ในภาวะที่ระบบผลผลิตการเกษตรประสบปัญหาด้านราคาที่ตกต่ำ ซึ่งเกิดจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ แต่เกษตรกรชาวสวนยางจากพัทลุงและสุราษฎร์ธานี กลับพลิกฟื้นวิกฤติที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นโอกาส ด้วยหลักแนวคิดในเรื่องการปรับเปลี่ยนแนวทางทำการเกษตรและพัฒนาลดต้นทุน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะที่ราคาผลผลิตตกต่ำ ด้วยการจดบันทึกและใช้ข้อมูลทางบัญชีมาคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ จนทำให้สามารถหาปัจจัยในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้เสริม เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดและเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตแบบพอเพียงให้แก่ชุมชน

นางอารีย์ เรืองพุทธ เกษตรกรชาวสวนยาง จ.พัทลุง โดยปัจจุบันได้รับคัดเลือกให้เป็นครูบัญชีอาสา และเป็นเกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับประเทศ ประจำปี 2562 เปิดเผยว่า ทำสวนยางพาราอยู่ 16 ไร่ แต่ด้วยภาวะราคายางตกต่ำจึงต้องหาแนวทางเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ประกอบกับในปี 2559 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยมีแปลงต้นแบบซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ที่ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จึงสมัครเข้าร่วมโครงการ ทำให้ได้รับความรู้ด้านการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ประกอบกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์พัทลุง ได้คัดเลือกเกษตรกรในโครงการให้เป็นครูบัญชีอาสาเพื่อเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดความรู้เรื่องบัญชีให้กับชาวบ้าน จึงมีโอกาสเข้าร่วมอบรมหลักสูตรครูบัญชีอาสา และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนเองรู้จักใช้ข้อมูลทางบัญชี มาคิดวิเคราะห์ วางแผนการใช้ข้อมูลและประกอบอาชีพ จนทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

...

หลังจากได้รับการอบรม ได้นำองค์ความรู้ทั้งด้านเกษตรทฤษฎีใหม่และด้านบัญชีมาปรับใช้ควบคู่ไปกับการทำสวนยางพารา ปลูกพืชผสมผสาน เลี้ยงปลา ปลูกผักกินเองส่วนที่เหลือนำไปขายสร้างรายได้เสริม รวมไปถึงผลิตปุ๋ยใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต และทำบัญชีครัวเรือนเพื่อให้รู้รายรับรายจ่าย ผลความสำเร็จจากการทำบัญชีจึงคิดต่อยอดให้คนในหมู่บ้านมีรายได้ ด้วยการรวมเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผลิตพริกแกงจากผลผลิตที่ปลูกและร่วมกันผลิตผักปลอดสารพิษจำหน่าย ทำให้คนในชุมชนมีรายได้จุนเจือครอบครัว แก้ปัญหาขาดแคลนรายได้จากผลกระทบราคายางพาราตกต่ำได้ อีกทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชผสมผสานตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนทุกวัน โดยกิจกรรมทั้งหมดมีการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปวางแผนในการทำการเกษตร โดยใช้ข้อมูลทางบัญชี

นางอารีย์ กล่าวอีกว่า จากที่เคยได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำต่อเนื่องหลายปี เมื่อมีการนำข้อมูลจากบัญชีมาปรับใช้ ทำให้รู้ว่าสิ่งใดจำเป็นและไม่จำเป็นในการทำเกษตรและการดำรงชีวิต จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายของเกษตรกรได้มาก ซึ่งในฐานะที่เป็นครูบัญชีอาสา ได้พยายามสร้างความเข้าใจและหาวิธีแนะนำเกษตรกรให้มีการทำบัญชีแบบเข้าใจได้ง่าย ไม่สอนแบบวิชาการมากเกินไป และมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรมีการบันทึกทำบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

น.ส.อมรรัตน์ ศรีนาค เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับประเทศ ประจำปี 2562 เปิดเผยว่า เดิมมีอาชีพทำสวนยางพาราจำนวน 25 ไร่ แต่ภายหลังจากเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ราคายางพาราตกต่ำ จึงลดพื้นที่สวนยางพาราด้วยการโค่นต้นยางพาราที่มีอายุมากให้เหลือสวนยางพาราเพียง 12 ไร่ เพื่อให้ยังคงมีรายได้คงค่าใช้จ่าย และปรับพื้นที่ที่โค่นต้นยางพาราต้นเก่าไปเพื่อปลูกยางพารารุ่นใหม่ขึ้นทดแทน พร้อมกับน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ปลูกผักหมุนเวียนในสวนยางพาราใหม่ เพื่อให้มีรายได้ทุกวัน เน้นพืชผักสมุนไพรที่นิยมบริโภค เป็นที่ต้องการของตลาดในท้องถิ่น อาทิ ตะไคร้ พริก ขิง ข่า ผักบุ้ง กระเจี๊ยบ มะเขือ เป็นต้น และนำระบบบัญชีที่ได้รับการสอนแนะมาจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์มาช่วยวิเคราะห์ต้นทุน รายรับ รายจ่าย เพื่อให้รู้ว่าสิ่งใดควรลด ละ เลิกและควรหาอะไรเข้ามาทดแทนเพื่อให้ได้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง นอกจากนี้ ยังสร้างฐานการเรียนรู้ทั้งด้านการเกษตรและด้านบัญชีที่บริเวณบ้าน เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนในชุมชนและบุคลทั่วไป เมื่อคนในชุมชนเริ่มสนใจและทำตาม จึงชักชวนให้ร่วมกันตั้งกลุ่มสมุนไพรบ้านเชิงสมอขึ้น เพื่อผลิตพริกแกงและผลิตผักปลอดสารพิษจำหน่าย สร้างมาตรฐานการผลิตร่วมกันเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพและสามารถต่อรองราคาได้โดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

"เป้าหมายต่อจากนี้ จะร่วมกับสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สุราษฎร์ธานี ถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ได้รู้จักการนำบัญชีครัวเรือนมาปรับใช้ในการวางแผนประกอบอาชีพ ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้" น.ส.อมรรัตน์ กล่าว.