หญิงป่วยมะเร็งเต้านมร้องสื่อ พายุปาบึกทำต้นไม้ทับบ้านพังทั้งหลัง ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากหน่วยงานภาครัฐ ผ่านมาเป็นเดือนไร้คนเหลียวแล วอน ผวจ.นครศรีธรรมราช ช่วยเหลือด้วย...

เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2562 นายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่า มีบ้านหลังหนึ่งในซอยข้างปั๊มน้ำมัน ปตท.หัวถนน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งถูกต้นไม้ใหญ่หักโค่นล้มทับพังเสียหายทั้งหลังจากฤทธิ์พายุโซนร้อนปาบึก เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากหน่วยงานภาครัฐทั้งๆ ที่มีการสำรวจไปเรียบร้อยแล้ว และบ้านที่พังเสียหายบางส่วนอีก 2 หลังซึ่งอยู่ติดกันอีก 2 หลังเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจพร้อมกันและดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เจ้าของบ้านซึ่งป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมีอาการเครียดอย่างหนัก คิดฆ่าตัวตายประชดชีวิต

 
หลังรับแจ้งคณะผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นบ้านเลขที่ 16/33 ซ.ข้างปั๊ม ปตท. หัวถนน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยพบนางอมรรัตน์ แซ่ภู่ อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านซึ่งป่วยเป็นมะเร็งเต้านม พร้อม น.ส.อรอุมา จันทร์ทัณฑ์ อายุ 22 ปี บุตรสาวอยู่ในบ้าน โดยสภาพบ้านยังพังเสียหายยับเยินทั้งหลังเพราะโดนต้นไม้ใหญ่หักโค่นล้มทับ จนคนในบ้านต้องหามุมหนึ่งในบ้านและใช้สังกะสีเก่าๆ มุงกันแดดกันฝนอยู่อาศัยอย่างอยากลำบาก ในขณะที่ตัวนางอมรรัตน์ เจ้าของบ้านอยู่ในอาการเครียดหนักอย่างเห็นได้ชัด 

นางอมรรัตน์ แซ่ภู่ เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้มีเจ้าหน้าที่จากทางเทศบาลเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ โดยพบว่าบ้านของตนพังเสียหายทั้งหลัง และบ้านเพื่อนบ้านอีก 2 หลังซึ่งอยู่ติดๆ กันพังเสียหายบางส่วน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมบ้านที่พังเสียหายบางส่วนจนแล้วเสร็จนานแล้ว ส่วนบ้านของตนไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ตนเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่มาซ่อมแซมบ้านของเพื่อนบ้านเขายืนยันว่าทางเทศบาล ฯ สั่งให้ซ่อมแซมบ้านในซอยนี้แค่ 2 หลังเท่านั้น ตนจึงเดินทางไปประสานงานติดต่อกับจนท.ฝ่ายสวัสดิการของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ก็พูดจาบ่ายเบี่ยงต่างๆ นาๆ และชี้แจงบ้านที่พังทั้งหลังจะได้รับแค่กระเบื้องเพื่อซ่อมแซมหลังคา 30 แผ่นเท่านั้น จนเวลาล่วงเลยมาจนใกล้ถึงเวลาที่ทางราชการกำหนดว่า การสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ก.พ. 2562 แต่ทุกอย่างกลับเงียบหายไม่มีการเข้ามาซ่อมแซมหรือก่อสร้างบ้านให้ตนแต่อย่างใด 

...

ด้าน น.ส. อรอุมา จันทร์พันธ์ อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช บุตรสาวของนางอมรรัตน์ กล่าวว่า ครอบครัวตนอาศัยอยู่ 5 ชีวิต ประกอบด้วย นายอำนวย จันทร์พันธ์ นางอมรรัตน์ แซ่ภู่ พ่อและแม่ พร้อมด้วยพี่ชาย หลานสาวและตน ซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากจน รายได้ที่เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวมาจากพ่อที่ทำงานรับจ้างก่อสร้าง และตนที่จะใช้เวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ ออกขายผลไม้ในตลาดท่าเรียน ส่วนพี่ชายมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัวชนมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองไปวันๆ โดยหลังเกิดเหตุพายุโซนร้อนปาบึกพัดถล่มทำให้ต้นไม้หักโค่นล้มทับบ้านตนพังเสียหายทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาตรวจสอบตามขั้นตอนแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการซ่อมแซม หรือก่อสร้างบ้านให้กับครอบครัวของตน ในขณะที่บ้านของเพื่อนบ้านอีกหลังที่พังเสียหายบางส่วนดำเนินการซ่อมแซมเรียบร้อยนานแล้ว

บุตรสาวของนางอมรรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนพยายามติดตามเรื่องนี้กับทางเทศบาลอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด และไม่มีใครเข้ามาดูดำดูดีครอบครัวของตนเลย แม้แต่ ส.ท.ในพื้นที่ก็ไม่เคยเข้ามาดูแลสอบถามแม้แต่น้อย ล่าสุดตนได้เข้าไปสอบถามความคืบหน้าในเรื่องนี้ กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสวัสดิการสังคมเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ทางเจ้าหน้าที่ก็บ่ายเบี่ยงและตอบว่าบ้านพังทั้งหลัง ทางเทศบาลจะช่วยเหลือได้แค่กระเบื้อง 30 แผ่นเท่านั้น หากอยากได้รับการช่วยเหลือมากกว่านี้ ขอให้เขียนคำร้องขอรับการช่วยเหลืออย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ตนสุดที่จะทนต่อไปได้จึงกล่าวตอบว่า ไม่เป็นไร เมื่อเทศบาล ฯ ไม่ช่วยเหลือตนจะเดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือโดยตรงจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย.