และคนในวงการมวย มาร่วมรดน้ำศพจำนวนมาก

นอกจากนี้ มีตัวแทนของ พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำพวงหรีดมาวางเคารพศพด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาลัย ก่อนจะนำร่างบรรจุลงในหีบศพ และนำไปประกอบพิธีฝังที่วัดนาโตงไชยาราม ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ในวันที่ 11 มิ.ย.63 นี้

นายวัฒนพงษ์ พิพัฒกุล อายุ 43 ปี บุตรชายผู้ดูแลค่ายมวยของ “พุฒ ล้อเหล็ก” กล่าวว่า คุณพ่อมีลูก 3 คน ซึ่งจะได้สานต่อค่ายมวยอยู่ที่ จ.สระบุรี โดยมีนักมวยทั้งหมดกว่า 10 คน ตนในฐานะลูกคนกลางจะเป็นผู้สืบทอดต่อ โดยได้รับการสนับสนุนจากนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต และอยากจะสร้างทีมเยาวชนให้มีวิชามวยไทยในรูปแบบที่คุณพ่อถนัด ซึ่งตนถูกคุณพ่อฝึกให้ชกมวยตั้งแต่จำความได้ และได้ติดตามคุณพ่อมาตลอด ปัจจุบันเป็นครูสอนชกมวยในค่ายของคุณพ่อ อาชีพและการเป็นนักมวยของคุณพ่อถือเป็นความทรหด และทำให้มีเงินซื้อสวนและอื่นๆ ได้ โดยคุณพ่อสอนให้รู้จักการรอคอย อดทน นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และมีน้ำใจนักกีฬา

...

สำหรับประวัติ “พุฒ ล้อเหล็ก” เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2495 ที่ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เริ่มเข้าสู่วงการมวยเมื่ออายุ 15 ปี เป็นแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินีและเวทีราชดำเนินที่มีชื่อเสียงโด่งดังระหว่างปี พ.ศ. 2513-2520 มีสถิติการชก 80 กว่าครั้งไม่เคยแพ้น็อก และเป็นแชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท (122 ปอนด์) ของสนามมวยลุมพินีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2514 แชมป์มวยสากลสมัครเล่นรุ่นไลต์เวท (135 ปอนด์) ของเวทีราชดำเนินเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2518 และยังเป็นแชมป์ประเทศไทย (มวยสากล) รุ่นไลต์เวทด้วย

ถูกขนานนามเป็นอดีตยอดมวยไทย หลังจากแขวนนวมได้ไปเป็นครูมวยให้กับค่าย “ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อนจะเสียชีวิตลงอย่างสงบ