นิธี สีแพร ผอ.ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชื้อเชิญให้ร่วมทริป ภูเก็ต-พังงา...เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวจังหวัดในภาคใต้ แบบที่ไม่ต้องล่องเกาะ เลาะทะเล โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่ใช่ไฮซีซันแบบนี้

และเพราะภาคใต้ไม่ได้มีแค่ทะเล...ทริปนี้เราจึงเริ่มต้นที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆติดทะเล อย่าง ชุมชนบ้านบางพัฒน์ ในเขตอำเภอเมืองพังงา ที่มีทั้งอาหารทะเลสดๆ และวิถีชีวิตชาวเลดั้งเดิมให้เราได้สัมผัส

บ้านบางพัฒน์...เป็นชุมชนที่มีลักษณะเป็นเกาะในอ่าวพังงา ตั้งบ้านเรือนนอกฝั่ง การเดินทางถ้าเริ่มต้นจากตัวเมืองพังงาใช้เส้นทางหมายเลข 415 สายพังงา-ทับปุด ประมาณ 10 กม. จะเจอ วัดเขาเฒ่า จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าแยกบ้านเขาเฒ่า-บางพัฒน์อีก 10 กม.จะถึงทางเข้าชุมชน เราต้องจอดรถไว้ที่นี่ แล้วเดินข้ามสะพานปูนที่ทอดยาวเข้าสู่ชุมชนอีกประมาณ 100 เมตร...ก็จะถึงชุมชนบ้านบางพัฒน์

กลิ่นอายของคนทะเลที่นี่ ส่งเสียงทักทายผู้มาเยือนพร้อมกับรอยยิ้มสดใส พี่หมู...ชูชาติ อ่อนเจริญ ผอ.ททท.สำนักงานพังงา บอกว่า คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม ทำอาชีพประมงมาแต่ดั้งเดิม อาหารทะเลที่นี่จึงทั้งสดและอร่อย มีร้านอาหารซีฟู้ดให้เลือกหลายร้าน จะกินแบบตามสั่ง หรือเป็นอาหารแบบ Set ต่อหัว ก็ประมาณคนละ 250-300 บาท มีอาหารให้ประมาณ 7 อย่าง หลักๆก็คือ หอยแครงลวก, กุ้งราดน้ำมะขาม, แกงส้มปลากะพง, ปลากะพงราดพริก, ปูม้านึ่ง, ยำไข่แมงดา, น้ำพริกกุ้งเสียบ ซึ่งถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่

...

ก่อนกลับจะแวะซื้อ ปลาเค็มตากแห้ง ปลาแดดเดียว ปลาหมึก กุ้งเสียบ หรือ กะปิ ที่แม่บ้านชาวชุมชนบางพัฒน์ทำกันเองและนำมาจำหน่ายติดไม้ ติดมือไปเป็นของฝากก็ไม่เลว เพราะนอกจากจะราคาไม่แพงแล้ว ยังใช้วัตถุดิบจากชุมชนที่หามาได้มาแปรรูปเอง หรือจะซื้อของแต่งบ้านทำจากไม้โกงกางก็ดูดีไปอีกแบบ เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงเชิงอนุรักษ์ติดทะเล มีป่าโกงกางที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่มาก ใครที่อยากจะชิลๆในวิถีชาวบ้าน จะลองนอนโฮมสเตย์ที่บางพัฒน์สักคืน...ก็ไม่เลว

หลังจากอิ่มแปล้กับอาหารทะเลสดๆแล้ว โปรแกรมต่อไป คือการไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์เมืองพังงา พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาวพังงาไว้อย่างน่าสนใจ เสียดาย...ที่คนไทยเราไม่ค่อยชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทั้งๆที่การเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในที่ใดที่หนึ่งก็ตาม จะทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของท้องถิ่นนั้นๆในเกือบจะทุกด้านและทุกมิติ

อย่างที่ พิพิธภัณฑ์เมืองพังงา แห่งนี้ แค่อาคารก็ดูคลาสสิกแล้ว เพราะดัดแปลงจากศาลากลางหลังเก่า ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวแต่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมเฉพาะแบบอาณานิคมหรือโคโลเนียล สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2473 ด้านหน้าอาคารมีตราครุฑขนาดใหญ่สวยงาม ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติเมืองพังงาในด้านต่างๆไว้อย่างละเอียด แบ่งเป็น 6 ห้องหลักๆ คือ ห้องรู้เรื่องเมืองพังงา, ห้องพัฒนาการทางประวัติศาสตร์, ห้องการเมืองการปกครองและการค้า, ห้องคนพังงา, ห้องมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น และห้องเอกลักษณ์สถาปัตยกรรม

โดยส่วนตัวแล้วชอบห้องคนพังงา เพราะมีเรื่องราวของผู้คนในจังหวัดพังงา ที่มีอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่มหลักๆ คือ ชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม ชาวไทยเชื้อสายจีน ที่แต่งกายชุดบาบ๋า-ย่าหยา และ ชาวเล ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีทั้งอัตลักษณ์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะเสื้อผ้าการแต่งกายบอกเลยว่ามีเสน่ห์มากๆ

และเพราะทริปนี้...มีเวลาเป็นของเรา ผอ.นิธี...จึงจัดให้นั่งรถสองแถวไม้ ซึ่งถือเป็นพาหนะที่เป็นเอกลักษณ์ของพังงา...ลักษณะเหมือนรถโพถ้อง ของระนองและภูเก็ต แต่ที่นี่...เรียกว่าสองแถวไม้...พาตระเวนรอบเมือง และที่ต้องไม่พลาด...คือการไป Say Hi!! กับน้องมาร์ดี เด็กน้อย 3 ตาสุดฮิต จุดเช็กอิน Street Art ของเมืองพังงา

...

ผอ.ททท.สำนักงานพังงา บอกว่า น้องมาร์ดี ...เกิดขึ้นจากแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ หรือ Creative Tourism ภายใต้โครงการ Check in พังงา ที่วาดโดยศิลปิน คือ คุณพัชรพล แตงรื่น หรือ Alex Face ที่ใครๆก็เรียกเขาว่าเป็นพ่อของน้องมาร์ดี...

สำหรับกราฟฟิตี้น้องมาร์ดีเก๋ๆในเมืองพังงา มีอยู่ 3 ที่ ที่ต้องไปเช็กอินกันให้ครบ จุดแรก คือ บริเวณถนนโรงเรือติดกับสี่แยกโรงเรียนอนุบาลเก่า เป็นภาพน้องมาร์ดีกำลังร่อนแร่ และนกคาบธนบัตร สื่อถึงอดีตของจังหวัดพังงาในยุคที่เหมืองแร่ดีบุกเฟื่องฟู และมีเงินสะพัด จุดที่ 2 อยู่ที่ด้านข้างอาคารโรงครัว หน้าศาลเจ้าแม่ม่าจ้อโป๋ เป็นภาพน้องมาร์ดีเชิดสิงโต สื่อถึงชาวพังงาที่สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน ตรงจุดนี้แนะนำว่าให้แวะกินขนมจีนป้าศล ร้านขนมจีนชื่อดังของพังงา อยู่ฝั่งตรงข้ามศาลเจ้า บอกเลยว่าเป็นขนมจีนรสเด็ดจริงๆ มี Dressing ให้เลือก 4 อย่าง คือ น้ำยากะทิ น้ำพริก ไตปลา แกงป่า และไม่ใช่แค่รสชาติเท่านั้นที่อร่อย ความมีเสน่ห์ของร้านอีกอย่าง คือ สามารถตักกินได้ตามสบาย จะตักจะเติมกี่ครั้งก็ได้ แกล้มกับผัก (กินฟรี) ที่มีให้เลือกแบบอลังการงานสร้าง...พูดแล้วยังเปรี้ยวปากไม่หาย

...

ส่วน จุดที่ 3 อยู่ตรงข้ามสำนักงานบริการลูกค้า TOT พังงา เป็นภาพน้องมาร์ดีกับขวดแก้วที่มีเรือสำเภาและแนวภูเขาในเมืองพังงา สื่อถึงภาพในอดีตที่เรือสำเภาค้าขายทางทะเลสามารถเดินเรือผ่านคลองพังงาเข้ามาค้าขายได้ถึงในตัวเมือง

เรียกว่า...ถ้าหาจุดขายดีๆ Stories ของน้องมาร์ดี...ก็น่าสนใจไม่น้อย และพอน้องมาร์ดีไปโผล่ที่ภูเก็ตก็จะเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่แตกต่างออกไป

นอนหลับฝันดีกันในคืนแรก ที่ โรงแรมคาซ่า เดอลา ฟลอร่า เขาหลัก พรุ่งนี้เรามีนัดตามรอยร้านมิชลินในจังหวัดพังงา ซึ่งมีอยู่ถึง 6 ร้าน 1 ในนั้น คือร้านครัวน้อง อ.ตะกั่วป่า ที่ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmand) ประเภทร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา

เมนูเด็ดของร้าน คือ ต้มยำกุ้ง และ กุ้งผัดเผ็ด สะตอ ที่ใช้กุ้งตัวโตๆ เสิร์ฟร้อนๆ เลือกความเผ็ดได้ 3 ระดับ ตามความชอบ หรือใครที่ชอบเมนูปู ก็มีเมนูปูเด็ดๆให้เลือก ทั้ง ยำปูนิ่ม ปูนิ่มทอดกระเทียม และปูนิ่มสะดุ้ง ส่วนเมนูปลาที่เด็ดๆ มีทั้งปลาอินทรีทอดน้ำปลา ปลาเก๋าราดพริก และอีกมากมายหลากหลายเมนูเด็ดๆ

เป็นการเที่ยวใต้แบบไม่ง้อทะเล...แต่ได้กินของทะเลแบบสดๆและอร่อย ถ้าให้ปิดทริปแบบง่ายๆไม่พูดมาก...คงต้องติดแฮชแท็กส่งใจไปเบาๆ.

#รักจัง (นะ) พังงา...!!!!