ภรรยาชายเสียชีวิตบนรถไฟเศร้า ไม่มีโอกาสไปร่วมพิธีฝังศพสามี เหตุครอบครัวต้องกักตัว 14 วัน ขณะผู้โดยสารร่วมตู้ต้องกักตัวเองเช่นกัน
จากกรณีมีผู้เสียชีวิตบนรถไฟขบวนรถด่วนที่ 37 บางซื่อ - สุไหงโก-ลก เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 31 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นชายอายุ 57 ปี ชาวนราธิวาส เดินทางมาจากปากีสถาน ลงเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีการตรวจคัดกรองแล้วไม่พบมีอาการไข้จึงเดินทางไปที่สถานีรถไฟบางซื่อ เพื่อกลับไปยังนราธิวาส แต่เกิดเหตุเป็นลมหมดสติและเสียชีวิตระหว่างรถไฟกำลังแล่นถึงสถานีรถไฟ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบประวัติเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และผลการตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 นั้น
ล่าสุด ผู้โดยสารที่ร่วมนั่งขบวนรถไฟมากับตู้โดยสารเดียวกับผู้เสียชีวิตจำนวน 15 คน ซึ่งเป็นชาวสงขลา 2 คน ปัตตานี 3 คน ยะลา 1 คน นราธิวาส 7 คน และอีก 2 คน ยังไม่ทราบภูมิลำเนาที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ ในจำนวนนี้มี 10 คน กักตัวเอง 14 วันที่บ้านพักแล้ว โดยมี อสม. ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนอีก 1 คนกักตัวเองอยู่ที่ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และ 2 คนเดินทางด้วยตัวเองไปตรวจอาการที่โรงพยาบาล ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยฝังศพที่กุโบร์ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 มี.ค. 63 ที่ผ่านมา
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตที่นราธิวาส พูดคุยกับภรรยาของผู้เสียชีวิตที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมฝังศพของสามีได้ โดยผู้สื่อข่าวใช้การตะโกนพูดคุยสอบถามจากประตูบ้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือครอบครัวกักตัวเองในบ้านพัก 14 วัน
ทั้งนี้ ภรรยาของผู้เสียชีวิตเล่าว่าสามีเคยมีอาการวูบในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ในช่วงที่เดินทางไปเผยแผ่ศาสนาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าสามีก็คงคิดไม่แตกต่างจากตนว่ามาจากสาเหตุโรคประจำตัวกำเริบ เนื่องจากช่วงกลับมาจากปากีสถาน ก็ผ่านกระบวนการตรวจคัดกรองโรคแล้ว สามีจึงไม่ได้เอะใจ คิดว่าสักพักคงหายเป็นปกติ แต่เมื่อสามีเสียชีวิตลงก็ต้องทำใจ และจากการแพร่ภาพของสื่อต่างๆ ขณะที่สามีอาการป่วยกำเริบที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีรถไฟนั้น คิดว่าสามีก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะแสดงอาการหรือจามใส่บุคคลอื่น แต่ขณะนั้นสามีอาจจะกลั้นอาการเอาไว้ไม่อยู่.
...